วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หนองคาย

เย้...ที่ๆเราจะไปกันในคราวนี้ เป็นที่ๆผมมาก็อาจจะมาบ่อยกว่าจังหวัดอื่นๆซักหน่อยครับ เพราะเวลาที่ผมมารวมญาติในวันตรุษจีนที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เราก็จะมาที่จังหวัดนี้อยู่เป็นประจำ ช่วงงานเทศกาลสงกรานต์เค้าก็มีการแห่หลวงพ่อพระใส จังหวัดหนองคายครับ ผมก็เคยมีโอกาสได้แห่ครั้งหนึ่ง คนเยอะมากๆครับ น้ำนองเต็มพื้นเลย แห่กันไม่ได้กลัวองค์พระหล่นเลย ฮ่าๆ แต่ก็สนุกครับ เพราะทุกคนส่งเสียงโห่ร้องสร้างความคึกคักเป็นอย่างมาก เรามาถึงกันก็เย็นแล้ว จึงได้แวะเที่ยวที่ “ตลาดท่าเสด็จ” ที่นี่ก็มีสินค้ามากมายเช่นผ้าไหม เครื่องเงิน ผ้าถุง และอีกหลายๆอย่าง จะว่าไปแล้วกลุ่มเราไม่ได้เน้นช๊อปปิ้งครับ อย่าลืมว่า Concept เราคืออาหาร ฮ่าๆๆ ไม่รอช้าเราก็มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารเวียดนามที่ขึ้นชื่อที่สุดในระแวกนี้ “ร้านแดงแหนมเนือง” สั่งตามใจปากกันอีกแล้วครับ ก็จะมาลำบากที่ผมทุกที เสื้อก็ชักจะฟิตไปทุกทีแล้ว อืม...การเดินทางมาในคราวนี้ ผมรู้สึกว่าผมกินอะไรไม่ค่อยจะลงเลย เพราะเริ่มจะเบื่ออาหารแนวนี้ซะแล้ว เวลากลับไปที่บ้านก็ซื้อแต่ข้าวกล่องกัน อาจเป็นเพราะว่าพระมารดาผมก็ไม่ค่อยอยากจะทำครับเพราะลูกๆไม่ค่อยอยู่ ฮ่าๆ ลูก 3 คน ไม่อยู่ซักคน เพราะยังเรียนอยู่บ้างทำงานไกลบ้างครับ พูดถึงที่บ้านแล้วก็คิดถึงหมาน้อยของผมที่เพิงจะคลอดลูกซะด้วย จะว่าไปแล้วผมพล่ามอะไรอยู่เนี่ย.....ครับกับมาที่ร้านแหนมเนืองอีกครับ เวลาจะกินอาหารชนิดนี้สาวๆก็อาจจะดูไม่งามซักหน่อยเพราะต้องอ้าปากกว้างมากๆ พี่สาวสองคนของเราหมดสวยไปเลย


หลังจากสวาปามกันไปเรียบร้อยเราก็เข้าพักที่ “โรงแรมหนองคายแกรนด์” ผมสังเกตุเห็นว่าทำไมมีกลอง ระนาด ฉิ่งตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าเลย ก็แปลกใจครับ ไม่นานนักก็มีทีมใหญ่ชุดสีม่วงมานั่งเล่นเครื่องดนตรีเหล่านั้นอย่างสนุกสนาน สอบถามได้ความว่าจะมีคณะสัมมนามาจึงมีการละเล่นต้อนรับ ดูดีเลยทีเดียวครับอยากจะเข้าไปแจมด้วยแต่ไม่กล้า ถึงห้องพักซักทีครับเบาะนอนช่างสบายจริงๆ อย่างกับสวรรค์เลย อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทางครับ ผมกับอาจารย์ก็กะจะลงไปว่ายน้ำกันที่สระของโรงแรมอีกแต่ว่าสระเค้าปิดตั้งแต่ 6โมงแล้วจึงชวดไป เราก็นั่งดูทีวี สรุปงาน อ่านหนังสือกันไป ซักพักก็มีเสียงเคาะประตู ผมก็สงสัยว่าใครมาเคาะเนี่ยะดึกขนาดนี้แล้ว คิดในใจ (อาจารย์เรียกเด็ก) จ๊ากก ล้อเล่นครับ ผมจึงเดินไปเปิด เจอป้าคนหนึ่งครับ แกก็ตกใจที่เห็นผม ดูจากสภาพแล้วเมาชัวร์ครับ เธอเลยบอกผมว่า “อุ้ย! โทษทีค่ะเปลี่ยนห้องไปเปลี่ยนห้องมาเลยงง” ผมก็ไม่ได้สนใจนักจึงปิดประตูไป และก็นั่งทำงานต่อจนเข้านอน ส่วนอาจารย์ก็นอนอ่านหนังสือไปครับ


รุ่งอรุณของวันต่อมาผมตื่นตั้งแต่ 6 โมงและก็นอนไม่หลับอีก เพราะนอนคิดอะไรมั่วๆไปหมดเหมือนมีอะไรมาเหยียบยังไงไม่รู้ครับ เหอๆ อาบน้ำ แต่งตัว โกนหนวด เรียบร้อยก็ลงไปทานอาหารเช้าพร้อมๆกับอาจารย์วุฒิพงศ์ ผมได้ลองไข่กระทะของที่นี่และได้เรื่องจนได้ พ่อครัวก็วางไว้บนจานลองดีๆ ผมก็ดันไปหยิบที่กระทะนิ้วพองไป 3นิ้วเลย ฮ่าๆ ถึงกับเซ็งเป็ดเลยครับผม เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างได้จัดเตรียมเป็นที่เรียบร้อย ผมจึงกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการตามด้วยการบรรยายจากอาจารย์วุฒิพงศ์กับใบหน้าที่หล่อเหลาเกลี้ยงเกลาเพราะท่านเพิ่งลองที่โกนหนวดใหม่ ฮิๆๆ


เราก็มาสู่กิจกรรมหน้าที่พลเมืองวันนี้รู้สึกว่าแต่ละท่านที่มานำเสนอเป็นคนที่มีศีลธรรมมากครับ ท่านแรกเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสอนในศาสนาอย่างเคร่งครัด จะได้ไม่มีปัญหาและมีแต่ความเจริญต่อๆไป อยากให้องค์กรเปิดเผยข้อมูลและดำเนินงานอย่างถูกต้องโปร่งใส จะได้รับรู้ว่าองค์กรทุจริตอะไรหรือทำอะไรไม่ดีไว้บ้าง ท่านต่อมาเลือกในข้อเป็นผู้มีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการครองตนโดยธรรม ห่วงใยสิ่งแวดล้อม ดูแลทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความสามัคคี อยากให้พลเมืองบรรษัทส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรม มีศีลเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างค่านิยมในความซื่อสัตย์สุจริต และยึดหลักธรรมในการทำงาน ท่านที่สามนั้นเป็นผู้มีความพากเพียรหาเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม เรียนจบมาทำงานสุจริต มีความตั้งใจทำงาน รับผิดชอบหน้าที่ตนเอง ทำประโยชน์ให้ได้สูงสุดต่อบริษัท เพื่อนร่วมงานและตนเอง อยากให้องค์กรในจังหวัดนั้นส่งเสริมให้พนักงานให้มีศีลธรรมอีกเช่นกัน เมื่อพนักงานมีจิตใจที่ดี มีความยืดหยุ่น ผ่อนหนักเป็นเบา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ องค์กรก็จะเจริญก้าวหน้า เมื่อมีความสุขในการทำงานก็มีสุขภาพใจดี แหม่...ผมฟังแล้วรู้สึกอยากจะไปถือศีลซักอาทิตย์เลยครับ ฮ่าๆๆ


ช่วงพักทานอาหารกลางวัน รู้สึกผู้มาอบรมจะเอาใจอาจารย์เป็นพิเศษเลย มีการแซวว่า โห...อาจารย์ถอดเสื้อสูทแล้วดูยังหนุ่มมากเลย ผมแอบขำในใจ ฮ่าๆๆ แต่ก็นั่งทานไปด้วยครับ และมาถึงของหวานเป็นกล้วยบวชชี เมื่อวานที่ร้านแดงแหนมเนืองผมก็สั่งกล้วยบวชชีแต่ดันหมด วันนี้เลยได้กินสมใจ แต่พอทานไปแล้วรู้สึกมันไม่เหมือนแถวบ้านเราครับ ยังไงก็เกลี้ยงไม่เหลือเหมือนเดิม (แล้วจะบ่นทำไมว่าไม่อร่อย) ผมปลีกตัวมาที่ห้องอบรมก่อนเนื่องจากร้อนมาก ได้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาคุยกับผมและสนใจในโครงการ CSR Day อยากให้เราไปปลูกจิตสำนึกและส่งเสริมความรู้ให้แก่พนักงานเพราะอยากให้พนักงานจำนวน 100กว่าคนได้รับรู้ถึง Concept ของ CSR


CSR เชิงระบบ เราได้ผู้นำเสนอการเข้าร่วมในความริเริ่มทางซีเอสอาร์โดยสมัครใจ โดยจะจัดส่งเสริมการท่องเที่ยวริมฝั่งน้ำโขง นำเด็กที่เรียนการโรงแรมมาเป็นไกด์นำเที่ยว จะเป็นการอาสาสมัครไปในตัว ต้องการคนในชุมชนทุกคนให้ความร่วมมือ อีกท่านอยากจะให้เพิ่มความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร อยากให้จัดอบรมให้พนักงานเข้าใจ CSR และนำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับแผนกลยุทธ์และผสมผสานเข้ากับ Action Plan ชุมชนองค์กรภาครัฐ NGO เข้าใจองค์กรและให้ความร่วมมือกับองค์กรมากขึ้นในอนาคต อีกท่านอยากให้มีความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร เพื่อให้พนักงานในองค์กรมีควมรู้มากขึ้น นำไปใช้ในชีวิตประจำวันและบอกต่อกับผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง


ในส่วนของกิจกรรม Creative CSR เราได้ “โครงการน้ำหมักปุ๋ยชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร” นำเศษฟาง ข้าวเปลือกและอาหารมาหมักเป็นปุ๋ยชีวภาพ โดยมีการจัดอบรมวิธีการทำและให้วิทยาลัยเป็นตัวกลางในการให้ความรู้ชุมชน แนะนำชุมชนและเกษตรกรในการนำปุ๋ยไปใช้ เพราะจะช่วยประหยัดงบในการซื้อสารเคมี ผลผลิตทางการเกษตรจะปลอดสารมากขึ้น เมื่อสำเร็จก็จะมีการขยายผลและเผยแพร่ให้กับชุมชนอื่นๆต่อไป
โครงการเจ้าบ้านพาเลาะ” เป็นจุดเชื่อมต่อการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆของจังหวัดหนองคาย รวมถึงการพาเที่ยวจังหวัดหนองคาย ถ้าใครมาที่นี่เจ้าบ้านก็จะพาลัดเลาะไปทุกที่ให้ทุกท่านถูกใจมากที่สุด มีการย่อทุกพื้นที่ ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ที่พักของหนองคายมาไว้ในบ้านหลังเดียว เน้นความสะดวกของนักท่องเที่ยว โดยเราไม่เน้นผลกำไร ผู้ที่มาติดต่อมีการได้ประโยชน์สูงสุดและมีการพึงพอใจมากที่สุด GDP สูงขึ้นทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดดีขึ้น ความเป็นอยู่ดี การว่างงานลดลงและเปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมกันทำงาน
โครงการเทศกาลออกพรรษาบุญบั้งไฟพญานาค” จัดให้มีกิจกรรมการทำบุญตักบาตรช่วงเช้า โดยประชาสัมพันธ์ให้นักศึกษา ผู้ปกครองและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จัดอบรมกลุ่มแม่ค้าให้มีจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเช่นไม่ขายของแพง ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค จัดหน่วยบริการนักท่องเที่ยว ขอความร่วมมือกับหมู่บ้านทำเป็นบ้าน Home Stay เมื่อนักท่องเที่ยวได้รับความพอใจ สะดวกสบาย ก็จะมีการกระจายข่าวและแห่กันมาที่จังหวัดเรา ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ในวันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์อารีรัตน์ จันทร์วิเศษ วิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคาย ซึ่งท่านกล่าวว่า “ได้หนังสือเชิญจากสถาบันไทยพัฒน์ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ให้ความรู้โดยไม่แสวงหาผลกำไร ทำให้สังคมรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ CSR ทั้งๆที่มีมานานแล้วแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจกัน ได้ความรู้ในเรื่องการจัดเข้าสู่ระบบของ KPI ตัวชี้วัด เพราะตัวเองยังไม่เข้าใจระบบ CSR มากเท่าไรแต่พอวันนี้ก็ได้รับความรู้แล้ว ผลที่ได้ก็คือเกิดกระบวนการเรียนรู้เป็นขั้นตอน ทำให้ทุกๆหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ความรู้และนำไปปลูกจิตสำนึกในองค์กรให้คำนึงถึงสังคมมากขึ้น ในส่วนของหน้าที่พลเมืองถ้าหากคนเราไม่มีจิตสำนึกสอนไปเท่าไรก็ไม่สามารถจะไปถ่ายทอดหรือขยายผลได้”
นอกจากนี้อาจารย์วรรณภา ทุมมะดี จากโรงเรียนเจมส์บริหารธุรกิจหนองคาย ยังกล่าวไว้ว่า “ได้ความรู้เยอะมาก แต่ก่อนที่ผ่านมาไม่รู้เรื่อง CSR เลยแต่ถ้าเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมก็พอจะรู้บ้าง แต่พอเข้ามาอบรมก็ได้รู้ว่าเป็นการบูรณาการในองค์กรด้วย ดีที่มาจัดให้ ที่หนองคายมีอะไรหลายๆอย่างที่ยังต้องการความรู้มาช่วยปรับปรุงให้มันดีขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องขององค์กร สามารถทำหน้าที่พลเมืองมาประยุกต์ใช้ได้อย่างแรงค่ะ เพราะสถาบันการศึกษาเราผลิตเยาวชนให้มีคุณภาพสูงสุด ถ้าเราปลูกฝังได้ โดยเฉพาะการทำตนให้มีประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่อาศัยอยู่ คิดว่าอนาคตเด็กๆเหล่านี้จะสามารถสร้างประโยชน์ให้คนอื่นๆได้เยอะค่ะ”
ผู้มาอบรมในวันนี้ก็ดูเฮฮากันมากครับ ไม่รู้จะฮากันไปไหน ขำกันได้ขำกันดีครับ ฮ่าๆ ผู้ใหญ่ที่มาในวันนี้ก็ดูค่อนข้างจะใจดี แต่ดูแล้วแต่ละคนอยากจะได้เสื้อจริงๆครับ จะเอาที่ผมใส่แล้วก็ยอม ผมก็อยากจะให้นะครับ (เพราะจะได้เปลี่ยน Size ฟิตเหลือเกินแล้ว พี่หมูคงจะใจดีให้ผมเปลี่ยนนะ) เหอๆ วันนี้ผมหมดแรงมากครับหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับแล้ว พี่ๆได้ทำการ Copy แผ่นให้กับผู้ที่มาร่วมอบรมและรอโหลดข้อมูลของวันต่อไป ส่วนผมไม่ไหวแล้วหลับคาเก้าอี้เลย อาจารย์แอบมาถ่ายรูปไว้อีก หมดกันภาพลักษณ์ที่สร้างมา ฮ่าๆๆ
ผมตื่นมากับเสียงที่ได้ยินผู้อบรมที่รอแผ่นซีดีกล่าวลากลับ และพวกเราก็ได้ขนของกันเพื่อจะได้เดินทางกันต่อ ก่อนที่จะไปจากจังหวัดหนองคายนี้เราก็ต้องทำการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่จังหวัดนี้กันก่อนที่วัดโพธิ์ชัย หลวงพ่อพระใส และได้แวะทานอาหารชื่อดังของที่นี่ลองท้องกันครับ อืม...ก๋วยเตี๋ยวญวนกับหอยทอดครับ แต่ดูเด็กเสิร์ฟจะไม่เข้าใจท่าทางจะเป็นคนเวียดนามครับ เพราะผมสั่งน้ำส้มเธอก็ยืนยิ้มอยู่นั้นละครับ ฮ่าๆๆ ซักพักพี่เจ้าของร้านจึงเดินมาบอกว่าเค้าไม่เข้าใจหรอก ทานกันเรียบร้อยเราก็เดินทางกันต่อสู่จุดหมายปลายทางข้างหน้าทันที ระยะการเดินทางไปยังจังหวัดต่อไปก็ไม่ไกลนักครับ ท่านผู้อ่านลองเดาซิว่าเราจะไปที่ไหนกัน....







1 ความคิดเห็น:

  1. หุหุ...
    นอนได้ทุกที่เลยนะจ้ะ (หมูน้อย ฮ่าๆๆๆ)
    กินอาหารเวียดนาม แล้วได้กินขนมจีนเวียดนามป่าว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เดินทางเหนื่อยเลยเนอะ น่าฉงฉาร..... แต่คงไม่เหนื่อยนักเพราะทราบมาว่า กำลังใจเยอะ แฟนคลับแยะ มีคนรอเม้นท์ มากมายยยย
    เฮอะ..........

    โครงการเจ้าบ้านพาเลาะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ชะชะชอบจัง เท่ห์ดีว่าแต่ถ้าทำโครงการนี้ได้ ขอไปเลาะด้วยคนเน้อ.....พี่น้อง

    ตอบลบ