วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บุรีรัมย์


Hello! สวัสดีครับ กระผมนายแม็กซ์มารายงานตัวแล้วครับ หลังจากที่ได้เว้นจากการเดินทางไปเป็นเวลา 1 สัปดาห์ (ไม่ใช่หยุดนอนอยู่บ้านนะครับ ยังมีงานที่ office อีกมากมายครับ) ทีมของอาจารย์ฌาณสิทธิ์และอาจารย์วุฒิพงศ์ ได้มารวมตัวกันที่สำนักงานในเวลา 12.00 น. ของวันอาทิตย์ เพื่อเตรียมเดินทางออกสู่ต่างจังหวัดอีกครั้ง คราวนี้ไปกันคนละภูมิภาคเลยครับ ทีมของอาจารย์ฌาณสิทธ์ไปสายตะวันออก ส่วนทีมของกระผมนั้น ไกลยิ่งกว่าครับ ไปกันถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยทีเดียว

ระหว่างการจัดของขึ้นรถ ก็ทำให้ผมสะกิดใจขึ้นมาได้ว่า...อีกแล้ว (-_-‘) ลืมของอีกจนได้ คราวนี้ รองเท้าหนังครับ ในใจก็ไม่อยากจะบอกพี่ๆ เลยกลัวจะโดนว่า และอาจจะต้องเสียเวลาไปบ้านผมอีก แต่ก็นะ จะให้เสียเงินซื้อใหม่ก็ยังไงอยู่ เหอๆ เลยบอกดีกว่าครับ ยังไงเส้นทางไปอีสาน ก็สามารถที่จะผ่านทางบ้านผมได้ เลยรอดตัวไปครับ แต่ถ้ามีคราวหน้าอีกผมคงต้องโดนเชือดแน่.. จากการเดินทางตั้งแต่จังหวัดนำร่องมาถึงตอนนี้ ผมได้ลืมของแล้วสามครั้งครับ ครั้งแรกเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ็ค ครั้งที่สองเป็นกางเกงทำงาน และมาครั้งนี้เป็นรองเท้าหนัง เฮ้อ...จะทำยังไงดีกับไอ้ความขี้ลืมและสะเพร่าของผม

เอาละครับ หลังจากที่ทุกคนขะมักเขม้นขนของขึ้นรถและกราบไหว้ขอพรสิ่งศักด์สิทธิ์ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพกันแล้ว รถของทั้งสองทีมก็ได้แยกย้ายกันเดินทางไปในแต่ละจุดหมาย เพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับบัญชาจากเบื้องบนให้สำเร็จลุล่วง คาดว่าทีมเราคงต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยก็ 5 ชม. ผมจึงได้เปิดหนังเรื่อง Season Change ดูกัน แหม่..เหมาะเลยครับ เพราะระหว่างทางฝนก็ตกบ้างหยุดบ้าง สมาชิกทุกคนดูแล้วก็อยากที่จะกลับไปสู่วัยเรียนกันทั้งนั้น เพราะเป็นช่วงที่ทั้งสนุกและสบายเหลือเกิน น้องๆ ที่คิดอยากจะโตและทำงานเร็วๆ นั้น พี่แนะนำว่ามีโอกาสก็เรียนไปเถอะครับ อาจจะมาเสียดายทีหลังก็ได้ครับ เพราะตอนนี้ตัวกระผมเองก็ได้รับรู้ถึงความรู้สึกและรสชาตินั้นแล้ว ฮ่าๆๆ ซัก 15 นาที ก่อนจะถึงบ้านผม เราได้จอดแวะซื้อชากาแฟเพื่อเติมความสดชื่นกันครับ แต่ผมไม่ได้สั่งด้วยครับ ซักพักพี่ๆ ก็เดินมาพร้อมแก้วในมือของแต่ละคนครับ ปกติแล้วเวลาพี่ๆ ซื้อทานกันนั้น จะทำท่าดูดอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข แต่คราวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นครับ มาถึงก็ถามผมว่า “แม็กซ์ ลองซิ ชาเนปาล เคยลองป่าว” ไอ้ผมก็ประเภทชอบลองซะด้วย ไม่รอช้าครับดูดเลย ท่านผู้อ่านเคยทานอะไรแล้วมันจี๊ดขึ้นหัวไหมครับ ไปลองดูได้ครับที่ร้าน “A Cup of Tree” ค.7 ธัญบุรี ผมไม่สามารถอธิบายถึงรสชาติได้แต่เค้ก Handmade ของที่นี่หวานอร่อยมากครับ

ทีมอ้วนดำขาใหญ่ก็เดินทางมาเรื่อยๆ โดยไม่รีบร้อนนัก จนเสียงเรียกร้องของกระเพาะก็เริ่มดังขึ้น เราจึงหยุดพักทานอาหารเย็นกันที่ร้าน “สวนลุงพร” อยู่บนเขายายเที่ยง เขตลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมาครับ บรรยากาศสุดๆ เลย ยิ่งถ้าหน้าหนาวน่าจะเป็นที่ Romantic มากที่หนึ่งเลย ไม่คิดว่าจะมีสถานที่แบบนั้นบนเขาเลย เป็นวิวที่สวยมากครับ สามารถมองจากบนเขาลงมาเห็นเขื่อนลำตะคองและต้นไม้นานาพันธุ์เยอะแยะไปหมด จึงได้เก็บภาพมาให้ทุกท่านได้อิจฉาเล่นกันเล็กน้อยครับ ผมคิดว่าการมีต้นไม้เยอะนี่ดีจริงๆ โลกเรามันไม่น่าเจริญมากเลย ทรัพยากรจะหายหมดนะเนี่ยหลังจากที่เราจัดการปลาไป 2 ตัว เราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองที่เป็นฐานเสียงของนักการเมือง (พรรคไหนนั้นก็เดาเอานะครับ) จ.บุรีรัมย์ครับผม ระหว่างทางก็มีอุปสรรคจากสภาพอากาศเล็กน้อย ฝนตกครับ แต่ก็ไม่เป็นปัญหามาก เพราะเราไม่ได้เดินทางโดยเครื่องบิน จะว่าไปแล้ว ท่านที่เดินทางโดยสารทางอากาศบ่อยๆ ไอ้ผมก็เป็นห่วงครับ เพราะสภาพอากาศทุกวันนี้ มันไม่แน่นอนเอาซะเลย ในที่สุด เราก็ได้มาถึง “โรงแรมเทพนคร” ในเวลาที่มืดมากแล้ว เราจึงได้แยกย้ายกันไปพักผ่อนสะสมพลังงานตระเตรียมพร้อมเพื่อการจัดอบรมในวันพรุ่งนี้

ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ได้ให้ความสนใจ CSR Campus ปีนี้ค่อนข้างหนาแน่นครับ ทุกๆ คนสนใจการบรรยายเป็นอย่างมาก เนื่องจากวันนี้ท่านวิทยากรอาจจะพูดเสียงเพี้ยนไปบ้างในบางครั้ง จึงเป็นที่ขบขันของน้องๆ นักศึกษากันเป็นระยะๆ มีการถามตอบกับอาจารย์ของเราได้อย่างเป็นกันเอง และก็ให้ความร่วมมือในการตอบปัญหาชิงของรางวัลกันเป็นอย่างดีอีกด้วย

ในช่วงกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท่านที่มาอภิปรายในเรื่องหน้าที่พลเมือง ได้เลือกหัวข้อการเป็นผู้มีความสัตย์ โดยต้องมีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น มีความจริงใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน ไม่ทำทุจริต และต้องพูดจริงทำจริง อีกท่านหนึ่งเสนอในหัวข้อการเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม มีการทำงานที่สุจริต ให้ความเป็นห่วงเป็นใยแก่สมาชิกในองค์กร ส่วนเรื่องความเป็นพลเมืองบรรษัท อยากเห็นองค์กรธุรกิจมีการเปิดเผยข้อมูลและดำเนินงานอย่างถูกต้องโปร่งใส และมีการส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น การจัดอบรมหลักธรรมให้กับคนในองค์กรให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น

ช่วงรับประทานอาหารกลางวัน ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่ๆ จากโตโยต้า ทั้งในเรื่องของรถและสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้ว่าจะกระทบต่อองค์กรหรือธุรกิจมากน้อยเพียงใด มีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งทำงานเกี่ยวกับด้านแรงงานได้พูดถึงคนไทยว่า คนไทยนะชอบเอาแต่รอ ไม่ค่อยจะวิ่งเข้าหางาน ปล่อยเวลาไปวันๆ และก็มาพูดบ่นว่าตกงาน มีเพื่อนของเธอคนหนึ่งได้ไปทำงานที่เกาหลี พอกลับมาเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย สู้งาน ตรงต่อเวลา ไม่มีมาเอื่อยเฉื่อย ดูซิว่าพวกต่างประเทศเค้าเป็นยังไงถึงได้เจริญเอาๆ คนไทยนะเอาแต่พูดไม่ยอมลงมือทำ ผมก็คิดว่าพี่เค้าก็พูดถูกครับว่าถ้าเราไม่พยายามหรืออดทนก็คงไม่ประสบความสำเร็จเป็นแน่ No Pain No Gain ครับ

มาถึงในช่วงบ่ายกิจกรรม CSR เชิงระบบ ได้มีผู้แชร์ความคิดว่าอยากให้องค์กรเพิ่มความเข้าใจในเรื่อง CSR ของกิจการให้มากขึ้น โดยอาจมีการจัดอบรมและอธิบายรายละเอียดให้เข้าใจและให้สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติได้ ทั้งยังสามารถเผยแผ่ความรู้ให้กับคนอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย ท่านหนึ่งได้เสนอไอเดียที่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคุณลักษณะองค์กรกับเรื่อง CSR ในมุมของการส่งเสริมการใช้ควายแทนรถไถนา พัฒนากลุ่มเกษตกรให้หันมาใช้ควายจะได้ลดค่าใช้จ่ายจากน้ำมัน โดยอาจมีการขยายผลโครงการไปยังจังหวัดอื่นๆ ซึ่งหากทำได้ จะเป็นแหล่งศึกษาดูงานให้กับเกษตกรนอกพื้นที่ได้เข้ามาเรียนรู้และเป็นเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย อีกท่านได้ให้ความเห็นในโครงการช่วยน้องผู้อยู่ห่างไกล ด้วยการติดต่อหน่วยงานในการรับบริจาคสิ่งของต่างๆ ทำกิจกรรมร่วมกับน้องๆ ผู้ด้อยโอกาส สร้างความสัมพันธ์กับคนในชุมชนและน้องๆ โดยเสนอให้มีการขยายโครงการและเพิ่มเครือข่ายให้มากขึ้น

อาจารย์ปรียา เชื่อมธรรมพาณิชย์ จากโปรแกรมการตลาด กล่าวถึงการมาร่วมงานในวันนี้ว่า “เห็นว่าเป็นโครงการที่ดี น่าสนใจ จึงให้นักศึกษามา ได้ความรู้ทั้งหน้าที่พลเมือง หลักธรรมาภิบาล และก็ CSR ด้วยว่าคืออะไร คิดว่า CSR ก็เป็นประโยชน์สำหรับเด็ก ทางเราก็มีการทำ CSR เช่น ค่ายอาสา แต่เราอาจไม่ได้มองหรือเรียกว่า CSR คิดว่าดีมากที่มาจัดอบรมในลักษณะนี้ เพราะนักศึกษาส่วนมากมักได้รับความรู้จากในรั้วมหาวิทยาลัย บางครั้งก็ได้ไม่เต็ม การที่นักศึกษาได้ฟังความเห็นจากคนภายนอกบ้าง ก็ทำให้เห็นภาพที่ครบองค์ประกอบมากขึ้น จริงๆ หน้าที่พลเมืองและบรรษัทภิบาลก็มีสอนในสถาบันบ้างว่าควรทำต่อสังคมอย่างไร ทำดีอย่างไร ในวันนี้ก็ได้รับความรู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งมากกว่าในตำรา และสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้”

สำหรับในกิจกรรม Creative CSR มีหลายกิจกรรมที่น่าสนใจ โดยในกิจกรรมแรก แค่ชื่อกลุ่มก็รู้แล้วครับว่าเกี่ยงกันออกมานำเสนอจริงๆ นั่นคือ “Present Tomorrow” แต่ก็เกินความคาดหมายเพราะได้คิดกิจกรรมที่น่าสนใจมากทีเดียว คือ “โครงการโรงสีข้าวชุมชน พลังงานแสงอาทิตย์” เนื่องจากประเทศของเรานั้นเป็นประเทศที่มีแสงอาทิตย์ส่องตลอดทั้งปี จึงได้คิดโครงการที่จะทำให้ชุมชนเกิดการประหยัดและใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ สามารถช่วยลดโลกร้อนโดยลดใช้พลังงานไฟฟ้า โรงสีนั้นให้ดียังไง ก็ต้องมีฝุ่น จึงได้ทำเครื่องเก็บฝุ่นและนำฝุ่นมาบีบอัดรวมกันทำเป็นรูปแบบต่างๆ ออกจำหน่ายได้ด้วย สิ่งแวดล้อมจะดีขึ้นอย่างชัดเจน การนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศก็จะลดลง

ชื่อของกลุ่มต่อมานี่ไม่แพ้กัน “Save My Rice” แค่ชื่อก็บอกแล้วว่ารักข้าวอย่างมากนะครับ กิจกรรมที่กลุ่มนี้เสนอ คือ “โครงการผสมพันธุ์ข้าวเพื่อพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ข้าวบุรีรัมย์” ที่เสนอให้มีการยกระดับคุณภาพข้าวและการส่งเสริมราคาข้าว การพัฒนาข้าวสายพันธุ์ใหม่ การจัดตั้งสหกรณ์ การผสมพันธุ์ข้าวข้ามสายพันธ์ที่สามารถทำให้ข้าวมีเมล็ดใหญ่ขึ้น หอมขึ้น และหุงได้ขึ้นหม้อมากขึ้น เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งถ้าประสบผลสำเร็จ ราคาข้าวก็จะดีขึ้น เกษตรกรก็จะไม่ยากจน มีรายได้มากขึ้น ชีวิตก็จะดียิ่งขึ้นตามลำดับ

ส่วนกลุ่ม “สะเดาหวาน” ได้มีการคิดกิจกรรมชื่อว่า “โครงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงอนุรักษ์” ที่เสนอให้มีการปลูกหม.............ฮ่าๆๆๆ ทุกท่านในห้องอบรมนั้น ส่งเสียงหัวเราะกันราว 2 นาทีเห็นจะได้ จนท้องคัดท้องแข็ง กับคำผิดของผู้มานำเสนอ (ถ้าอยากรู้ก็ติดต่อมาทางสถาบันได้นะครับ) หลังจากรวบรวมสมาธิกันแล้ว จึงได้นำเสนอต่อว่า อยากให้มีการจัดตั้งกลุ่มปลูกหม่อน จัดหาวิทยากรที่มีความรู้เรื่องการปลูกหม่อนโดยการใช้ปุ๋ยชีวภาพ จัดแบ่งกลุ่มกันทำงาน เช่น (1) ปลูกหม่อน (2) เลี้ยงไหม (3) ทอผ้า (4) ทำการตลาดเพื่อหาช่องทางจำหน่าย เพื่อให้ได้ไหมที่มีความสวยงามและเนื้อผ้าดีเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย อีกทั้งยังไม่เป็นอันตราย เนื่องจากไม่ได้ใช้สารเคมี กิจกรรมนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และคนในชุมชนจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ในที่สุดการสัมมนาก็ได้จบลงอย่างราบรื่น และทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกันมากครับ เพราะว่าวันนี้เพิ่งจะเป็นการเริ่มต้นของทริป ผมได้ข่าวมาว่า ท่านพี่หนึ่งจากทีมของอาจารย์ฌาณสิทธิ์ ก็ลืมของ (คือเข็มขัด) เหมือนกัน ฮ่าๆๆ ขนาดมีคนคอยช่วยจัดของนะเนี่ย ยังลืมเลย (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร คนที่อยู่เหนืออารมณ์ทั้งมวลนั้นเอง ก๊ากกก) เอาละครับ วันนี้ผมค่อนข้างที่จะมึนมาก จึงไม่ได้ช่วยพี่ๆ ยกของมากนัก เอาที่พอขนลงมาได้ลงมาก่อน แล้วมาแอบหลับในรถรอโดยไม่ได้สตาร์ทเครื่อง ผลหรือครับ เหงื่อท่วมเลย ซัก 30 นาทีเห็นจะได้ครับ แต่ก็รู้สึกดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะเหงื่อที่ออกมาเยอะก็เป็นได้ ไม่รอช้า เราได้มุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไปในทันที แต่ก่อนจะไปจังหวัดข้างหน้า ผมได้เก็บภาพสัตว์โลกบนดวงจันทร์มาได้ด้วยกล้องที่สุดยอดจากทางสถาบันฯ เหอๆ


3 ความคิดเห็น:

  1. เหอๆๆๆ
    มีข้อแนะนำในการจัดของเพื่อไม่ให้ลืมในสิ่งที่สำคัญๆ นะคะ (ไม่ใช่จำอยู่แต่...เรื่องเดียว)ก็เขียนรายการที่จำเป็นที่ต้องใช้ แล้วเวลาเก็บลงกระเป๋าก็ติ๊กว่าเก็บแล้ว มันจะยากไปไหมคะ แต่มีอีกวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ หา..คนมาช่วยเก็บช่วยจัดแค่นี้ก็เรียบร้อยนะจ๊ะ (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ฮ่าๆๆๆ) หาคนที่จะจัดการเราได้อ่ะ ซึ่งมีเยอะ ฮ่าๆๆๆๆ (พอแกะปูล่ะเก่งจัง)

    เข้าสู่ภาควิชาการนะคะ ชอบโครงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเชิงอนุรักษ์ค่ะ เนื่องจากผ้าไหมไทยมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมและสวยงามสื่อถึงความเป็นไทย อยากให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองไทยเช่นกันค่ะ ผ้าไหมไทยสวยดีมีคุณภาพ

    อย่าลืมที่แนะนำไว้ข้างบนนะคะ คราวหน้าจะได้ไม่ลืม....

    ตอบลบ
  2. ชอบพี่แม็คที่ขี้ลืมค่ะ

    แต่คงไม่ถึงกะลืมแฟนตัวเองมั้ง 5555+

    ตอบลบ
  3. อยากให้ "โครงการผสมพันธุ์ข้าวเพื่อพัฒนาศักยภาพของผลิตภัณฑ์ข้าวบุรีรัมย์” เกิดขึ้นจริงๆนะคะ ซึ่งเราน่าจะร่วมกับปราชญ์ชาวบ้านของท้องถิ่น เพื่อจัดทำโครงการดีๆอย่างนี้ จะได้ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยค่ะ

    บรรยากาศที่เขื่อนลำตะคองสวยจังค่ะ เอาไว้มีโอกาสไปโคราช ผ่านจะแวะไปบ้างนะคะ แล้วจะชวนคนเขียนไปด้วยค่ะ

    ตอบลบ