วันนี้กระผมตื่นนอนประมาณ 6.05 น. แม้เมื่อคืนจะเริ่มนอนประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ เพราะไม่ยอมพลาดฟุตบอลประเพณีการกุศลของอังกฤษ (Community Shield) ระหว่างปีศาจแดงและสิงโตน้ำเงินคราม ใครที่เป็นแฟนปีศาจแดง ก็ขอกล่าวคำว่า “รู้นะว่าเธอเจ็บ 555” หยอกเล่นนะครับ ฟุตบอลก็เหมือนกีฬาอย่างอื่นแหละครับ มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดาครับ
หลังจากตื่นมาทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ก็หันไปสะกิดพี่บอยตาม Step วันนี้ เปิดประตูออกมาข้างนอกยิ่ง Amazing เพราะว่าพื้นที่ในเหลายา อินแลนด์ รีสอร์ท (อย่าอ่านผิดเป็น เหล้า ยา อินแลนด์ทีเดียว) ค่อนข้างธรรมชาติมากเลยครับ ทุกห้องพักจะมีต้นไม้อย่างน้อย 1 ต้น เป็นเครื่องตกแต่งเชิงศิลปะประกอบในห้องครับ ผมได้เดินสำรวจห้องประชุมที่จะจัด CSR Campus ซึ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเคาท์เตอร์ด้านหน้ารีสอร์ทเองนี่แหละครับ ถือว่าเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ออกเดินทางแคมปัสที่การจัดสัมมนาใช้ห้องประชุมที่อยู่ใกล้กับถนนใหญ่มากเลยครับ ประมาณ 5 เมตรเองครับ ย้ำว่า 5 เมตรนะครับ (เสี่ยงต่อการที่ผู้เข้าร่วมอบรมหนีกลับกลางคันมากเลยครับ)
วันนี้เมนูอาหารเช้าเป็น American Breakfast และอีกเมนูที่พลิกวงการอาหารเช้า คือ ข้าวหมูแดง แทนที่จะเป็นข้าวต้มหมูหรือข้าวต้มไก่ตามที่ประเพณีรีสอร์ทถือปฏิบัติตามกันมา หลังจากจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อย เวลาประมาณ 8.00 น. เราก็เริ่มมาจัดข้าวของเพื่อเตรียมต้อนรับชาวตราดที่จะเดินทางมาเข้าร่วมเวที CSR Campus กัน
ในกิจกรรมเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง ได้มีการนำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น การเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม ด้วยการใส่ใจในการทำงาน ไม่คดโกง หรือสร้างความเสียหายแก่บริษัท และให้ความร่วมมือแก่เพื่อนร่วมงาน อีกหัวข้อหนึ่ง คือ การมีความสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ด้วยการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวจะก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ในส่วนของความเป็นพลเมืองบรรษัท อยากเห็นการไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม โดยอยากให้ทุกบริษัทประกอบกิจการโดยคำนึงถึงสังคมส่วนรวม ไม่ยึดแต่ผลประกอบการและกำไรของตนเท่านั้น และอีกหัวข้อหนึ่ง คือ การส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งจะทำให้พนักงานมีอารมณ์เย็น ไม่มีอารมณ์โมโห เป็นต้น
ต่อมาเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ CSR เชิงระบบ เช่น การเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจ โดยจะเน้นการให้องค์กรเป็นตัวหลักในการรณรงค์เกี่ยวกับการลดเลิกอบายมุขต่างๆ เพราะการที่พนักงานยังติดอบายมุข จะมีส่วนสำคัญทำให้การรับผิดชอบต่อหน้าที่ลดน้อยลง หรือมีการทำ CSR ที่ลดลง องค์กรจึงควรมีนโยบายให้พนักงานได้มีกิจกรรมนันทนาการ เล่นดนตรี หรือเล่นกีฬาแทน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานมากกว่า ส่วนหัวข้อถัดมาคือ ความเข้าใจเรื่อง CSR ขององค์กร โดยเสนอให้มีการจัดการสื่อสารด้าน CSR ในสถานศึกษามากขึ้น เพื่อที่จะทำให้นักศึกษาภายในสถานศึกษาได้รับทราบข้อมูล และเข้าใจความหมายของ CSR อย่างชัดเจน
ในช่วงพักทานอาหารเที่ยง ผมก็ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับทั้งอาจารย์และนักธุรกิจ ซึ่งต่างเป็นชาวตราดกันทั้งหมด ประเด็นที่เรานำมาถกกันในมื้ออาหารเที่ยงคือเรื่องอาหารทะเล โดยส่วนตัวกระผมเข้าใจว่า อาหารทะเลต้องไปชิมที่ระยอง แต่กระผมกลับคิดผิดถนัดครับ เพราะจากการสนทนาทำให้รับทราบว่าแหล่งวัตถุดิบอาหารทะเลที่เราได้ลิ้มรสที่จังหวัดระยองนั้นมาจากจังหวัดตราดครับ ตราดจะมีอาหารทะเลที่ค่อนข้างสดกว่าและราคาถูกกว่า และก็มีข้อมูลอัพเดทส่วนหนึ่งด้วยครับว่า ปีนี้หอยเชลล์มีปริมาณออกสู่ตลาดซื้อขายค่อนข้างมากทำให้ปกติราคาหอยเชลล์ซึ่งอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ปรับงมาเหลืออยู่ที่ราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม (ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับว่า หอยเชลล์ราคา 20 บาทต่อกก.) ตามคำบอกเล่าอ้างอิงจากชาวประมงแถวจังหวัดตราดอีกทีนะครับ ถึงกับมีการเปรียบเปรยว่าตอนนี้เรือที่ใช้อวนดักกุ้ง ตอนนี้เค้าเลิกดักกุ้งแล้ว เค้าหันมาดักหอยเชลล์กันหมด มองอีกมุมหนึ่งก็ถือได้ว่า ธรรมชาติคงมีความผิดปกติอะไรอยู่ลึกๆ ล่ะครับ เพราะปกติปริมาณหอยเชลล์จะไม่เยอะขนาดนี้ (เฮ้อ เมื่อไหร่สมดุลของธรรมชาติจะกลับมา)
กิจกรรม CSR เชิงสร้างสรรค์ของจังหวัดตราดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ “โครงการการเลี้ยงกุ้งอินทรีย์” โดยเน้นการลดใช้สารเคมี ยาปฏิชีวนะ และเป็นการสานต่อโครงการพระราชดำริของในหลวง (อ่าวคุ้งกระเบน) โดยมีเป้าหมายที่การรณรงค์ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วจังหวัดตราด หันมาทำการเลี้ยงกุ้งแบบอินทรีย์ เป็นมิตรกับธรรมชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ปลอดภัยไร้สารตกค้าง อีกทั้งยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
กิจกรรมต่อมาเป็น “โครงการคืนป่าชายเลนสู่ตราด” เนื่องจากจังหวัดตราดมีพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกทำลายอยู่มาก โครงการนี้จะเน้นการปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว โดยการรวบรวมสมาชิกจัดตั้งชมรมปลูกป่าชายเลนทดแทน รวมทั้งมีการจัดตั้งขบวนรณรงค์การอนุรักษ์ป่าเพื่อปลูกจิตสำนึกและให้มีการติดตามผลการดำเนินงาน พร้อมแก้ไขฟื้นฟูพื้นที่ส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกด้วย
ส่วนกิจกรรมส่งท้ายคือ “โครงการปิด ปั่น ปลูก ลด” ที่มีคำย่อมาจาก ปิดเทอม-ปั่นจักรยาน-ปลูกป่าชายเลน-ลดภาวะโลกร้อน โดยเสนอให้มีการจัดทีมอาสาสมัครปั่นจักรยานแรลลี่เป็นกลุ่ม เก็บขยะตามเส้นทาง และเมื่อถึงที่หมาย ก็จะมีการแจกต้นกล้านำไปปลูกป่าชายเลนต่อ เพื่อเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนและยังเป็นการฟื้นฟูแหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการจัดร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น องค์กรต่างๆ ทั้งภาคเอกชนและรัฐ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาด้วย
วันนี้ ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กัลวรรธน์ มหาสิงห์ จากวิทยาลัยเทคนิคตราด โดยท่านได้ให้มุมมองว่า “การมาวันนี้ได้รับความรู้เป็นอย่างมากในด้านการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมขององค์กร และได้รับรู้กิจกรรมต่างๆ ที่องค์กรมีส่วนช่วยสังคมด้วย โดยในส่วนของพลเมืองบรรษัท คิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำการเผยแพร่ผ่านการสอนในรายวิชาและพิมพ์เอกสารพลเมืองบรรษัทแจกต่อนักศึกษาที่ไม่ได้มีโอกาสมาร่วมฟังในวันนี้ด้วย”
หลังจากจบงานสัมมนา CSR Campus เราก็เริ่มเก็บข้าวของ จนเสร็จสิ้นราว 17.00 น. รถตู้ก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไป วันนี้อากาศก็เหมือนเดิมครับ ฝนดูจะพร้อมตกอยู่ตลอดเวลา เวลามองฟ้าก็ช่างหม่นหมองเสียเหลือเกิน ระยะทางจากจังหวัดตราดไปจังหวัดจันทบุรีก็ประมาณ 60 กว่ากิโลเมตรครับ ก็ไกลนิดหน่อยแต่ไม่เกินความสามารถของพี่รถตู้เราครับ ขณะที่รถมุ่งหน้าตรงไปจนระยะห่างระหว่างจังหวัดเหลือแค่ 50 กิโลเมตร ก็ได้มีเสียงหมือนนางฟ้า (เจ้านายผมเองครับ) มาเตือนว่า “อย่าลืมกะปิตราดนะจ๊ะ ห้ามเป็นกะปิระยอง จันทบุรี นะ(อย่าแอบเนียน) ต้องกะปิตราด กระปุกตราดเท่านั้น ตรงไหนก็ได้ ข้างทาง หรือตลาดก็ได้” ผมถึงกับตะโกนโห่ร้องทันใดว่า ”กะปิตราดครับ” อย่างกับอะคีมิดิสตะโกนว่ายูเรก้า (แต่ผมตะโกนโดยไม่แก้ผ้าเหมือนอะคีมิดิสนะครับ) หลังจากเกิดการทักท้วงเรื่องกะปิตราดอย่างยิ่งใหญ่ รถตู้เราก็ Drift รถ U-Turn ตามสัญชาติญาณเลยครับ (Tokyo Drift ถึงกับหนาวเมื่อเจอ ตราด Drift)
ในที่สุดเราก็ได้ของฝากเป็นกะปิ 6 กระปุกเรียบร้อยแล้วครับ ได้ถามแม่ค้าว่า ทำไมกะปิตราดถึงดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ แม่ค้าจึงบอกเคล็ดลับกะปิจังหวัดตราดว่าใช้เคย (กุ้งตัวเล็กๆ) ที่สดสะอาด เนื่องจากเมืองตราดมีแหล่งเคยที่สดและใหม่มากทำให้กะปิตราดเป็นของที่ระลึกประจำจังหวัดทีเดียว หลังจากซื้อของฝากเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรีด้วยบรรยากาศของสายฝนที่โปรยปรายร่วมกับเพลงและแอร์เย็นๆ บนรถ เลยเกิดความรู้สึกคิดถึงใครบางคนทันที เหอ ๆๆๆ (เริ่มน้ำเน่า พอ..พอ)
เมื่อรถจอดเทียบปั๊มปตท.เพื่อขอเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนต่อไป ผมได้เจอรุ่นพี่สมัยเรียนปริญญาตรี ชื่อพี่พัน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดจันทบุรีโดยกำเนิดครับ ไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ผมจึงถามพี่พันเรื่องร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ พี่พันได้แนะนำร้านศรโภชนาครับ ไม่รอช้า หลังจากร่ำลากันเสร็จ เราก็มุ่งตรงสู่ร้านศรโภชนาเลยครับ (หิวเหมือนกันนะเนี่ย)
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เราก็มุ่งสู่โรงแรมเคพีแกรนด์ จังหวัดจันทบุรี ที่หน้าโรงแรม เราเจอพี่เบลบอยหน้าเหมือนพี่เบน ชลาทิศ เป็นอย่างมาก ทีแรกเข้าใจว่าพี่เบนเลิกร้องเพลงมาเป็นเบลบอยซะแล้ว (ผมขออนุญาตเรียกสรรพนามพี่เบลบอยคนนี้ว่าพี่เบนบอยนะครับ) หลังจากที่เราเก็บสัมภาระเข้าห้องกันเสร็จเรียบร้อยในเวลาประมาณ 19.00 น. ผมก็ได้ถามพี่เบนบอยว่า ที่จังหวัดจันทบุรีมีแหล่งเดินเที่ยวในตอนกลางคืนบ้างมั้ย จากน้ำเสียงพี่เบนบอยอันนุ่มลึกได้บอกว่า มีจตุจักรอยู่ด้านข้าง Robinson ซึ่งห่างจากโรงแรมเพียง 250 เมตร ท่านผู้ชม Blog ฟังไม่ผิดหรอกครับ เป็นจตุจักรของจังหวัดจันทบุรีเค้านะครับ ทีมงานเราก็ไม่ได้ทำให้พี่เบนบอยขาดศรัทธา เราได้มุ่งหน้าสู่จตุจักรจันทบุรีทันที
ณ จตุจักร จันทบุรี ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ และของที่ระลึกต่างๆ เดินได้สักพัก ทีมงานสาวๆ เราก็หายไป ไม่ได้ถูกลักพาตัวไปไหนครับ หลงอยู่ในดงเสื้อผ้าสตรีนั่นเอง ส่วนตัวกระผม พี่บอย และคนขับรถ ก็เดินด้วยความว่องไวจนครบทั่วทั้งจตุจักรในเวลาไม่นาน ทีมสุภาพบุรุษจึงเดินต่อที่ Robinson ระหว่างเดินชมสินค้าพอเป็นที่เพลิดเพลิน พี่คนขับก็ชวนไปเล่นเกมส์ตู้ครับ เป็นเกมส์ขับรถที่ต้องเน้นการเบียดรถคันอื่นให้เสียหายด้วยจึงจะได้แต้ม เห็นฝีไม้ลายมือที่พี่เค้าทำลายรถข้างเคียงได้แต้มมโหฬารไปแล้ว ผมก็นึกได้คำเดียวครับว่า อย่าขับแบบนี้บนรถตู้นะผมเสียวววว...
จากนั้น เราทั้งหมดก็ลาจากจตุจักรกลับโรงแรมในเวลาประมาณ 21.30 น. ก็เริ่มทำธุระและนั่งพิมพ์ Blog อย่างต่อเนื่องจนหมดสติคาคีย์บอร์ดในเวลา 23.00 น. แล้วมาติดตามกันต่อนะครับว่า CSR Campus พรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป ราตรีสวัสดิ์ครับพี่น้องชาวไทย
หลังจากตื่นมาทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ ก็หันไปสะกิดพี่บอยตาม Step วันนี้ เปิดประตูออกมาข้างนอกยิ่ง Amazing เพราะว่าพื้นที่ในเหลายา อินแลนด์ รีสอร์ท (อย่าอ่านผิดเป็น เหล้า ยา อินแลนด์ทีเดียว) ค่อนข้างธรรมชาติมากเลยครับ ทุกห้องพักจะมีต้นไม้อย่างน้อย 1 ต้น เป็นเครื่องตกแต่งเชิงศิลปะประกอบในห้องครับ ผมได้เดินสำรวจห้องประชุมที่จะจัด CSR Campus ซึ่งอยู่ด้านหลังโต๊ะเคาท์เตอร์ด้านหน้ารีสอร์ทเองนี่แหละครับ ถือว่าเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ออกเดินทางแคมปัสที่การจัดสัมมนาใช้ห้องประชุมที่อยู่ใกล้กับถนนใหญ่มากเลยครับ ประมาณ 5 เมตรเองครับ ย้ำว่า 5 เมตรนะครับ (เสี่ยงต่อการที่ผู้เข้าร่วมอบรมหนีกลับกลางคันมากเลยครับ)
วันนี้เมนูอาหารเช้าเป็น American Breakfast และอีกเมนูที่พลิกวงการอาหารเช้า คือ ข้าวหมูแดง แทนที่จะเป็นข้าวต้มหมูหรือข้าวต้มไก่ตามที่ประเพณีรีสอร์ทถือปฏิบัติตามกันมา หลังจากจัดการกับอาหารเช้าเรียบร้อย เวลาประมาณ 8.00 น. เราก็เริ่มมาจัดข้าวของเพื่อเตรียมต้อนรับชาวตราดที่จะเดินทางมาเข้าร่วมเวที CSR Campus กัน
ในกิจกรรมเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง ได้มีการนำเสนอหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น การเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม ด้วยการใส่ใจในการทำงาน ไม่คดโกง หรือสร้างความเสียหายแก่บริษัท และให้ความร่วมมือแก่เพื่อนร่วมงาน อีกหัวข้อหนึ่ง คือ การมีความสวามิภักดิ์ต่อพระมหากษัตริย์ด้วยการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวจะก่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข ในส่วนของความเป็นพลเมืองบรรษัท อยากเห็นการไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม โดยอยากให้ทุกบริษัทประกอบกิจการโดยคำนึงถึงสังคมส่วนรวม ไม่ยึดแต่ผลประกอบการและกำไรของตนเท่านั้น และอีกหัวข้อหนึ่ง คือ การส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งจะทำให้พนักงานมีอารมณ์เย็น ไม่มีอารมณ์โมโห เป็นต้น
ต่อมาเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ CSR เชิงระบบ เช่น การเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจ โดยจะเน้นการให้องค์กรเป็นตัวหลักในการรณรงค์เกี่ยวกับการลดเลิกอบายมุขต่างๆ เพราะการที่พนักงานยังติดอบายมุข จะมีส่วนสำคัญทำให้การรับผิดชอบต่อหน้าที่ลดน้อยลง หรือมีการทำ CSR ที่ลดลง องค์กรจึงควรมีนโยบายให้พนักงานได้มีกิจกรรมนันทนาการ เล่นดนตรี หรือเล่นกีฬาแทน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานมากกว่า ส่วนหัวข้อถัดมาคือ ความเข้าใจเรื่อง CSR ขององค์กร โดยเสนอให้มีการจัดการสื่อสารด้าน CSR ในสถานศึกษามากขึ้น เพื่อที่จะทำให้นักศึกษาภายในสถานศึกษาได้รับทราบข้อมูล และเข้าใจความหมายของ CSR อย่างชัดเจน
ในช่วงพักทานอาหารเที่ยง ผมก็ได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับทั้งอาจารย์และนักธุรกิจ ซึ่งต่างเป็นชาวตราดกันทั้งหมด ประเด็นที่เรานำมาถกกันในมื้ออาหารเที่ยงคือเรื่องอาหารทะเล โดยส่วนตัวกระผมเข้าใจว่า อาหารทะเลต้องไปชิมที่ระยอง แต่กระผมกลับคิดผิดถนัดครับ เพราะจากการสนทนาทำให้รับทราบว่าแหล่งวัตถุดิบอาหารทะเลที่เราได้ลิ้มรสที่จังหวัดระยองนั้นมาจากจังหวัดตราดครับ ตราดจะมีอาหารทะเลที่ค่อนข้างสดกว่าและราคาถูกกว่า และก็มีข้อมูลอัพเดทส่วนหนึ่งด้วยครับว่า ปีนี้หอยเชลล์มีปริมาณออกสู่ตลาดซื้อขายค่อนข้างมากทำให้ปกติราคาหอยเชลล์ซึ่งอยู่ที่ 80 บาทต่อกิโลกรัม ปรับงมาเหลืออยู่ที่ราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม (ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับว่า หอยเชลล์ราคา 20 บาทต่อกก.) ตามคำบอกเล่าอ้างอิงจากชาวประมงแถวจังหวัดตราดอีกทีนะครับ ถึงกับมีการเปรียบเปรยว่าตอนนี้เรือที่ใช้อวนดักกุ้ง ตอนนี้เค้าเลิกดักกุ้งแล้ว เค้าหันมาดักหอยเชลล์กันหมด มองอีกมุมหนึ่งก็ถือได้ว่า ธรรมชาติคงมีความผิดปกติอะไรอยู่ลึกๆ ล่ะครับ เพราะปกติปริมาณหอยเชลล์จะไม่เยอะขนาดนี้ (เฮ้อ เมื่อไหร่สมดุลของธรรมชาติจะกลับมา)
กิจกรรม CSR เชิงสร้างสรรค์ของจังหวัดตราดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ “โครงการการเลี้ยงกุ้งอินทรีย์” โดยเน้นการลดใช้สารเคมี ยาปฏิชีวนะ และเป็นการสานต่อโครงการพระราชดำริของในหลวง (อ่าวคุ้งกระเบน) โดยมีเป้าหมายที่การรณรงค์ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั่วจังหวัดตราด หันมาทำการเลี้ยงกุ้งแบบอินทรีย์ เป็นมิตรกับธรรมชาติ เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้าและทำให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่ปลอดภัยไร้สารตกค้าง อีกทั้งยังเป็นการรักษาสภาพแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
กิจกรรมต่อมาเป็น “โครงการคืนป่าชายเลนสู่ตราด” เนื่องจากจังหวัดตราดมีพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกทำลายอยู่มาก โครงการนี้จะเน้นการปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว โดยการรวบรวมสมาชิกจัดตั้งชมรมปลูกป่าชายเลนทดแทน รวมทั้งมีการจัดตั้งขบวนรณรงค์การอนุรักษ์ป่าเพื่อปลูกจิตสำนึกและให้มีการติดตามผลการดำเนินงาน พร้อมแก้ไขฟื้นฟูพื้นที่ส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกด้วย
ส่วนกิจกรรมส่งท้ายคือ “โครงการปิด ปั่น ปลูก ลด” ที่มีคำย่อมาจาก ปิดเทอม-ปั่นจักรยาน-ปลูกป่าชายเลน-ลดภาวะโลกร้อน โดยเสนอให้มีการจัดทีมอาสาสมัครปั่นจักรยานแรลลี่เป็นกลุ่ม เก็บขยะตามเส้นทาง และเมื่อถึงที่หมาย ก็จะมีการแจกต้นกล้านำไปปลูกป่าชายเลนต่อ เพื่อเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนและยังเป็นการฟื้นฟูแหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำด้วย โดยกิจกรรมดังกล่าวจะมีการจัดร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น องค์กรต่างๆ ทั้งภาคเอกชนและรัฐ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาด้วย
วันนี้ ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กัลวรรธน์ มหาสิงห์ จากวิทยาลัยเทคนิคตราด โดยท่านได้ให้มุมมองว่า “การมาวันนี้ได้รับความรู้เป็นอย่างมากในด้านการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมขององค์กร และได้รับรู้กิจกรรมต่างๆ ที่องค์กรมีส่วนช่วยสังคมด้วย โดยในส่วนของพลเมืองบรรษัท คิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษาเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำการเผยแพร่ผ่านการสอนในรายวิชาและพิมพ์เอกสารพลเมืองบรรษัทแจกต่อนักศึกษาที่ไม่ได้มีโอกาสมาร่วมฟังในวันนี้ด้วย”
หลังจากจบงานสัมมนา CSR Campus เราก็เริ่มเก็บข้าวของ จนเสร็จสิ้นราว 17.00 น. รถตู้ก็พร้อมที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไป วันนี้อากาศก็เหมือนเดิมครับ ฝนดูจะพร้อมตกอยู่ตลอดเวลา เวลามองฟ้าก็ช่างหม่นหมองเสียเหลือเกิน ระยะทางจากจังหวัดตราดไปจังหวัดจันทบุรีก็ประมาณ 60 กว่ากิโลเมตรครับ ก็ไกลนิดหน่อยแต่ไม่เกินความสามารถของพี่รถตู้เราครับ ขณะที่รถมุ่งหน้าตรงไปจนระยะห่างระหว่างจังหวัดเหลือแค่ 50 กิโลเมตร ก็ได้มีเสียงหมือนนางฟ้า (เจ้านายผมเองครับ) มาเตือนว่า “อย่าลืมกะปิตราดนะจ๊ะ ห้ามเป็นกะปิระยอง จันทบุรี นะ(อย่าแอบเนียน) ต้องกะปิตราด กระปุกตราดเท่านั้น ตรงไหนก็ได้ ข้างทาง หรือตลาดก็ได้” ผมถึงกับตะโกนโห่ร้องทันใดว่า ”กะปิตราดครับ” อย่างกับอะคีมิดิสตะโกนว่ายูเรก้า (แต่ผมตะโกนโดยไม่แก้ผ้าเหมือนอะคีมิดิสนะครับ) หลังจากเกิดการทักท้วงเรื่องกะปิตราดอย่างยิ่งใหญ่ รถตู้เราก็ Drift รถ U-Turn ตามสัญชาติญาณเลยครับ (Tokyo Drift ถึงกับหนาวเมื่อเจอ ตราด Drift)
ในที่สุดเราก็ได้ของฝากเป็นกะปิ 6 กระปุกเรียบร้อยแล้วครับ ได้ถามแม่ค้าว่า ทำไมกะปิตราดถึงดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ แม่ค้าจึงบอกเคล็ดลับกะปิจังหวัดตราดว่าใช้เคย (กุ้งตัวเล็กๆ) ที่สดสะอาด เนื่องจากเมืองตราดมีแหล่งเคยที่สดและใหม่มากทำให้กะปิตราดเป็นของที่ระลึกประจำจังหวัดทีเดียว หลังจากซื้อของฝากเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรีด้วยบรรยากาศของสายฝนที่โปรยปรายร่วมกับเพลงและแอร์เย็นๆ บนรถ เลยเกิดความรู้สึกคิดถึงใครบางคนทันที เหอ ๆๆๆ (เริ่มน้ำเน่า พอ..พอ)
เมื่อรถจอดเทียบปั๊มปตท.เพื่อขอเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนต่อไป ผมได้เจอรุ่นพี่สมัยเรียนปริญญาตรี ชื่อพี่พัน ซึ่งเป็นชาวจังหวัดจันทบุรีโดยกำเนิดครับ ไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ผมจึงถามพี่พันเรื่องร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ พี่พันได้แนะนำร้านศรโภชนาครับ ไม่รอช้า หลังจากร่ำลากันเสร็จ เราก็มุ่งตรงสู่ร้านศรโภชนาเลยครับ (หิวเหมือนกันนะเนี่ย)
หลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เราก็มุ่งสู่โรงแรมเคพีแกรนด์ จังหวัดจันทบุรี ที่หน้าโรงแรม เราเจอพี่เบลบอยหน้าเหมือนพี่เบน ชลาทิศ เป็นอย่างมาก ทีแรกเข้าใจว่าพี่เบนเลิกร้องเพลงมาเป็นเบลบอยซะแล้ว (ผมขออนุญาตเรียกสรรพนามพี่เบลบอยคนนี้ว่าพี่เบนบอยนะครับ) หลังจากที่เราเก็บสัมภาระเข้าห้องกันเสร็จเรียบร้อยในเวลาประมาณ 19.00 น. ผมก็ได้ถามพี่เบนบอยว่า ที่จังหวัดจันทบุรีมีแหล่งเดินเที่ยวในตอนกลางคืนบ้างมั้ย จากน้ำเสียงพี่เบนบอยอันนุ่มลึกได้บอกว่า มีจตุจักรอยู่ด้านข้าง Robinson ซึ่งห่างจากโรงแรมเพียง 250 เมตร ท่านผู้ชม Blog ฟังไม่ผิดหรอกครับ เป็นจตุจักรของจังหวัดจันทบุรีเค้านะครับ ทีมงานเราก็ไม่ได้ทำให้พี่เบนบอยขาดศรัทธา เราได้มุ่งหน้าสู่จตุจักรจันทบุรีทันที
ณ จตุจักร จันทบุรี ของที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ และของที่ระลึกต่างๆ เดินได้สักพัก ทีมงานสาวๆ เราก็หายไป ไม่ได้ถูกลักพาตัวไปไหนครับ หลงอยู่ในดงเสื้อผ้าสตรีนั่นเอง ส่วนตัวกระผม พี่บอย และคนขับรถ ก็เดินด้วยความว่องไวจนครบทั่วทั้งจตุจักรในเวลาไม่นาน ทีมสุภาพบุรุษจึงเดินต่อที่ Robinson ระหว่างเดินชมสินค้าพอเป็นที่เพลิดเพลิน พี่คนขับก็ชวนไปเล่นเกมส์ตู้ครับ เป็นเกมส์ขับรถที่ต้องเน้นการเบียดรถคันอื่นให้เสียหายด้วยจึงจะได้แต้ม เห็นฝีไม้ลายมือที่พี่เค้าทำลายรถข้างเคียงได้แต้มมโหฬารไปแล้ว ผมก็นึกได้คำเดียวครับว่า อย่าขับแบบนี้บนรถตู้นะผมเสียวววว...
จากนั้น เราทั้งหมดก็ลาจากจตุจักรกลับโรงแรมในเวลาประมาณ 21.30 น. ก็เริ่มทำธุระและนั่งพิมพ์ Blog อย่างต่อเนื่องจนหมดสติคาคีย์บอร์ดในเวลา 23.00 น. แล้วมาติดตามกันต่อนะครับว่า CSR Campus พรุ่งนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไป ราตรีสวัสดิ์ครับพี่น้องชาวไทย
ดูบอลหรือ...ทำไรหรอคะคุณวิทยากรหน้าตาดี หุหุ
ตอบลบได้แวะไปเที่ยวเกาะบ้างหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ (เวลาเยอะ)ชอบโครงการเลี้ยงกุ้งอินทรีย์ (เลี้ยงกุ้งแบบเลี้ยงนกอินทรีย์อะหรอคะ โหอย่างงี้กุ้งก็บินได้สิ ฮ่าๆๆๆ)จริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบกินกุ้งค่ะ อยากให้ทำโครงการนี้ทั้งประเทศไทยเลยค่ะสำหรับคนที่เลี้ยงกุ้ง จะได้ทำให้ผู้บริโภคอร่อย !!!! และปลอดภัยด้วย ชอบๆๆ โหวตๆๆๆๆ
คุณน้องคะ.... พออ่านแล้วก็รู้เลยว่าช่างกินจังนะคะ ก็เจอรุ่นพี่ แทนที่จะชวนไปร่วมสัมมนา กลับถามที่กินสะงั้น แต่ก็ให้อภัยได้จากการที่คุณน้องช่างเป็นคนที่ใส่ใจกับเจ้านายสะจริงๆ ที่ไม่ลืมกะปิให้เจ้านาย ว่าแต่ว่าเจ้าน้องคุณน้องทำไมกินกะปิเก่งจัง 6 กระปุก เนี่ยบ้านพี่กินทั้งปีนะคะ เป็นอย่างนี้เจ้านายรักตายเลย...
ตอบลบไปตราดกินกั้งหรือเปล่าอะ... ขอบอกว่าอร่อยมั่กๆ