สวัสดีครับท่านผู้ชม Blog ตอนนี้ผมอยู่ที่จังหวัดมุกดาหารแล้วครับ วันนี้เป็นวันแรกที่กระผมตื่นได้ใกล้ชิดกับต่างประเทศมากที่สุดแล้วครับ (ยังไม่เลิกเห่อ) แล้วกิจกรรมก็เริ่มดำเนินตามระเบียบด้วยการที่ผมอาบน้ำก่อน แล้วพี่บอยก็ตามมาอาบทีหลัง (เกิดเป็นคนอาบน้ำเร็วนี่นา) วันนี้อาศัยการ Check ข่าวจาก Internet แทนดูโทรทัศน์ครับ เพราะโรงแรมมี Wi-Fi Internet ฟรีพร้อมกับความขี้เกียจเปิดทีวีของผมนะครับ (ความเป็นจริงทีวีน่าจะเปิดได้เร็วกว่า Computer นะเนี่ย) และวันนี้กระผมก็เปลี่ยนมาเสพข่าวกีฬาบ้าง หลังจากที่ทุกวันจะดูแต่ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ และข่าวอื่น ๆ เป็นต้น แล้วเมื่ออ่านข่าวดูผมก็ถึงกับอึ้งไปทันที เมื่อปีเตอร์ รีด ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาติไทยจะย้ายไปเป็นผู้ช่วยทีม Stoke City แล้วครับ ส่วนตัวกระผมก็รู้สึกเสียดายนะครับ ฟุตบอลทีมชาติไทยก็กำลังไปได้สวยทีเดียว (เมื่อเทียบกับแต่ก่อน) แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ หากนักเตะฟุตบอลไทยตั้งใจฝึกซ้อมนะครับ ผมหวังว่าการที่ฟุตบอลไทยจะไปบอลโลก ก็คงไม่สายหรอกครับ (ถ้าวันนั้นมาถึงและผมยังมีชีวิตอยู่จะถือเป็นบุญมาก)
หลังจากจัดการภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวลงมาทานอาหารทันที วันนี้อาหารเป็นแบบ Buffet ครับแต่กระผมก็เริ่มเบื่ออาหารโรงแรมแล้ว จึงเริ่มทานน้อยกว่าปกติ (ถึงคราวได้ฤกษ์ผอมซะที) หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เริ่มมุ่งหน้าไปจัดของเตรียมงานสัมมนา ณ ห้องประชุม เลยครับ ซึ่งวันนี้สภาพห้องประชุมถือว่า Amazing มากเพราะห้องประชุมของเราติดกับสระว่ายน้ำด้วยครับ แต่ก็ไม่ค่อยน่าเดินไปใกล้เพราะแดดร้อนมาก (คนผิวดีอย่างกระผมต้องระวังครับ) แต่ก็ได้แต่นึกนะครับว่าน่าจะมีการเดินแบบข้างสระว่ายน้ำด้วยนะเนี่ยจะได้ส่งทีมงานสาวสวยของเราไปประกวด (หรือประจาน) ด้วยพอเวลาผ่านไปสักพักตอนนี้เก้าอี้ทุกตัวก็เริ่มเต็มไปด้วยผู้เข้าฟังแล้วครับ
วันนี้กิจกรรมเรื่องของหน้าที่พลเมืองที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมุกดาหารมีดังนี้ เช่น การเป็นผู้มีความสัตย์ด้วยการรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ และ ด้านพลเมืองบรรษัทอยากเห็นการส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้พนักงานดำเนินงานด้วยความดี มั่นคง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การทำงาน ส่วนหัวข้อที่น่าสนใจถัดมาคือ การเป็นผู้มีความพากเพียรเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ด้วยการทำงานด้วยความขยันเอาใจใส่ในงานที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงเรียนรู้ในสิ่งที่ทำด้วยซึ่งจะเกิดการพัฒนาความรู้ความสามารถด้วย ส่วนของพลเมืองบรรษัทได้เลือกการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้วยการกำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสมกับคุณภาพสินค้าและต้นทุนสินค้าด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ด้วย
ส่วนของ CSR เชิงระบบที่น่าสนใจของชาวมุกดาหารมีดังนี้ เช่น การสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กรด้วยการจัดโครงการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่อง CSR ด้วยการประชุมตัวแทนต่าง ๆ เช่น อาจารย์ นักเรียน และนักการ เพื่อสร้างความเข้าใจ CSR แก่บุคลากรดังกล่าว และหัวข้อที่น่าสนใจต่อมาคือ การสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR เช่นกัน แต่จะต่างกันตรงที่จะเป็นสถานประกอบธุรกิจซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นทำให้องค์กรธุรกิจมีความรู้ความเข้าใจ และสามาถไปสร้างนโยบายทาง CSR เพื่อขับเคลื่อนให้สังคมเกิดความสุข
และช่วงพักเที่ยงทานอาหารผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับผู้เข้าฟังท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้บอกว่าแม้ว่าจังหวัดมุกดาหารจะติดกับลาว แต่จะเป็นชาวลาวซะส่วนใหญ่มากกว่าที่เข้ามาเที่ยวฝั่งไทย (ความเชื่อของผมทลายล้มทั้งยืนเพราะเชื่อมาตลอดว่าชาวไทยน่าจะเข้าฝั่งลาวมากกว่า) แหม ตัวเราก็ดันเห่อประเทศลาวซะเยอะเลย กระผมจึงย้อนกลับมามองตัวเองว่าประเทศไทยก็มีที่เที่ยวเยอะเหมือนกัน เที่ยวเมืองไทยให้ทั่วก่อนไหมก่อนที่จะออกไปเที่ยวลาว ? และผมยังรู้มาอีกอย่างว่าวัฒนธรรมและต้นกำเนิดของชาวมุกดาหารยังมีที่มาจากชนเผ่า 8 เผ่าด้วยกันแบ่งเป็น ไทยอีสาน ภูไท ข่า ไทยกะโซ่ ไทยกะเลิง ไทยแสก ไทยย้อ และไทยกุลา (ท่านใดอยากทราบรายละเอียดสามารถเข้าไปที่ http://www.hellomukdahan.com/thailand-mukdahan-racegroup.php ได้นะครับ) ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีเทศกาลในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง 8 เผ่าอยู่ด้วยการแต่งกายตามประจำเผ่า รวมถึงการตั้งเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง หลังจากผมฟังแล้วผมคิดว่าน่าจะกระบวนการหรือวิธีในการสร้างให้ชุมชนเข้มแข็งซึ่งสามารถรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้ดำรงคงอยู่ได้บ้างมาปรับใช้แก่ท้องถิ่นอื่น ๆ ด้วย
ต่อมาก็มาถึงกิจกรรม Creative CSR ที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมุกดาหารมีดังนี้เช่น “โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นมุกดาหารให้ยั่งยืน” โดยเริ่มจากการศึกษาความเป็นอยู่และวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเสนอแนวทางความคิดเห็นโดยรวมเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่ดีเช่น การแต่งกาย วัฒนธรรมการใช้ภาษา สู่เยาวชนให้เกิดการสร้างเอกลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหารโดยผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนท้องถิ่นด้วย กิจกรรมดังกล่าวจะทำให้วัฒนธรรมของชาวมุกดาหารไม่สูญหายไป
กิจกรรมต่อมาคือ “โครงการธรรมชาติน่าอยู่ คืนสู่ประตูอินโดจีน” มีการจัดกิจกรรมร่วมรณรงค์รักษาธรรมชาติ เนื่องจากมุกดาหารมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น แก่งกะเบา ภูผาเทิบ ตลาดอินโดจีน น้ำตกตาดโตน ภูผาซาน ฯลฯ โดยรูปแบบกิจกรรมจะเน้นการปลูกจิตสำนึกให้กับผู้คนในจังหวัดรวมทั้งต่างจังหวัดให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
กิจกรรมสุดท้ายก็คือ “โครงการชุมชน 5ส” โดยเริ่มจากการรณรงค์ให้ชุมชนมีความรู้เรื่อง 5ส เช่น การแยกขยะและทิ้งขยะให้ถูกประเภท เป็นต้น โดยประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายผ้าหรือสื่อวิทยุชุมชนและยังมีการจัดประกวดหมู่บ้านดีเด่นในการทำ 5 ส ด้วยโดยจะมีการแจกรางวัลให้หมู่บ้านตัวอย่างในการทำ 5 ส ยอดเยี่ยมด้วย
และวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ 2 ท่านด้วยกัน ท่านแรกคือ อาจารย์ศศิธร สุวรรณกุล จากโรงเรียนเทคโนโลยีมุกดาหารได้กล่าวว่า “ก่อนจะมาฟังบรรยายวันนี้ก็มีความรู้พื้นฐานว่า CSR คือความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร แต่หลังจากฟังการบรรยายวันนี้ทำให้รู้ CSR ลึกขึ้นในเรื่อง CSR เชิงระบบ และเรื่อง Creative CSR อีกด้วย ในส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทจะต้องมีการย้ำและพูดบ่อย ๆ แก่นักศึกษาเพื่อที่จะให้นักศึกษาเกิดจิตสำนึกแล้วนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง”
ท่านต่อมา คือ อาจารย์ศิริวรรณ รุ่งรักทิพย์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนเทคโนบริหารธุรกิจรักไทย ท่านได้กล่าวว่า “วันนี้ได้รับความรู้เพิ่มเติมเรื่องการระดมสมอง Creative CSR เนื่องจากได้เห็นความคิดของแต่ละคนในกลุ่มในการสร้างสรรค์กิจกรรม CSR และทำให้รู้ว่ากิจกรรม Creative CSR เป็นการตอบโจทย์ปัญหาสังคมด้วย และส่วนของพลเมืองบรรษัทคิดว่าสำคัญมาก หากทุกคนภายในองค์กรตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมก็จะทำให้สังคมเกิดความน่าอยู่มากขึ้น”
หลังจากเราจบงานสัมมนา CSR Campus ในจังหวัดมุกดาหารแล้ว เราก็เริ่มเก็บของต่าง ๆ แล้วเตรียมตัวมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดยโสธรต่อเนื่องเลยครับ ในช่วงเวลาที่กระผมอยู่บนรถตู้ก็รู้สึกถึงความเหนื่อยเริ่มคืบคลานเข้ามาแล้วสักพักก็หมดสติคารถตู้เลยครับ (แถมฝันอีกต่างหาก) รู้สึกจะงีบไปประมาณ 30 นาทีแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาเห็นควายตามทุ่งหญ้าเลยครับ ซึ่งปกติจะไม่เคยใกล้ควายขนาดนี้เลยครับ (ลักษณะรูปพรรณควายลำตัวจะใหญ่มากแล้วก็มีขาที่เล็ก ซึ่งกระผมลำตัวใหญ่และขาก็ใหญ่ด้วยหากจะมีใครมาว่าผมว่าควายผมก็จะไม่ยอมรับนะครับ) หลังจากเห็นควายอย่างละลานตาแล้ว ผมจึงเริ่มเปิดซีดีแก๊งค์ 3 ช่า ซึ่งทำให้ผมคิดถึงบุคคลผู้เป็นไอดอลของชาวยโสธรเลยครับ นั่นคือ คุณหม่ำ จ๊กม๊ก นั่นเอง จากที่ผมเคยอ่านประวัติของตลกผู้นี้ต้องยอมรับครับว่าจะมาวันนี้ได้ลำบากอย่างแรง เพราะฉะนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จได้เราต้องลำบากมาก่อนครับ (จำเป็น Concept ชีวิตเลยครับ)
แล้วตอนนี้กระผมก็มาถึงหน้าโรงแรมแล้วครับ แล้วเราก็ได้รับคำแนะนำจากทีมงานสาว ๆ ถึงร้านอาหารที่เราจะไปวันนี้ก็คือ ร้านหม่องแซ่บนั่นเอง โดยมื้อเย็นครั้งนี้เราทานปลากันเยอะมากครับ อาจพูดได้ว่าหลังจากทานเสร็จ เรียกได้ว่าแต่ละคนเป็นมนุษย์มัจฉาได้เลยครับ (บางคนอาจเรียกว่าเป็นมัจฉาเกยตื้นเลยก็ได้นะครับ) หลังจากเราทานอาหารเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ตลาดนัด โดยเราก็จะไปเจอร้านผลไม้ซึ่งตอนนี้ทีมงานสาวร้อนรนอยากได้มากครับ เพราะมีทุเรียนขายอยู่ด้วยหลังจากสอบถามพ่อค้า ทำให้ความตั้งใจของทีมงานสาวเราล้มครืนไปต่อหน้าต่อตาเพราะทุเรียนดังกล่าวยังไม่สุกครับ (คิดในใจถ้าทานทุเรียนแล้วรอให้ไปสุกในท้องได้ทีมงานสาวเราคงกว้านซื้อไปแล้ว) หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อเตรียมงานในวันพรุ่งนี้ต่อไป ท่านผู้อ่าน Blog อย่าลืมมา Comment ให้ด้วยนะครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย
หลังจากจัดการภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวลงมาทานอาหารทันที วันนี้อาหารเป็นแบบ Buffet ครับแต่กระผมก็เริ่มเบื่ออาหารโรงแรมแล้ว จึงเริ่มทานน้อยกว่าปกติ (ถึงคราวได้ฤกษ์ผอมซะที) หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เริ่มมุ่งหน้าไปจัดของเตรียมงานสัมมนา ณ ห้องประชุม เลยครับ ซึ่งวันนี้สภาพห้องประชุมถือว่า Amazing มากเพราะห้องประชุมของเราติดกับสระว่ายน้ำด้วยครับ แต่ก็ไม่ค่อยน่าเดินไปใกล้เพราะแดดร้อนมาก (คนผิวดีอย่างกระผมต้องระวังครับ) แต่ก็ได้แต่นึกนะครับว่าน่าจะมีการเดินแบบข้างสระว่ายน้ำด้วยนะเนี่ยจะได้ส่งทีมงานสาวสวยของเราไปประกวด (หรือประจาน) ด้วยพอเวลาผ่านไปสักพักตอนนี้เก้าอี้ทุกตัวก็เริ่มเต็มไปด้วยผู้เข้าฟังแล้วครับ
วันนี้กิจกรรมเรื่องของหน้าที่พลเมืองที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมุกดาหารมีดังนี้ เช่น การเป็นผู้มีความสัตย์ด้วยการรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ และ ด้านพลเมืองบรรษัทอยากเห็นการส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้พนักงานดำเนินงานด้วยความดี มั่นคง และมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การทำงาน ส่วนหัวข้อที่น่าสนใจถัดมาคือ การเป็นผู้มีความพากเพียรเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ด้วยการทำงานด้วยความขยันเอาใจใส่ในงานที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงเรียนรู้ในสิ่งที่ทำด้วยซึ่งจะเกิดการพัฒนาความรู้ความสามารถด้วย ส่วนของพลเมืองบรรษัทได้เลือกการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาลด้วยการกำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสมกับคุณภาพสินค้าและต้นทุนสินค้าด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ด้วย
ส่วนของ CSR เชิงระบบที่น่าสนใจของชาวมุกดาหารมีดังนี้ เช่น การสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กรด้วยการจัดโครงการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่อง CSR ด้วยการประชุมตัวแทนต่าง ๆ เช่น อาจารย์ นักเรียน และนักการ เพื่อสร้างความเข้าใจ CSR แก่บุคลากรดังกล่าว และหัวข้อที่น่าสนใจต่อมาคือ การสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR เช่นกัน แต่จะต่างกันตรงที่จะเป็นสถานประกอบธุรกิจซึ่งสิ่งที่จะเกิดขึ้นทำให้องค์กรธุรกิจมีความรู้ความเข้าใจ และสามาถไปสร้างนโยบายทาง CSR เพื่อขับเคลื่อนให้สังคมเกิดความสุข
และช่วงพักเที่ยงทานอาหารผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกับผู้เข้าฟังท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้บอกว่าแม้ว่าจังหวัดมุกดาหารจะติดกับลาว แต่จะเป็นชาวลาวซะส่วนใหญ่มากกว่าที่เข้ามาเที่ยวฝั่งไทย (ความเชื่อของผมทลายล้มทั้งยืนเพราะเชื่อมาตลอดว่าชาวไทยน่าจะเข้าฝั่งลาวมากกว่า) แหม ตัวเราก็ดันเห่อประเทศลาวซะเยอะเลย กระผมจึงย้อนกลับมามองตัวเองว่าประเทศไทยก็มีที่เที่ยวเยอะเหมือนกัน เที่ยวเมืองไทยให้ทั่วก่อนไหมก่อนที่จะออกไปเที่ยวลาว ? และผมยังรู้มาอีกอย่างว่าวัฒนธรรมและต้นกำเนิดของชาวมุกดาหารยังมีที่มาจากชนเผ่า 8 เผ่าด้วยกันแบ่งเป็น ไทยอีสาน ภูไท ข่า ไทยกะโซ่ ไทยกะเลิง ไทยแสก ไทยย้อ และไทยกุลา (ท่านใดอยากทราบรายละเอียดสามารถเข้าไปที่ http://www.hellomukdahan.com/thailand-mukdahan-racegroup.php ได้นะครับ) ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีเทศกาลในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่าทั้ง 8 เผ่าอยู่ด้วยการแต่งกายตามประจำเผ่า รวมถึงการตั้งเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง หลังจากผมฟังแล้วผมคิดว่าน่าจะกระบวนการหรือวิธีในการสร้างให้ชุมชนเข้มแข็งซึ่งสามารถรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้ดำรงคงอยู่ได้บ้างมาปรับใช้แก่ท้องถิ่นอื่น ๆ ด้วย
ต่อมาก็มาถึงกิจกรรม Creative CSR ที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมุกดาหารมีดังนี้เช่น “โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นมุกดาหารให้ยั่งยืน” โดยเริ่มจากการศึกษาความเป็นอยู่และวัฒนธรรมท้องถิ่นมาเสนอแนวทางความคิดเห็นโดยรวมเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่ดีเช่น การแต่งกาย วัฒนธรรมการใช้ภาษา สู่เยาวชนให้เกิดการสร้างเอกลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหารโดยผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนท้องถิ่นด้วย กิจกรรมดังกล่าวจะทำให้วัฒนธรรมของชาวมุกดาหารไม่สูญหายไป
กิจกรรมต่อมาคือ “โครงการธรรมชาติน่าอยู่ คืนสู่ประตูอินโดจีน” มีการจัดกิจกรรมร่วมรณรงค์รักษาธรรมชาติ เนื่องจากมุกดาหารมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น แก่งกะเบา ภูผาเทิบ ตลาดอินโดจีน น้ำตกตาดโตน ภูผาซาน ฯลฯ โดยรูปแบบกิจกรรมจะเน้นการปลูกจิตสำนึกให้กับผู้คนในจังหวัดรวมทั้งต่างจังหวัดให้มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย
กิจกรรมสุดท้ายก็คือ “โครงการชุมชน 5ส” โดยเริ่มจากการรณรงค์ให้ชุมชนมีความรู้เรื่อง 5ส เช่น การแยกขยะและทิ้งขยะให้ถูกประเภท เป็นต้น โดยประชาสัมพันธ์ผ่านป้ายผ้าหรือสื่อวิทยุชุมชนและยังมีการจัดประกวดหมู่บ้านดีเด่นในการทำ 5 ส ด้วยโดยจะมีการแจกรางวัลให้หมู่บ้านตัวอย่างในการทำ 5 ส ยอดเยี่ยมด้วย
และวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ 2 ท่านด้วยกัน ท่านแรกคือ อาจารย์ศศิธร สุวรรณกุล จากโรงเรียนเทคโนโลยีมุกดาหารได้กล่าวว่า “ก่อนจะมาฟังบรรยายวันนี้ก็มีความรู้พื้นฐานว่า CSR คือความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร แต่หลังจากฟังการบรรยายวันนี้ทำให้รู้ CSR ลึกขึ้นในเรื่อง CSR เชิงระบบ และเรื่อง Creative CSR อีกด้วย ในส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทจะต้องมีการย้ำและพูดบ่อย ๆ แก่นักศึกษาเพื่อที่จะให้นักศึกษาเกิดจิตสำนึกแล้วนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง”
ท่านต่อมา คือ อาจารย์ศิริวรรณ รุ่งรักทิพย์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ โรงเรียนเทคโนบริหารธุรกิจรักไทย ท่านได้กล่าวว่า “วันนี้ได้รับความรู้เพิ่มเติมเรื่องการระดมสมอง Creative CSR เนื่องจากได้เห็นความคิดของแต่ละคนในกลุ่มในการสร้างสรรค์กิจกรรม CSR และทำให้รู้ว่ากิจกรรม Creative CSR เป็นการตอบโจทย์ปัญหาสังคมด้วย และส่วนของพลเมืองบรรษัทคิดว่าสำคัญมาก หากทุกคนภายในองค์กรตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมก็จะทำให้สังคมเกิดความน่าอยู่มากขึ้น”
หลังจากเราจบงานสัมมนา CSR Campus ในจังหวัดมุกดาหารแล้ว เราก็เริ่มเก็บของต่าง ๆ แล้วเตรียมตัวมุ่งหน้าไปสู่จังหวัดยโสธรต่อเนื่องเลยครับ ในช่วงเวลาที่กระผมอยู่บนรถตู้ก็รู้สึกถึงความเหนื่อยเริ่มคืบคลานเข้ามาแล้วสักพักก็หมดสติคารถตู้เลยครับ (แถมฝันอีกต่างหาก) รู้สึกจะงีบไปประมาณ 30 นาทีแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาเห็นควายตามทุ่งหญ้าเลยครับ ซึ่งปกติจะไม่เคยใกล้ควายขนาดนี้เลยครับ (ลักษณะรูปพรรณควายลำตัวจะใหญ่มากแล้วก็มีขาที่เล็ก ซึ่งกระผมลำตัวใหญ่และขาก็ใหญ่ด้วยหากจะมีใครมาว่าผมว่าควายผมก็จะไม่ยอมรับนะครับ) หลังจากเห็นควายอย่างละลานตาแล้ว ผมจึงเริ่มเปิดซีดีแก๊งค์ 3 ช่า ซึ่งทำให้ผมคิดถึงบุคคลผู้เป็นไอดอลของชาวยโสธรเลยครับ นั่นคือ คุณหม่ำ จ๊กม๊ก นั่นเอง จากที่ผมเคยอ่านประวัติของตลกผู้นี้ต้องยอมรับครับว่าจะมาวันนี้ได้ลำบากอย่างแรง เพราะฉะนั้นการที่เราจะประสบความสำเร็จได้เราต้องลำบากมาก่อนครับ (จำเป็น Concept ชีวิตเลยครับ)
แล้วตอนนี้กระผมก็มาถึงหน้าโรงแรมแล้วครับ แล้วเราก็ได้รับคำแนะนำจากทีมงานสาว ๆ ถึงร้านอาหารที่เราจะไปวันนี้ก็คือ ร้านหม่องแซ่บนั่นเอง โดยมื้อเย็นครั้งนี้เราทานปลากันเยอะมากครับ อาจพูดได้ว่าหลังจากทานเสร็จ เรียกได้ว่าแต่ละคนเป็นมนุษย์มัจฉาได้เลยครับ (บางคนอาจเรียกว่าเป็นมัจฉาเกยตื้นเลยก็ได้นะครับ) หลังจากเราทานอาหารเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ตลาดนัด โดยเราก็จะไปเจอร้านผลไม้ซึ่งตอนนี้ทีมงานสาวร้อนรนอยากได้มากครับ เพราะมีทุเรียนขายอยู่ด้วยหลังจากสอบถามพ่อค้า ทำให้ความตั้งใจของทีมงานสาวเราล้มครืนไปต่อหน้าต่อตาเพราะทุเรียนดังกล่าวยังไม่สุกครับ (คิดในใจถ้าทานทุเรียนแล้วรอให้ไปสุกในท้องได้ทีมงานสาวเราคงกว้านซื้อไปแล้ว) หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อเตรียมงานในวันพรุ่งนี้ต่อไป ท่านผู้อ่าน Blog อย่าลืมมา Comment ให้ด้วยนะครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น