วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จันทบุรี




ก่อนจะร่ายเรื่องราวของงาน CSR วันนี้ต้องขอกล่าวสวัสดีวันแม่ล่วงหน้านะครับ (อยากให้ท่านผู้ชม Blog ไปบอกรักแม่ในวันแม่จริง ๆ) กระผมตื่นมาประมาณ 6.10 น. ตื่นโดยสัญชาติญาณครับ เหมือนนาฬิการ่างกายเราทำการปรับแต่งด้วยนาฬิกาดิจิตอลจากข้างนอก (ประมาณว่าไม่ต้องดังนะเดี๋ยวกายตื่นเอง) และก็เป็นเช้าที่ช่างสดใสอีกวันหนึ่งของการเดินทาง

หลังจากผมทำภารกิจเสร็จเรียบร้อย ก็มาปลุกพี่บอยให้ไปทำภารกิจต่อเนื่องเลยครับ ระหว่างรอ ผมก็นั่งดูข่าวเพื่อตรวจสอบความเป็นไปของบ้านเมือง ในวันนี้เห็นข่าวที่จะมีการฉลองหลินปิงอีกตามเคยครับ โดยเดี๋ยวนี้มีการฉายภาพวงจรปิด (ตอนเวลาประมาณ 6.45 น.) ดูว่าเจ้าหลินปิงกำลังทำอะไรอยู่ และก็เป็นไปตามคาดครับ..หลับอยู่ (ก็เด็กกำลังกินกำลังนอน) บางท่านอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระนะครับเกี่ยวกับเรื่องลูกหมีแพนด้า แต่ผมกลับมองว่า ช่วงนี้ถ้าไม่มีข่าวหลินปิง ก็จะมีแต่ข่าวที่ค่อนไปในเชิงร้ายครับ เพราะฉะนั้น ก็ถือซะว่าข่าวหลินปิงก็คือการมองโลกแง่ดีบ้าง แทนที่ปกติเวลาดูข่าวทั่วไป มักจะกลายเป็นโลกแง่ร้ายซะหมด (ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น)

หลังจากที่เรารับประทานอาหารเช้าแบบ Buffet ไปพออิ่ม ก็ขึ้นไปที่ห้องประชุมโดยการนำทางจากพี่เบนบอย สภาพห้องถือได้ว่ากว้างขวางมาก แถมยังมีการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ Over พอสมควร (เริ่มคิดในใจว่า วันนี้บรรยากาศคงสนุกเป็นแน่แท้) ชาวจันทบุรีที่เข้าร่วมในวันนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักศึกษาผสมกับผู้ประกอบการที่มาจากภาคธุรกิจส่วนหนึ่ง

กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เริ่มจากเรื่องหน้าที่พลเมือง มีผู้นำเสนอที่น่าสนใจ เช่น ในหัวข้อการเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม โดยเน้นการศึกษาเล่าเรียนให้จบในสถาบันการศึกษาและทำข้อสอบโดยสุจริต ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวจะตกอยู่กับตนเอง ครอบครัว และสถานศึกษา หัวข้อถัดมาจะเป็นเรื่องของการเป็นผู้มีความสัตย์ โดยการไม่หยิบของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และการพูดความจริง ในส่วนของความเป็นพลเมืองบรรษัท อยากให้ธุรกิจเน้นการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะธุรกิจบางส่วนยังละเลยการปฏิบัติตามกฎหมายจนกลายเป็นเรื่องเคยชิน จึงอยากเน้นเรื่องกฎหมายเป็นหลัก หัวข้อถัดมาเป็นการไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนแก่ส่วนรวม ที่อยากเห็นองค์กรและคนในสังคมได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (CSR อย่างงดงามเลยนะเนี่ย)

มาในเรื่อง CSR เชิงระบบ ชาวจังหวัดจันทบุรีได้เลือกหัวข้อที่นำมาอภิปราย เช่น ความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร ซึ่งอยากให้เน้นการจัดอบรมแก่องค์กรโดยมีการนำวิทยากรที่มีความรู้เกี่ยวกับ CSR มาบรรยายเพื่อให้เกิดความเข้าใจ CSR อย่างแท้จริง และให้พนักงานมีการปฏิบัติจริงเกิดขึ้น ส่วนหัวข้อถัดมาคือ การสื่อสารเรื่อง CSR โดยการจัดให้มีการอบรมเรื่องความสำคัญของการสื่อสารซึ่งจะทำให้องค์กรมีการสื่อสารออกไปสู่ประชาชนภายนอกได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมีการจัดเตรียมระบบการสื่อสารภายในที่มีประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้นด้วย ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ การทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจมากที่สุด

ในช่วงมื้ออาหารเที่ยงวันนี้ ก็เป็นอาหารพื้นเมืองทั่วไปครับ ซึ่งต้องเดินตักเองครับ ขณะยืนรอพนักงานปิ้งหมูสะเต๊ะอยู่ (ยืนรอนานมาก เพราะเตาย่างได้ทีละ 20 ไม้ แต่เด็กรวบทีละ 40 ไม้ แล้วจะยืนรอแป๊บเดียวได้อย่างไร) ก็ชวนน้องนักศึกษาพูดคุยเกี่ยวกับจังหวัดจันทบุรีว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนโดดเด่นบ้าง เพราะจากการดูโบรชัวร์ของโรงแรม เห็นมีโบสถ์คริสต์หลังหนึ่งสวยงามมาก อ่านจากประวัติแล้วมีอายุตั้ง 200 กว่าปีแน่ะ ผลจากการสอบปากคำน้องนักศึกษาเกี่ยวกับสถานที่เที่ยวในจังหวัดจันทบุรี น้องให้การว่า ที่จังหวัดจันทบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น ทะเล ภูเขา น้ำตก หรือตลาดต่างๆ แต่กลับไม่มีอะไรเด่นสักอย่าง อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดอย่างจริงจัง แต่ยังดีที่จันทบุรียังมีพื้นที่สีเขียวอยู่มากหากเทียบกับจังหวัดข้างเคียง (คือ จังหวัดระยอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมไปแล้ว และพลเมืองของจังหวัดจันทบุรีส่วนใหญ่ ก็จะหลั่งไหลเข้าไปหางานที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดระยองนั่นแหละ) จึงยังสามารถคงความเป็นธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะเรื่องสวนผลไม้และพลอยที่ยังคงเป็นอาชีพของคนส่วนใหญ่ในจังหวัด

หลังจากคุยกับน้องนักศึกษาเสร็จ หันมามองเตาย่างหมูสะเต๊ะอีกครั้ง ก็ยังมีนักศึกษารอเขมือบหมูสะเต๊ะอยู่เหมือนเดิม (เตาย่างก็ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้วนะเนี่ย) เราจึงตัดใจเปลี่ยนตำแหน่งไปทานอาหารที่มีความนิยมน้อยที่สุด นั่นก็คือ ก๋วยจั๊บกับขนมจีนครับ วันนี้มีโอกาสได้ลองไก่ผัดใบกะวานด้วยครับ ลักษณะจะคล้ายคั่วกลิ้งนะครับ เมื่อนำไก่ผัดใบกะวาน Featuring กับขนมจีนและก๋วยจั๊บแล้วรสชาติสุโค่ยมากครับ เกิดอาการเพลิดเพลินเจริญกระเพาะทันที (จากวิกฤตยืนรอหมูสะเต๊ะ มาเป็นโอกาสไก่ผัดใบกะวาน Featuring ขนมจีน&ก๋วยจั๊บ) ทานเสร็จพออิ่ม เราก็มุ่งหน้าสู่การดำเนินกิจกรรม CSR Campus ในรอบบ่ายต่อครับ

เริ่มด้วยกิจกรรม CSR เชิงสร้างสรรค์ ที่ได้รับความสนใจกันอย่างหนาแน่น คือ “โครงการสิ่งของเหลือใช้คืนสู่สังคม” โดยกิจกรรมจะเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับการนำสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้วหรือขยะเหลือทิ้ง มาเพิ่มคุณค่าด้วยการ Recycle เช่น การนำหลอดกาแฟมาทำโมบาย การนำกะลามะพร้าวมาทำโคมไฟ และมีการจัดตั้งกลุ่มเพื่อผลิตสินค้าดังกล่าวออกจำหน่ายสู่ตลาด โดยนำเงินรายได้คืนกลับสู่สังคม ด้วยการบริจาคให้เด็กผู้ด้อยโอกาส หรือนำมาเป็นทุนสำหรับดำเนินโครงการสร้างอาชีพเพื่อชุมชน เป็นต้น

กิจกรรมที่น่าสนใจต่อมาคือ “โครงการผลไม้เมืองจันทน์สนั่นโลก” โดยจะเน้นการขายผลไม้สดซึ่งคัดคุณภาพและปลอดสารเคมี รวมทั้งการนำผลไม้ดังกล่าวมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น ไวน์ผลไม้ ไอศกรีมผลไม้ น้ำผลไม้ และผลไม้ผง ฯลฯ ซึ่งประโยชน์จากโครงการจะทำให้ชาวสวนได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และหากมองด้านผู้บริโภคก็จะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยจากสารเคมีด้วย

สำหรับกิจกรรมส่งท้าย คือ “โครงการเหลืองจันทร์สู่ชุมชนเมืองจันทน์” โครงการนี้จะให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ซึ่งมีความถนัดในด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทำการส่งเสริมให้คนในชุมชนได้รับความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อนำความรู้ดังกล่าวไปเพาะกล้วยไม้พันธุ์เหลืองจันทร์ (เป็นกล้วยไม้พันธุ์ประจำท้องถิ่นของจันทบุรี) ส่วนหนึ่งนำกลับสู่ป่า และส่วนหนึ่งนำออกจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมรายได้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนด้วย

วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์จาก 2 สถาบันครับ ท่านแรก คือ อาจารย์สุธี เดชะผล จากวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ที่ได้ให้ทัศนะไว้ว่า “หลังจากฟังการบรรยายในวันนี้ ได้รับความรู้ด้าน CSR เพิ่มขึ้นในแง่ของ CSR เชิงระบบ ซึ่งเป็นความรู้ที่ดีมาก เพราะตอนนี้ที่วิทยาลัยก็มีการทำเรื่อง CSR เหมือนกัน ด้วยการให้นักเรียนอาสามาทำกระทงขายในวันลอยกระทงและนำเงินดังกล่าวไปบริจาคให้แก่เด็กด้อยโอกาส ส่วนเนื้อหาในเรื่องพลเมืองบรรษัท จะต้องนำไปเผยแพร่ต่ออย่างแน่นอน เพราะนักศึกษาในวันนี้ ก็คือกำลังสำคัญของภาคธุรกิจในวันข้างหน้า การปลูกจิตสำนึกตั้งแต่วันนี้ จะทำให้พวกเค้ารู้ว่า สังคมอยู่ได้ องค์กรธุรกิจถึงจะอยู่ได้เช่นกัน”

อาจารย์อีกท่านหนึ่ง คือ อาจารย์บุปผา พิภพ จากมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตจันทบุรี ได้ให้ความคิดเห็นว่า “จากที่ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับ CSR มาก่อน วันนี้ได้เข้าอบรมก็มีความรู้เกี่ยวกับ CSR ขึ้นมาก นักศึกษาที่มาเข้าฟังก็ได้รู้ถึงความสำคัญของการรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องความเป็นพลเมืองบรรษัทจะเป็นประโยชน์แก่นักศึกษา ทั้งการใช้ชีวิตในประจำวันของตัวนักศึกษาเอง หรือเมื่อจะต้องออกไปประกอบกิจการส่วนตัวในภายภาคหน้า”

ในที่สุดงาน CSR Campus ณ จังหวัดจันทบุรี ก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แถมเรายังได้มีโอกาสถ่ายรูปกับนักศึกษาทั้ง 2 สถาบันอีกด้วย (เป็นเกียรติอย่างสุดซึ้งทีเดียว) พวกเราได้ทยอยเก็บของกลับขึ้นห้องพัก (เนื่องจากวันนี้เราจะค้างที่จังหวัดจันทบุรีอีก 1 คืน) และเริ่มวางแผนการท่องเที่ยวที่จังหวัดจันทบุรี เราได้แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดจันทบุรีจากพี่เบนบอย โดยได้ข้อสรุปกันว่าจะเดินทางไปยังวัดไผ่ล้อมและสถานที่ใกล้เคียงในตัวอำเภอเมือง ไม่รอช้า เราออกออกเดินทางในเวลา 17.00 น. ระหว่างเดินทาง ก็ชมหนังเรื่อง Before the Valentine ไปพลางๆ หนังยังไม่ทันจบเลย เราก็ถึงวัดไผ่ล้อมแล้วครับ แต่ประทานโทษโบสถ์ก็ปิดแล้วเช่นกัน เราจึงมานั่งระดมความคิดกันอีกรอบว่าจะไปไหนต่อดี แล้วความคิดอันสดใหม่ก็บังเกิด หาดเจ้าหลาว คือ ที่หมายใหม่..

ต้องมีการกล่าวถึงความหลังก่อนว่า เหตุใดเราถึงไปหาดเจ้าหลาวกัน มีพี่ทีมงานคนหนึ่งได้สังเกตจากโบรชัวร์ของโรงแรมว่าร้านอาหารที่แนะนำซึ่งอยู่ในลำดับแรกอยู่ที่หาดเจ้าหลาว เราเข้าใจไปว่าน่าจะเป็นร้านอร่อยที่สุดตามประสาคนต่างถิ่น (ความหมายของลำดับแรก คือ อยู่เป็นชื่อแรก แต่ไม่ได้การันตีว่าจะอร่อยนี่นา) จึงมีการแนะนำว่าควรไปที่หาดเจ้าหลาว ซึ่งมีระยะทางห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 20 กว่ากิโลเมตรครับ แหมจะได้ดู Before the Valentine ให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที

เราดูหนังกันจบเรื่องก่อนจะหาร้านอาหารเจอซะอีก หนำซ้ำพอตรวจสอบข้อมูลกับร้านอาหารดังกล่าว ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า วันนี้คนน้อย จึงปิดร้านแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในบริเวณหาดเจ้าหลาว ก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารสถิตอยู่เลยครับ ความหิวก็เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ จนครบถ้วนทั่วทุกคน

ตอนนี้เราเจอแสงสว่างที่ไหน รถตู้เราก็หันหัวไปทางนั้นแล้วครับ (ทำตัวเป็นหิ่งห้อยเลยทีเดียว) ในที่สุดเราก็พบร้านซีเชลล์ในเวลา 19.30 น. แหมเกือบหิวตายคารถกันซะแล้ว แต่เหตุการณ์ยังไม่จบครับ เพราะรู้สึกว่าแม่ครัวจะมีเพียงท่านเดียวพร้อมกับภาระที่ต้องเสิร์ฟอาหาร 6 โต๊ะด้วยกัน บรรยากาศจึงยิ่งก่อความหิวขั้นรุนแรง ประมาณว่าทีมงานเริ่มไม่มองหน้ากันแล้ว แต่จ้องสายตาไปที่หน้าครัวครับว่าเมื่อไรเมนูเราจะโผล่ออกมาให้ได้สังเวยซะที... หลังจากที่กระผมกับทีมงานได้อิ่มหมีพีมันอย่างสาสมแก่การรอคอย เราก็มุ่งหน้ากลับโรงแรม และภารกิจในวันนี้ก็จบลงไปอีก 1 วันแล้วครับ

เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันแม่แล้วนะครับ ผมก็อยากให้ทุกท่านรักคุณแม่มากๆๆ รวมถึงคุณพ่อด้วยนะครับ (เดี๋ยวคุณพ่อน้อยใจ) ทำดีกับคุณแม่ทุกวัน เพราะคุณแม่ของเราก็เป็นเหมือนคนในสังคมใกล้ตัวเรานะครับ หากเรารับผิดชอบและใส่ใจดูแลท่านเสมอก็เหมือนกับคุณได้ทำ CSR แล้วจริงไหมครับท่านผู้ชม Blog

ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย

1 ความคิดเห็น:

  1. ว้าวว ชอบ “โครงการผลไม้เมืองจันทน์สนั่นโลก” เนื่องจากส่วนตัวได้ยินข่าวเรื่องผลไม้ของเมืองจันทร์มานานแล้ว จึงขอสันบสนุนโครงการนี้มาก

    และคนเข้าร่วมกิจกรรมเยอะมากเลยอ่ะ น่าสนุกจังเลย....

    ตอบลบ