วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เลย

เราได้มุ่งสู่จุดหมายข้างหน้าอย่างกระตือรือร้นครับ เหมือนกับว่าผ่านวันแรกไปแล้วเริ่มจะเข้าที่ ประมาณว่ายังอารมณ์ค้างกับการอบรมอยู่ ระหว่างทางนั้นสองข้างทางสวยมากครับ เพราะแสงยามเย็นที่ส่องไปยังทุ่งนาทำให้สีเขียวของต้นข้าว ใบหญ้า ใบไม้ ต้นไม้ ช่างเกินคำบรรยายครับ ผมก็กะว่าจะลงไปเก็บภาพซักหน่อยแต่ก็กลัวว่ารถที่ตามมาจะซัดตูดกองทัพเราเข้า จึงพลาดไปครับ แต่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเก็บภาพมาให้ทุกๆท่านได้ชมอย่างแน่นอน แต่การดูจากภาพก็อาจจะไม่สวยเท่าการที่ได้มาสัมผัสเองครับ ส่วนตัวผมเองนั้นคิดว่าการที่ใครๆก็อยากจะไปต่างประเทศท่องเที่ยว ผมว่าบ้านเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอยู่อีกเยอะมากๆ ยังไงก็ไปกันไม่หมด ถ้าพูดถึงจะไปเมืองนอก Shopping มันก็อีกเรื่องครับ แต่จะเอาบรรยากาศ ธรรมชาติต้องเมืองไทยอย่างไม่ต้องลังเลเลย

บังเอิญว่าการเดินทางในครั้งนี้ต้องผ่านอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ที่คุณยายและญาติๆอีกหลายคนของผมทำมาหากินกันอยู่ ผมจึงขออนุญาตทีมงานแวะไปหาท่านซักหน่อย เนื่องจากคุณยายก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก ใครๆเห็นผมก็ถามว่าไปทำอะไรมา ทำไมตัวมันกลมแบบนี้... T_T ทักแบบนี้เศร้าเลย แถบจะกระโดดอัดน้าชายครับ บ้านผมค่อนข้างที่จะสนิทกันมากครับจึงเล่นหัวเล่นหางกันได้สบายไม่ถือไม่โกรธกันครับ แต่ก็แวะได้ไม่นานเพราะกลัวว่าจะถึงที่หมายดึกจึงขอตัวลาและเดินทางกันต่อ

ไม่นานนักพลังงานจากลูกชิ้นก็เริ่มหมดลง ผมชักจะหิวซะแล้วซิ แต่ก็มาถึงที่หมายก่อนครับที่จังหวัดเลย สภาพอากาศก็ดี ไม่ถึงกับร้อนมาก ประมาณเวลา 21.00น. เห็นจะได้เมื่อพี่ๆ Check in และเก็บของกันเรียบร้อย เราก็ออกไปหาอะไรลองท้องกันที่ร้าน “มุมอร่อย” จะว่าลองท้องก็ยังไงอยู่ เพราะสั่งกันมาแบบอืม...บ้าไปแล้ว แต่อย่างที่คาดครับไม่เหลือซาก เป็นร้านข้าวต้มริมทางครับ อร่อยอย่าบอกใครอาจเป็นเพราะว่าผมเบื่ออาหารโรงแรมซะเหลือเกินแล้ว ทานแล้วคิดถึงข้าวต้มหน้าบ้านเลย และก่อนที่เราจะกลับเข้าโรงแรมเราได้เห็นว่าคนที่นี่ก็มีความเป็น CSR อยู่ในตัวมากทีเดียวครับ เพราะอาจารย์วุฒิพงศ์เหลือบไปเห็นป้ายๆหนึ่งเป็นของร้านขนมหวานครับ ผมจึงได้เป็น Presenter อีกครั้งเอาภาพมาให้ชมกันครับ (พี่หนึ่งมีแบบผมไหม ดูๆ) เหอๆ

รุ่งขึ้นผู้มาร่วมอบรมก็ค่อนข้างเยอะใช้ได้เลยครับ มาลงทะเบียนกันเป็นแถวครับ โดยเฉพาะน้องๆจากสถาบันการศึกษาซะส่วนใหญ่ เนื่องจากวันนี้น้องๆมากันเยอะเหลือเกินเราจึงเปิด “สาระแนห้าวเป้ง” ให้ชมกันไปก่อนในขณะที่รอท่านอื่นๆ เพื่อให้รู้ว่าการมาอบรมกับทางเราเนี่ยะสนุกนะ ไม่ได้เครียดอย่างที่คิด น้องๆก็ตั้งใจดูกันใหญ่ครับ โดยผู้ใหญ่บางท่านก็นั่งขำไปด้วย มาถึงเวลาอันสมควรครับ กระผมก็เปิดงานอย่างเป็นทางการ ตามด้วยการบรรยายที่ดูคึกคักของอาจารย์วุฒิพงศ์ บัวบุตร์ วันนี้เรามากันในชุด Men in Black ครับ อาจเพราะว่าเมื่อคืนเราได้ทานอาหารกันดึกไปหน่อย พุงอาจจะยังไม่ยุบจึงต้องใส่สีเข้มๆสร้างภาพไว้ก่อน
ในกิจกรรมหน้าที่พลเมืองวันนี้เราได้ตัวแทนที่ได้เลือกในทุกหัวข้อเลย เป็นผู้มีความพากเพียร ขยัน ประหยัด อดออม ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา ทำตามกฏหมาย มีความซื่อสัตย์และมีความสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำสิ่งเหล่านี้ก็จะมีความภูมิใจในตนเองและให้คำแนะนำต่อศิษย์ต่อๆไป และอยากเห็นองค์กรในจังหวัดแสดงความเป็นพลเมืองบรรษัทในทุกหัวข้ออีกเช่นกัน ไม่สร้างความเดือดร้อนเสียหาย รักษาศีล เคารพกฏหมาย เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ในจังหวัดก็มีกิจกรรมประเภทผับ บาร์ ทำให้เยาวชนหลงผิด ขาดความรับผิดชอบ มีการหลีกเลี่ยงเสียภาษีทำให้รัฐขาดรายได้และก็ควรช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ท่านต่อมาเน้นในเรื่องการเป็นผู้มีความสัตย์และมีความสวามิภักดิ์ต่อในหลวง โดยยึดหลักคำสอนของท่านมาใช้ในชีวิตประจำวัน มีความสัตย์ต่อคนรอบข้าง อยากให้องค์กรไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ส่วนรวมและส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรม ท่านสุดท้ายที่มานำเสนอในกิจกรรมนี้ก็เป็นผู้มีความสัตย์เช่นเดียวกัน เนื่องจากการประกอบอาชีพแบบใดเราต้องมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น เหมือนคำกล่าวที่ว่ากินน้อยๆแต่นานๆ (พูดประโยคนี้เสร็จสาวๆกรี๊ด หล่อเลยครับ) ฮ่าๆๆ การนำเสนอก็ดีอย่างนี้แหละครับ แต่ก็ยังเน้นก่อนจบครับว่า การประกอบธุรกิจทุกอย่างย่อมแสวงหากำไร แต่ก็ต้องมีหลักธรรมาภิบาล เป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่บุคลากรในองค์กรนั้น

วันนี้ทั้งในช่วงพักเบรคและรับประทานอาหารกลางวันนั้นเราได้นั่งรับประทานอาหารร่วมกันบนดาดฟ้าของโรงแรมครับ แหม่..ได้บรรยากาศไปอีกแบบหนึ่งครับ ไม่ร้อนมากครับลมพัดโชยเล็กน้อยกับการนั่งสนทนากันอย่างเป็นกันเอง ได้รับรู้ว่าจังหวัดเลยเนี่ยเป็นแหล่งที่ปลูกยางพารา เหมือนทางตอนใต้ของประเทศเรา ซึ่งเป็นอะไรที่เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนเป็นอย่างมากและระยะเวลาของต้นๆหนึ่งประมาณเกือบ 20ปี เท่านี้ก็อยู่ได้อย่างพอเพียงแล้วครับ คนจากภาคใต้ส่วนใหญ่ก็ให้ความสนใจเยอะและได้มีการขึ้นมาตรวจสอบดูงานด้วย ตอนนี้จังหวัดเลยก็สามารถปลูกต้นไม้ได้แทบจะทุกชนิดแล้วเพราะอากาศที่ค่อนข้างดี

กลับมารวมตัวในห้องประชุมกันอีกครั้งพร้อมการพูดคุยแนววัยรุ่น (แนววัยรุ่นนี่ไม่ใช่ทะลึ่งนะครับ) ของกระผมกับน้องๆ ทำให้ดึงความสนใจของน้องๆกลับมาที่หน้าเวทีได้ และวันนี้ผมก็ได้นำเต้นอย่างเคยน้องๆก็ไม่ค่อยจะยอมขยับนักจึงต้องแซวแนววัยรุ่นอีก จึงจะหัวเราะและยอมทำกัน มีน้องท่านหนึ่งอยากออกมานำเนื่องจากอยากได้เสื้อของทางเราพร้อมขอเพลง GEE ของวง Girls Generation ไอ้ผมก็ไม่คิดว่าน้องจะเต้นตามต้นแบบได้ แต่เธอทำได้ครับเต้นได้จริงๆ ไอ้ฮาตรงเต้นนะไม่เท่าไหร่หรอกครับแต่ตรงเพศ (ชาย) เนี่ยซิ ขนาดปิดเพลงยังไม่ยอมหยุดเต้น จนผมต้องออกไปห้ามครับ

ส่วนกิจกรรม CSR เชิงระบบนั้นท่านแรกต้องการให้องค์กรสื่อสารเรื่อง CSR เป็นการจัดอบรมเรื่อง CSR ให้กับองค์กรและสถานศึกษา เพื่อเพิ่มความรู้รอบๆให้เข้าใจถึง CSR มากขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาปรับปรุงแก้ไข เมื่อเข้าใจแล้วสามารถนำไปเผยแพร่ต่อบุคคลอื่นได้ ท่านที่สองต้องการเพิ่มความเชื่อถือได้ในการดำเนิน CSR ขององค์กร มีการบรรยาย CSR ให้แก่ประชาชน เพิ่มความเชื่อถือและแสดงให้คนเห็นทั้งยังนำไปปฏิบัติจริง จะทำให้เกิดความก้าวหน้าของทุกฝ่าย ท่านที่สามย้ำในเรื่องการสื่อสารเช่นกัน โดยจัดอบรมด้าน CSR ให้มากกว่านี้เพื่อให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คนที่มาจะได้รับรู้ถึงความหมาย การนำไปใช้ประโยชน์และสามารถบอกต่อๆกันไปได้ และมีการให้ความรู้แก่นักโทษในเรือนจำด้วย เผื่อเวลาออกมาแล้วจะได้มีงานทำอย่างสุจริตต่อไป

สำหรับวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์เปรมวดี รำมะลัง จากวิทยาลัยการอาชีพวังสะพุง ซึ่งทานกล่าวว่า “ได้ความรู้เรื่อง CSR การที่ครูและนักเรียนที่มาอบรมในวันนี้สามารถที่จะนำความรู้ไปใช้กับการดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะทำธุรกิจอยู่หรืออยู่ในองค์กรใดก็ตาม ไม่ใช่นึกถึงกำไรอย่างเดียว CSR ที่มาสู่ภูมิภาคทำให้ครู นักเรียนและคนในพื้นที่ได้ทราบประโยชน์ และประยุกต์ใช้ในการเรียนและกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเมื่อเรียนจบแล้วจะได้นำความรู้ไปสร้างสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ถ้าเป็นในส่วน ปวช ปวส ก็จะมีรายวิชาที่เป็นพื้นฐานเช่นวิชาสังคม หรือสอดแทรกในวิชาพลังงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อที่เค้าจะได้มีส่วนรวมในการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่สวยงาม”
ในส่วนของกิจกรรม Creative CSR ของชาวจังหวัดเลยวันนี้ ได้แก่ “โครงการพิทักษ์และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเพื่อรักษาชีวิต” โดยส่งเสริมให้ประชาชนสมัยใหม่ได้หันมาอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าทุกชนิดไว้ให้คงทนยาวนานและแพร่หลาย เนื่องจากบ้านเรานั้นได้ทำลายป่าไม้ที่เป็นที่อาศัยของสัตว์มามาก เราจึงจัดอบรมเพื่อให้รู้ถึงประโยชน์ของป่าไม้ ธรรมชาติจะได้กลับมาสมบูรณ์ ประชาชนจะได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมอัตราของสัตว์ก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญเพิ่มผลผลิตให้กับคืนสู่ชุมชน

กลุ่มน้องมืดได้ “โครงการปลูกป่าสู่ภูหลวงเพื่อลดภาวะโลกร้อน” มีการของบประมาณซื้อต้นกล้าที่จะนำมาปลูก รับอาสาสมัครที่จะไปปลูกป่า หาพื้นที่ที่จะไปปลูกหรือแหล่งที่ขาดแคลนทรัพยากรต้นไม้ ร่วมมือกับชุมชนและแนะนำให้ความรู้ ร่วมกันดำเนินงานจริงเพื่อภูหลวงจะได้มีป่าที่สมบูรณ์เหมือนเดิมเพื่อทดแทนทรัพยากรที่สูญเสียไปจากการทำแหล่งแร่ที่เปิดขึ้นใหม่ในภูหลวง ระบบนิเวศน์ก็จะดีกว่าเดิม ช่วยลดภาวะโลกร้อน มีแหล่งทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น ลดปัญหาน้ำท่วม ทำให้สัตว์ป่ามีที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์

โครงการกำจัดฟางข้าวอย่างเหมาะสม” ซึ่งมีการนำฟางข้าวที่ทิ้งหลังจากเก็บเกี่ยวนำมาประยุกต์เป็นสิ่งต่างๆ หลังจากที่นำฟางข้าวมาตากแห้งก็มาประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์ เช่น กล่องทิชชู่ กล่องเก็บแฟ้มงาน หรือกล่องเอนกประสงค์ อาจจะทำไปถึงกระดาษจากฟางข้าวได้ เกษตรกรจะได้ไม่ต้องนำฟางข้าวไปเผาทิ้ง เป็นการลดภาวะโลกร้อนหรือลดมลภาวะทางอากาศ ลดการทำลายหน้าดินเนื่องจากการเผาฟางเป็นเวลานาน เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ที่สำคัญลดการใช้พลาสติกเนื่องจากนำถุงที่ทำจากฟางข้าวมาใส่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อไม่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม

ก่อนปิดงานวันนี้ผมยังได้ความคิดเห็นจากอาจารย์แสงวัน ยศเรือน และอาจารย์อุบลรัตน์ จันทร์เมือง จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเลย อีกว่า “ได้รับความรู้หลายอย่าง หน้าที่พลเมืองว่าต้องทำยังไง พร้อมที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมในส่วนไหนบ้าง และการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ทุกๆคนควรช่วยกันดูแล ดีมากที่มาจัดให้เป็นการเผยแพร่ความรู้ เพราะปัจจุบันมีหน่วยงานอย่างนี้น้อยมากที่เสียสละมา รู้สึกเป็นอะไรที่ปัจจุบันมากๆสำหรับตอนนี้ คิดว่านำสิ่งต่างๆในเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้เพราะอย่างน้อยเด็กจะได้เข้าใจความรับผิดชอบที่พึงปฏิบัติ ปลูกฝังจิตสำนึกว่าควรทำตัวอย่างไร และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน นำไปใช้ในการสอนเพราะมีวิชาที่สอดคล้องกันคือวิชาจัดการองค์กร ซึ่งเห็นความสำคัญมาตั้งแต่ต้นแล้วในเรื่องทรัพยากรมนุษย์ด้วยที่เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาสู่ความสำเร็จขององค์กรในอนาคต”

ผู้มาร่วมอบรมในวันนี้ช่างน่ารักจริงๆครับ เพราะหลังจากที่เรากล่าวปิดงานกันแล้ว ไม่มีท่านไหนอยากจะลุกกลับเลยครับ มีอาจารย์จากสถาบันหนึ่งบอกว่าชอบการจัดอบรมแบบนี้ มีอะไรให้ทำ สนุกสนานและไม่เครียด ยังไม่อยากกลับกัน แต่ก็จะ 5โมงแล้วไม่กลับก็คงไม่ได้ครับ ผมจึงแซวไปว่าจะไปต่อกันที่จังหวัดต่อไปก็ได้นะครับ ทุกคนจึงหัวเราะและเริ่มแยกย้ายกันกลับ หลังจากเก็บของกันเรียบร้อย พี่ๆทีมงานก็ไปเบิกเงินเพื่อมา Check Out ผมกับอาจารย์พงศ์ก็นั่งรอที่ม้านั่งกินลองกองอย่างสบายใจ ซักพักฝนก็ตกลงมาปอยๆครับ พี่ๆก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่เคืองเล็กน้อย ฮ่าๆ (สุภาพบุรุษจริงๆ)แต่ก็ปลอบใจโดยการให้เป็น Presenter ถ่ายรูปกับผีตาโขนที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดเลย (ไม่รู้จะดีใจป่าว)

วันนี้คุณป้าเจ้าของโรงแรมก็ลงมาบริการเต็มที่และก็ให้ของที่ระลึกติดกลับมาหนึ่งอย่างด้วย เป็นคนที่หน้าตายิ้มแย้มดีจริงๆ และบอกว่าเจอกันใหม่ปีหน้า อืม..จะว่าไปแล้วพวกพี่ๆได้เคยมากันในปีก่อนแล้วแต่ตัวผมเองเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรกก็อาจจะงงๆเล็กน้อยครับ เอาละครับถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปต่อจนได้ การเคลื่อนตัวของรถพร้อมกับฝนที่โปรยปรายลงมาเรื่อยๆไม่ยอมหยุด กับอากาศที่ค่อนข้างจะเย็นซักนิด พี่ๆทีมงานทุกท่านก็ดูหนังกันไปครับ ส่วนตัวผมหลับไม่รู้เรื่องเลยครับ ฮ่าๆ การเดินทางในทริปนี้ของเรายังไม่จบนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ

3 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ เข้ากับสโลแกนที่ว่า
    "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก"
    อยากให้ทุกคนเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ นะคะ
    (สนใจไปด้วยกันมั้ยค่ะ ^^)

    ในส่วนของโครงการ "กำจัดฟางข้าวอย่างเหมาะสม" เป็นโครงการที่ดีมากเลยค่ะ ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เสริม และยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศอีกด้วย

    เป็นกำลังใจให้นะคะ

    สู้ๆๆคะ --^

    ตอบลบ
  2. ไม่ขอ Comment อะไรเลยค่ะ
    ขอชม presenter ว่าดูดีมากค่ะ -.-"

    กิจกรรมวันนี้ดูสนุกดีจัง ถ้ามีโอกาสได้เข้าร่วมจะเต้นโชว์เลย ฮ่าๆๆๆ

    ชอบโครงการที่จังหวัดนี้อีกแล้วอ่ะ ดีๆ ทั้งนั้นเลยอ่ะอยากให้ทำได้จริงๆ เพื่อยืดอายุโลกของเราออกไปอีกนานแสนนาน

    ตอบลบ
  3. ดีครับ ดีสำหรับสังคมมากเลย

    ตอบลบ