บัดนี้เรามาถึงจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศแล้วครับ จ.เชียงราย ครับ ยานของเราลงจอดที่หน้าร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ในเวลาประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ เห็นจะได้ อย่างเคยครับสั่งกันไม่สนใจคนที่ต้องรับผิดชอบทีหลังอีกแล้ว คราวนี้เราทานกันไม่หมดครับ เริ่มที่จะไม่เสียดายไม่สงสารเกษตรกรกันแล้ว เพราะทีมเรามีจุดหมายใหม่ที่ว่า หุ่นดี เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า เหอๆ ไม่มีใครอยากจะอ้วนอีกแล้ว อืม...หรือว่าแต่ละคนเจ็บคอทำให้ทานกันได้ไม่เยอะก็ไม่แน่ใจ
เราได้นั่งรถชมเมืองเหนือกันไปซักพักครับ ผมคิดว่าด้านความเจริญผิดจากที่ผมคาดไว้เลยครับ อาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทำให้ต้องมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตึกและร้านค้าต่างๆ เกิดขึ้นเยอะแยะมากมายจนความเป็นธรรมชาติไม่สามารถเห็นได้ในเมืองอีกแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นวัฒนธรรมอยู่ด้วยภาษาที่พูดออกมา เราเข้าพักกันที่ “โรงแรม Little Duck” ครับ แยกย้ายกันเข้าห้อง คืนนี้ผมไม่รีบกับการสรุปงานมากนักก็เรื่อยๆ กันการเล่นกีตาร์ผ่อนคลายเป็นพักๆ ส่วนอาจารย์พงศ์หลับเอาแรงตั้งแต่หัวค่ำเลย เพราะต้องสะสมพลังเสียงเอาไว้ในวันรุ่งขึ้น
เช้าต่อมาเราได้มารวมตัวกันที่ห้องอบรม จัดเตรียมอุปกรณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสอย่างทุกวัน วันนี้มีการจัดอบรมจากตำรวจท้องถิ่นอีกห้องหนึ่ง เมื่อจังหวัดที่แล้วก็มีเหมือนกัน ผมก็แปลกใจอยู่ทำไมช่วงนี้ตำรวจจัดสัมนากันบ่อยจังและเค้าประชุมกันเรื่องอะไร จะเข้าไปถามหรือแอบดูก็ใช่เรื่อง ฮ่าๆ จึงทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่าครับ การบรรยายเริ่มขึ้น สังเกตได้ว่าคนที่นี่ไม่ค่อยจะตอบอะไรกันเท่าไร แต่ใบหน้าและรอยยิ้มแสดงถึงความสนใจที่แสดงออกมาอยู่เหมือนกัน ทำให้การบรรยายดำเนินไปอย่างสบายๆ
กิจกรรมหน้าที่พลเมือง มีผู้นำเสนอว่าตนนั้นเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นพื้นฐานของตนเองในฐานะประชาชนชาวไทย การไม่ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อยากให้องค์กรมีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องโปร่งใส เพราะจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นอันนำไปสู่มาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของสังคมต่อไป ท่านที่สองอยากให้ทุกๆคนปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด รักษาศีล 5 นั่งสมาธิทุกวัน ทำทาน ก็อยากให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สังคมจะได้สงบสุข มีความสุขในตนเองแล้วก็จะขยายไปสู่ สิ่งแวดล้อม ก็จะมีความกตัญญู สามัคคี ซื่อสัตย์ สรุปก็จะเป็นผู้ คิดดี พูดดี ทำดี ท่านสุดท้ายก่อนที่จะไปพักรับประทานอาหารว่างกัน ได้เลือกทุกข้อเพราะได้ทำทุกๆอย่างเท่าๆกัน ส่วนรวม สังคม สิ่งแวดล้อม จะได้ประโยชน์อย่างมาก องค์กรนอกจากจะเสียภาษีแล้ว ก็ควรมีกิจกรรมที่คืนกำไรสู่สังคมในจังหวัดที่ตัวเองตั้งอยู่ อย่างสม่ำเสมอและจริงใจ
วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กรชนก สนิทวงศ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ท่านกล่าวว่า “เป็นความรู้ของการดำเนินกิจการที่ต้องห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม ก็ดีที่มาจัดกิจกรรมให้จังหวัดเชียงราย อยากให้ประชาสัมพันธ์ให้คนมามากกว่านี้ คิดว่านำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้ เพราะสอนในเรื่องพัฒนาสังคมอยู่แล้ว ก็ต้องการทราบแนวทาง เพื่อจะไปพัฒนาด้านการเรียนการสอนมากขึ้น”
กิจกรรม CSR เชิงระบบในวันนี้ ผู้นำเสนออยากให้องค์กรมีการทบทวนและปรับปรุงการปฏิบัติดำเนินงานที่เกี่ยวกับ CSR เป็นกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาองค์กร จัดให้มีการอบรม สังเกตพฤติกรรมหลังการอบรม สรุปประเมินผลโดยแยกเป็นสายงาน เกิดความรักความสามัคคีของบุคลากรมากขึ้นภายในหน่วยงาน ท่านต่อมาอยากให้เพิ่มความเชื่อถือได้ในการดำเนิน CSR สำรวจตัวชี้วัดการใช้สาธารณูปโภค จัดโครงการโรงเรียนสร้างความเข้มแข็งสิ่งแวดล้อมศึกษา ในการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ บรรเทาภาวะโลกร้อน สร้างเครือข่ายการประหยัดพลังงานสู่องค์กรที่เกี่ยวข้อง ท่านที่สามอยากให้มีการบูรณาการเรื่อง CSR ให้ยุติการเล่นพนัน เพิ่มการมีส่วนร่วมกับสังคม อบรมด้านวัฒนธรรมและการทิ้งขยะให้ถูกที่ ขอความร่วมมือจากนักธุรกิจที่ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตนมากนัก จะสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นและองค์กรอย่างมาก
สำหรับกิจกรรม Creative CSR มีโครงการที่น่าสนใจ ได้แก่ “โครงการแม่น้ำกกมหานทีหล่อเลี้ยงชีวีคนเชียงราย” เราจะใช้กังหันปั่นกระแสน้ำจากกก เราจะเปลี่ยนพลังงานน้ำมาเป็นกระแสไฟฟ้า จากนั้นเราจะนำจุลินทรีย์ที่ชุมชนได้ร่วมกันจัดทำขึ้นมาทำให้น้ำสะอาด ระบบจะส่งผ่านท่อ ทำให้มีการไหลเวียนของเสียในท่อระบายน้ำ เศษอาหารมีการย่อยสลาย หลังจากนั้น น้ำก็จะผ่านไปลงที่น้ำกกเหมือนเดิม เหมือนเติมน้ำดีให้กับลำน้ำกก ชุมชนมีรายได้ที่มั่นคงจากการมีส่วนร่วมในการจัดเก็บจุลินทรีย์และหมักจุลินทรีย์ด้วย จะได้พลังงานที่สะอาด ชุมชนมีรายได้
ต่อมา คือ “โครงการขจัดสารพิษ คืนชีวิตให้ธรรมชาติ” จากที่เราพบปัญหาขยะในครอบครัว ชุมชน ทำให้เราได้ดำเนินการ คิดค้นหาแนวทางการย่อยสลายขยะประเภท ผัก ผลไม้ ทำประโยชน์ให้กับชุมชนและครอบครัว ทำปุ๋ยหมักเพื่อสร้างจุลินทรีย์ นำจุลินทรีย์ที่ได้มาใช้ปรับปรุงน้ำเสีย ในทุ่งนาและบ่อเลี้ยงปลาได้ อบรมเกษตรกรไม่ให้ใช้สารเคมี สร้างระบบนิเวศน์ขึ้นใหม่
และ “โครงการส่งเสริมภูมิความรู้ให้เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสด้านอัญมณี” ให้เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้สนใจได้รับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอัญมณี การออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญ สร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เกิดรูปลักษณ์ที่แตกต่าง จัดให้มีสิ่งจูงใจ โดยมีการจัดแข่งขันออกแบบอัญมณี กลุ่มผู้เข้าอบรมจะได้มีอาชีพติดตัว เพิ่มรายได้แก่ตนเองและชุมชน ผู้บริโภคมีความพึงพอใจ ได้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนใคร ออกแบบด้วยมือตัวเองก็จะเกิดความภูมิใจ
ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์พลภัทร พรมเมือง จากโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา ซึ่งท่านได้กล่าวกับผมว่า “ได้หนังสือเชิญจากทางไทยพัฒน์ เกี่ยวกับระบบ CSR นี้ น่าจะเป็นการอบรมที่เพิ่งจะทราบเป็นครั้งแรก ตอนแรกเข้าใจว่ามาบรรยายเกี่ยวกับ ISO แต่ก็ดีครับ ในเรื่องนี้ก็เป็นระบบใหม่ดีครับ ในเรื่องหน้าที่พลเมืองก็อยากจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกเพื่อจะได้ไปสอนให้กับเด็กๆได้มีประสิทธิภาพและขยายความได้มากยิ่งขึ้น”
การบรรยายจบลงอย่างสนุกสนานกันการที่ได้รับความรู้ด้านอัญมณี การมาทริปนี้ทำให้ผมรู้คำใหม่ๆหลายคำเลย ถุงพลาสติก คนแพร่เรียก ถุงซู่แซ่ คนน่านเรียก ถุงแซ่วแซ่ว และคำว่า “หลุก” แปลว่ากังหันลม วันนี้ผู้มาอบรมท่านหนึ่งซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ซะด้วย เพราะท่านก็มาอบรมเมื่อปีที่แล้ว ได้ยืนส่งทีมงานเราตั้งแต่เลิกงานจนทีมงานของเราทุกคนขึ้นรถ เป็นคนที่อัธยาศัยดีมากเลยและมีความรู้มากอีกด้วยเพราะท่านพูดตลอด ให้ความรู้เกี่ยวกับในท้องถิ่นตลอด เยี่ยมไปเลยครับ
ก่อนที่เราจะเดินทางออกจากเชียงรายนั้น ถ้าไม่ได้ไปยังสถานที่หนึ่ง คงจะเรียกว่ามาไม่ถึงอย่างแน่นอน เราไปดูความงดงานของ “วัดร่องขุน” ครับ พูดได้ว่าสุดยอดมากๆ เป็นครั้งแรกของผมอีกเช่นกันครับที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ เคยเห็นแต่ในรูป ของจริงงามกว่าเยอะเลย ทั้งรูปสลัก ปลาในบ่อน้ำ วิวทิวทัศน์ โอว...ไม่คิดว่าคนไทยจะมีฝีมือยอดเยี่ยม อย่าว่าแต่ยอดเยี่ยมเลย ไม่รู้จะเอาคำไหนมาพูดเปรียบดีกว่า สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดที่เราได้เจอคือ อาจารย์เฉลิมชัย ผู้ริเริ่มก่อตั้งวัดแห่งนี้ครับ ก็ไม่รอช้าขอจัดภาพทันที
เราไม่สามารถที่จะเดินทางรวดเดียวถึงกรุงเทพฯได้ ทีมของเราจึงตัดสินใจที่จะไปพักจังหวัดไหนก็ได้กลางทาง แบบว่าวัดดวงไปเลย ไม่ต้องจองโรงแรมล่วงหน้า เราเดินทางไปเรื่อยๆครับ แต่ผมต้องชิ่งหลับอีกแล้ว เพราะทางโค้งของถนน ไม่ไหวๆ (-_-‘) ไม่ถูกกันจริงๆครับ คิดว่าทริปหน้าจะไม่เกิดการวิงเวียนขึ้นแล้ว เพราะภาคเหนือจะมีอีกครั้งก็คือ CSR Campus ระดับภาคเหนือ ส่วนหลังจากนี้ก็จะเป็นการลงใต้อย่างเดียวครับ ถึงจะไม่มีการเสี่ยงกับทางโค้งก็ตาม แต่เราจะไปเผชิญกับระเบิดแทน ฮ่าๆๆ
เรามุ่งหน้าลงมาเรื่อยและใช้เวลานานซักหน่อย แต่เราต้องมาแวะกันที่บ้านของภรรยาอาจารย์พงศ์อีกครั้งเพราะต้องนำของฝากที่ได้รับคำสั่งเอาไว้ ถ้ากลับไปไม่มีอาจจะงานเข้าได้ เป็นปลาส้ม แคปหมู ครับ ดูน่าอร่อยแต่ผมทานไม่ค่อยจะเป็นก็ไม่แน่ใจวารสชาติจะเป็นแบบไหน ในที่สุดเราก็ต้องมาพักเติมพลังกันที่จังหวัดกำแพงเพชร โรงแรมเดิมที่เราคุ้นเคย ที่ได้มาจัดอบรม CSR Campus เมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน แต่พนักงานต้อนรับจำเราไม่ได้ซะงั้น ฮ่าๆ ตื่นเช้ามาวันนี้ Happy มากๆ เพราะทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาร่วมโต๊ะทานข้าวอย่างสบายอารมณ์เพราะไม่ต้องจัดอบรมและไม่ได้รีบไปไหน ทีมงานสาวของเราอยากจะแวะซื้อเฉาก๊วยกลับไปให้กับทางบ้าน แต่แล้วเธอสองคนก็หายไปนานพอสมควร ปล่อยให้ผมกับอาจารย์นั่งระลึกประวัติศาสตร์ ดูสามก๊กกันอยู่บนรถ และแล้วพี่คนขับรถก็ลงไปดูว่าพวกเธอไปไหนกัน ผมก็เห็นเธอสองคนเดินกลับมาพอดี พร้อมกับถุงเสื้ออีก 4 ตัว ในมือของคุณพี่แอน เหอๆ รถตู้ออกตัวและได้จอดอีกครั้งที่บึงบอระเพ็ด ที่นี่ดังในเรื่องของจระเข้ แต่เอาอีกแล้วครับ วิญญาณอาโนเนะเข้าสิงพี่แอนอีกแล้ว ไหนๆไม่มีหรอก อะไรจระเข้ บ้าๆ อย่ามาโม้ๆ.....รูปให้ระวังจระเข้ประกาศออกจะใหญ่ เหนื่อยกับเธอจริงๆครับ ฮ่าๆ ชมความกว้างใหญ่ของบึงกันเรียบร้อย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ทันที ใจผมอยู่บ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่มีการแวะซื้อของฝากใดๆทั้งสิ้น สำหรับการเดินทางขึ้นเหนือในครั้งนี้ ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีไม่ว่าจะทั้งผู้อบรมที่น่ารัก สนุกสนาน โรงแรมดีๆ อาหารอร่อยๆ หวังว่าทุกท่านก็จะอินและติดตามไปกับการเขียนการเดินทางของทั้งสองทีม พี่หนึ่งและผม (นายแม็กซ์) ด้วย ขอบพระคุณครับ
เราได้นั่งรถชมเมืองเหนือกันไปซักพักครับ ผมคิดว่าด้านความเจริญผิดจากที่ผมคาดไว้เลยครับ อาจจะเป็นเพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทำให้ต้องมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ตึกและร้านค้าต่างๆ เกิดขึ้นเยอะแยะมากมายจนความเป็นธรรมชาติไม่สามารถเห็นได้ในเมืองอีกแล้ว แต่ก็ยังคงความเป็นวัฒนธรรมอยู่ด้วยภาษาที่พูดออกมา เราเข้าพักกันที่ “โรงแรม Little Duck” ครับ แยกย้ายกันเข้าห้อง คืนนี้ผมไม่รีบกับการสรุปงานมากนักก็เรื่อยๆ กันการเล่นกีตาร์ผ่อนคลายเป็นพักๆ ส่วนอาจารย์พงศ์หลับเอาแรงตั้งแต่หัวค่ำเลย เพราะต้องสะสมพลังเสียงเอาไว้ในวันรุ่งขึ้น
เช้าต่อมาเราได้มารวมตัวกันที่ห้องอบรม จัดเตรียมอุปกรณ์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสอย่างทุกวัน วันนี้มีการจัดอบรมจากตำรวจท้องถิ่นอีกห้องหนึ่ง เมื่อจังหวัดที่แล้วก็มีเหมือนกัน ผมก็แปลกใจอยู่ทำไมช่วงนี้ตำรวจจัดสัมนากันบ่อยจังและเค้าประชุมกันเรื่องอะไร จะเข้าไปถามหรือแอบดูก็ใช่เรื่อง ฮ่าๆ จึงทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่าครับ การบรรยายเริ่มขึ้น สังเกตได้ว่าคนที่นี่ไม่ค่อยจะตอบอะไรกันเท่าไร แต่ใบหน้าและรอยยิ้มแสดงถึงความสนใจที่แสดงออกมาอยู่เหมือนกัน ทำให้การบรรยายดำเนินไปอย่างสบายๆ
กิจกรรมหน้าที่พลเมือง มีผู้นำเสนอว่าตนนั้นเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นพื้นฐานของตนเองในฐานะประชาชนชาวไทย การไม่ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อยากให้องค์กรมีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องโปร่งใส เพราะจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นอันนำไปสู่มาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของสังคมต่อไป ท่านที่สองอยากให้ทุกๆคนปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด รักษาศีล 5 นั่งสมาธิทุกวัน ทำทาน ก็อยากให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สังคมจะได้สงบสุข มีความสุขในตนเองแล้วก็จะขยายไปสู่ สิ่งแวดล้อม ก็จะมีความกตัญญู สามัคคี ซื่อสัตย์ สรุปก็จะเป็นผู้ คิดดี พูดดี ทำดี ท่านสุดท้ายก่อนที่จะไปพักรับประทานอาหารว่างกัน ได้เลือกทุกข้อเพราะได้ทำทุกๆอย่างเท่าๆกัน ส่วนรวม สังคม สิ่งแวดล้อม จะได้ประโยชน์อย่างมาก องค์กรนอกจากจะเสียภาษีแล้ว ก็ควรมีกิจกรรมที่คืนกำไรสู่สังคมในจังหวัดที่ตัวเองตั้งอยู่ อย่างสม่ำเสมอและจริงใจ
วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กรชนก สนิทวงศ์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ท่านกล่าวว่า “เป็นความรู้ของการดำเนินกิจการที่ต้องห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม ก็ดีที่มาจัดกิจกรรมให้จังหวัดเชียงราย อยากให้ประชาสัมพันธ์ให้คนมามากกว่านี้ คิดว่านำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้ เพราะสอนในเรื่องพัฒนาสังคมอยู่แล้ว ก็ต้องการทราบแนวทาง เพื่อจะไปพัฒนาด้านการเรียนการสอนมากขึ้น”
กิจกรรม CSR เชิงระบบในวันนี้ ผู้นำเสนออยากให้องค์กรมีการทบทวนและปรับปรุงการปฏิบัติดำเนินงานที่เกี่ยวกับ CSR เป็นกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาองค์กร จัดให้มีการอบรม สังเกตพฤติกรรมหลังการอบรม สรุปประเมินผลโดยแยกเป็นสายงาน เกิดความรักความสามัคคีของบุคลากรมากขึ้นภายในหน่วยงาน ท่านต่อมาอยากให้เพิ่มความเชื่อถือได้ในการดำเนิน CSR สำรวจตัวชี้วัดการใช้สาธารณูปโภค จัดโครงการโรงเรียนสร้างความเข้มแข็งสิ่งแวดล้อมศึกษา ในการประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ บรรเทาภาวะโลกร้อน สร้างเครือข่ายการประหยัดพลังงานสู่องค์กรที่เกี่ยวข้อง ท่านที่สามอยากให้มีการบูรณาการเรื่อง CSR ให้ยุติการเล่นพนัน เพิ่มการมีส่วนร่วมกับสังคม อบรมด้านวัฒนธรรมและการทิ้งขยะให้ถูกที่ ขอความร่วมมือจากนักธุรกิจที่ไม่คิดถึงประโยชน์ส่วนตนมากนัก จะสร้างความเจริญแก่ท้องถิ่นและองค์กรอย่างมาก
สำหรับกิจกรรม Creative CSR มีโครงการที่น่าสนใจ ได้แก่ “โครงการแม่น้ำกกมหานทีหล่อเลี้ยงชีวีคนเชียงราย” เราจะใช้กังหันปั่นกระแสน้ำจากกก เราจะเปลี่ยนพลังงานน้ำมาเป็นกระแสไฟฟ้า จากนั้นเราจะนำจุลินทรีย์ที่ชุมชนได้ร่วมกันจัดทำขึ้นมาทำให้น้ำสะอาด ระบบจะส่งผ่านท่อ ทำให้มีการไหลเวียนของเสียในท่อระบายน้ำ เศษอาหารมีการย่อยสลาย หลังจากนั้น น้ำก็จะผ่านไปลงที่น้ำกกเหมือนเดิม เหมือนเติมน้ำดีให้กับลำน้ำกก ชุมชนมีรายได้ที่มั่นคงจากการมีส่วนร่วมในการจัดเก็บจุลินทรีย์และหมักจุลินทรีย์ด้วย จะได้พลังงานที่สะอาด ชุมชนมีรายได้
ต่อมา คือ “โครงการขจัดสารพิษ คืนชีวิตให้ธรรมชาติ” จากที่เราพบปัญหาขยะในครอบครัว ชุมชน ทำให้เราได้ดำเนินการ คิดค้นหาแนวทางการย่อยสลายขยะประเภท ผัก ผลไม้ ทำประโยชน์ให้กับชุมชนและครอบครัว ทำปุ๋ยหมักเพื่อสร้างจุลินทรีย์ นำจุลินทรีย์ที่ได้มาใช้ปรับปรุงน้ำเสีย ในทุ่งนาและบ่อเลี้ยงปลาได้ อบรมเกษตรกรไม่ให้ใช้สารเคมี สร้างระบบนิเวศน์ขึ้นใหม่
และ “โครงการส่งเสริมภูมิความรู้ให้เยาวชนและผู้ด้อยโอกาสด้านอัญมณี” ให้เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้สนใจได้รับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอัญมณี การออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญ สร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้เกิดรูปลักษณ์ที่แตกต่าง จัดให้มีสิ่งจูงใจ โดยมีการจัดแข่งขันออกแบบอัญมณี กลุ่มผู้เข้าอบรมจะได้มีอาชีพติดตัว เพิ่มรายได้แก่ตนเองและชุมชน ผู้บริโภคมีความพึงพอใจ ได้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนใคร ออกแบบด้วยมือตัวเองก็จะเกิดความภูมิใจ
ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์พลภัทร พรมเมือง จากโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา ซึ่งท่านได้กล่าวกับผมว่า “ได้หนังสือเชิญจากทางไทยพัฒน์ เกี่ยวกับระบบ CSR นี้ น่าจะเป็นการอบรมที่เพิ่งจะทราบเป็นครั้งแรก ตอนแรกเข้าใจว่ามาบรรยายเกี่ยวกับ ISO แต่ก็ดีครับ ในเรื่องนี้ก็เป็นระบบใหม่ดีครับ ในเรื่องหน้าที่พลเมืองก็อยากจะได้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกเพื่อจะได้ไปสอนให้กับเด็กๆได้มีประสิทธิภาพและขยายความได้มากยิ่งขึ้น”
การบรรยายจบลงอย่างสนุกสนานกันการที่ได้รับความรู้ด้านอัญมณี การมาทริปนี้ทำให้ผมรู้คำใหม่ๆหลายคำเลย ถุงพลาสติก คนแพร่เรียก ถุงซู่แซ่ คนน่านเรียก ถุงแซ่วแซ่ว และคำว่า “หลุก” แปลว่ากังหันลม วันนี้ผู้มาอบรมท่านหนึ่งซึ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ซะด้วย เพราะท่านก็มาอบรมเมื่อปีที่แล้ว ได้ยืนส่งทีมงานเราตั้งแต่เลิกงานจนทีมงานของเราทุกคนขึ้นรถ เป็นคนที่อัธยาศัยดีมากเลยและมีความรู้มากอีกด้วยเพราะท่านพูดตลอด ให้ความรู้เกี่ยวกับในท้องถิ่นตลอด เยี่ยมไปเลยครับ
ก่อนที่เราจะเดินทางออกจากเชียงรายนั้น ถ้าไม่ได้ไปยังสถานที่หนึ่ง คงจะเรียกว่ามาไม่ถึงอย่างแน่นอน เราไปดูความงดงานของ “วัดร่องขุน” ครับ พูดได้ว่าสุดยอดมากๆ เป็นครั้งแรกของผมอีกเช่นกันครับที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ เคยเห็นแต่ในรูป ของจริงงามกว่าเยอะเลย ทั้งรูปสลัก ปลาในบ่อน้ำ วิวทิวทัศน์ โอว...ไม่คิดว่าคนไทยจะมีฝีมือยอดเยี่ยม อย่าว่าแต่ยอดเยี่ยมเลย ไม่รู้จะเอาคำไหนมาพูดเปรียบดีกว่า สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดที่เราได้เจอคือ อาจารย์เฉลิมชัย ผู้ริเริ่มก่อตั้งวัดแห่งนี้ครับ ก็ไม่รอช้าขอจัดภาพทันที
เราไม่สามารถที่จะเดินทางรวดเดียวถึงกรุงเทพฯได้ ทีมของเราจึงตัดสินใจที่จะไปพักจังหวัดไหนก็ได้กลางทาง แบบว่าวัดดวงไปเลย ไม่ต้องจองโรงแรมล่วงหน้า เราเดินทางไปเรื่อยๆครับ แต่ผมต้องชิ่งหลับอีกแล้ว เพราะทางโค้งของถนน ไม่ไหวๆ (-_-‘) ไม่ถูกกันจริงๆครับ คิดว่าทริปหน้าจะไม่เกิดการวิงเวียนขึ้นแล้ว เพราะภาคเหนือจะมีอีกครั้งก็คือ CSR Campus ระดับภาคเหนือ ส่วนหลังจากนี้ก็จะเป็นการลงใต้อย่างเดียวครับ ถึงจะไม่มีการเสี่ยงกับทางโค้งก็ตาม แต่เราจะไปเผชิญกับระเบิดแทน ฮ่าๆๆ
เรามุ่งหน้าลงมาเรื่อยและใช้เวลานานซักหน่อย แต่เราต้องมาแวะกันที่บ้านของภรรยาอาจารย์พงศ์อีกครั้งเพราะต้องนำของฝากที่ได้รับคำสั่งเอาไว้ ถ้ากลับไปไม่มีอาจจะงานเข้าได้ เป็นปลาส้ม แคปหมู ครับ ดูน่าอร่อยแต่ผมทานไม่ค่อยจะเป็นก็ไม่แน่ใจวารสชาติจะเป็นแบบไหน ในที่สุดเราก็ต้องมาพักเติมพลังกันที่จังหวัดกำแพงเพชร โรงแรมเดิมที่เราคุ้นเคย ที่ได้มาจัดอบรม CSR Campus เมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน แต่พนักงานต้อนรับจำเราไม่ได้ซะงั้น ฮ่าๆ ตื่นเช้ามาวันนี้ Happy มากๆ เพราะทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตาร่วมโต๊ะทานข้าวอย่างสบายอารมณ์เพราะไม่ต้องจัดอบรมและไม่ได้รีบไปไหน ทีมงานสาวของเราอยากจะแวะซื้อเฉาก๊วยกลับไปให้กับทางบ้าน แต่แล้วเธอสองคนก็หายไปนานพอสมควร ปล่อยให้ผมกับอาจารย์นั่งระลึกประวัติศาสตร์ ดูสามก๊กกันอยู่บนรถ และแล้วพี่คนขับรถก็ลงไปดูว่าพวกเธอไปไหนกัน ผมก็เห็นเธอสองคนเดินกลับมาพอดี พร้อมกับถุงเสื้ออีก 4 ตัว ในมือของคุณพี่แอน เหอๆ รถตู้ออกตัวและได้จอดอีกครั้งที่บึงบอระเพ็ด ที่นี่ดังในเรื่องของจระเข้ แต่เอาอีกแล้วครับ วิญญาณอาโนเนะเข้าสิงพี่แอนอีกแล้ว ไหนๆไม่มีหรอก อะไรจระเข้ บ้าๆ อย่ามาโม้ๆ.....รูปให้ระวังจระเข้ประกาศออกจะใหญ่ เหนื่อยกับเธอจริงๆครับ ฮ่าๆ ชมความกว้างใหญ่ของบึงกันเรียบร้อย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ทันที ใจผมอยู่บ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่มีการแวะซื้อของฝากใดๆทั้งสิ้น สำหรับการเดินทางขึ้นเหนือในครั้งนี้ ก็ผ่านพ้นไปด้วยดีไม่ว่าจะทั้งผู้อบรมที่น่ารัก สนุกสนาน โรงแรมดีๆ อาหารอร่อยๆ หวังว่าทุกท่านก็จะอินและติดตามไปกับการเขียนการเดินทางของทั้งสองทีม พี่หนึ่งและผม (นายแม็กซ์) ด้วย ขอบพระคุณครับ