วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

แพร่

วันนี้เป็นวันจันทร์ครับ ผมขับรถเดินทางไปที่ทำงานอย่างสบายอารมณ์ ไม่รีบเร่งอะไรมาก พี่ๆเค้านัดกัน 9 โมง ผมอยู่บนทางด่วนก็ 9 โมงแล้ว อืม...อีกกี่นาทีจะถึงละเนี่ยะ แต่ผมก็ไม่เร่งรีบอะไรครับ เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องสายอยู่ดี แวะเติมน้ำมันซักหน่อย เข้า Seven Eleven ซักนิด ซื้ออะไรลองท้อง เหอๆ คิดอยู่ในใจว่า จะโดนว่าไหมเนี่ยะ ขณะแวะที่ Seven Eleven ก็เห็นพี่หมูผู้ใจดีที่คอยแจกเสื้อผมบ่อยๆเพราะขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น มายืนกดเงินอยู่ แสดงว่าพี่ๆเค้ายังไม่ออกเดินทางอย่างแน่นอน รู้สึกโล่งใจลึกๆ มาถึงก็ขนของลงทันที เสียงของพี่หนึ่งมาก่อนเหมือนเคย อ้าว...นายแม๊กซ์ จะไปไหมเนี่ยะ ปาเข้าไปกี่โมงแล้ว ผมก็เดินไปสวัสดีทักทายพี่ๆทุกคน ก็เห็นอาจารย์พงศ์กับอาจารย์บอยและพี่ๆคนขับรถ ยืนคุยกันเกี่ยวกับเส้นทางในการเดินทางในครั้งนี้ และการเดินทางครั้งหน้าที่จะไปยังจังหวัดต่างๆที่เหลือ เพราะว่าเราได้มีการเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย ทำให้ทีมอาจารย์บอยต้องเพิ่มจังหวัดเข้าไปอีกประมาณ 2 จังหวัด เห็นจะได้ ต้องขอขอบพระคุณจากใจจริงๆครับ

กราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ทั้ง 2 ทีมก็ออกเดินทางทันที OK! Lets go!! แต่ไม่ทันไรทีมเราก็เหลือบไปเห็นว่ามีรถเข็นผลไม้มา จอดๆๆ! เสียงพี่ผึ้งดังมาจากข้างหลัง ไม่ทันไรก็หาของกินซะแล้ว ทีมเราก็แบบนี้ละครับ อิ่มไว้ก่อนเป็นดี อุดหนุนกันเรียบร้อย ปิดหน้าต่างรถออกตัวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทีมเราก็ได้พูคคุยกันถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามประสาครับ เหมือนไม่เจอกันเป็นอาทิตย์ ทั้งๆที่เจอกันทุกวันแต่อาจจะไม่ค่อยได้คุยกันนักครับ

ขับมากันได้ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็ชักจะหิวซะแล้ว แวะกันที่ปั๊ม PTT ครับลงไปหาซื้อเสบียงซักนิด พี่ผึ้งมาอีกแล้ว “จะกินอะไรนักหนาเดี๋ยวก็แวะกินข้าวแล้ว!” ( -_-‘) ผมตัวเล็กเลย! อะไรอ่ะ...คนมันหิวอ่ะ บังเอิญผมมองออกไปนอกร้านเห็นทีมอาจารย์บอยมาแวะพอดี แต่รู้สึกจะไม่รู้ว่าทีมเราอยู่ในนี้ ผมจึงวิ่งเข้าไปด้านหลังพี่หนึ่ง และล๊อคแขนไว้ หยุดเอาเงินมา! พี่หนึ่งตกใจสะดุ้งใหญ่ ฮ่าๆ ก็เฮฮากันไปครับ แกล้งคนอื่นสะใจเรียบร้อยเราก็ไม่รอมุ่งหน้าสู่จุดหมายทันที

จะว่าไปแล้วการเดินทางคราวนี้เอากีตาร์มา 2 ตัว ของผมและของอาจารย์พงศ์ เหอๆๆ แทบจะไม่ต้องนั่งกันเลยทีเดียว แต่เพื่อความสนุกสนานจึงไม่หวั่น (แต่ไม่รู้พี่ผึ้งกับพี่แอนจะคิดไงครับ) การเดินทางค่อนข้างใช้เวลานานมากทีเดียว สองข้างทางเขียวขจีไปหมด ขึ้นเขาวิวก็ดี พอเราผ่านทุ่งนามาก็เห็นนกฝูงใหญ่ยืนกินหาอาหารกินอยู่ในนา เอนโดรฟินในการถ่ายรูปของอาจารย์พงศ์ก็สูบฉีบอย่างรุนแรงเลย แต่จะหยิบกล้องมาก็คงยาก จึงได้แต่มองผ่านไป ฮ่าๆๆ ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ครับ ตื่นมาอีกทีก็ถึงซะแล้ว โรงแรมนครแพร่ทาวเวอร์ จ.แพร่ ครับผม มีสัญลักษณ์ช้างที่แกะด้วยไม้สวยงามทีเดียวครับ เราได้ไปแวะทานข้าวกันที่ “ร้านบางรัก” บรรยากาศคราวนี้อาจจะไม่ติดน้ำครับ แต่ติดเนินเขาประมาณนั้น อากาศก็ดี ถ้ามาหน้าหนาวคิดว่าต้องสุดยอดแน่นอน พนักงานก็บอกเองว่าถ้ามาหน้าหนาวจะเป็นหมอกหมดเลย อาหารที่นี่รสจัดใช้ได้เลย ผมจึงซัดไปสามจาน พนักงานมาแซวอีกแล้ว “พี่นี่เจริญอาหารดีนะค่ะ” เราได้เดินทางกลับไปยังโรงแรมและได้แวะซื้อยาแก้ไอกันนิดหน่อย เพราะอาจารย์กับพี่ผึ้งดูจะไม่ค่อยสบาย แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่สองคนนี้ครับ พอเดินออกมาร้านข้างๆเป็นร้านขายอุปกรณ์กีฬาและในนั้นมีสุนัข Siberian Husky อยู่ 3 ตัวด้วยกัน เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สุนัขที่ผมชอบมากที่สุด กะจะวิ่งไปเอากล้องมาถ่ายแต่แล้ว ประเด็นมันอยู่ที่ คนนี้เลยครับ พี่แอน! เธอเห็นสุนัข ปกติก็บ้าอยู่แล้ว แต่พอเห็นไอ้สามตัวนี้ เธอกระโดดครับพร้อมส่งเสียงแหลมๆว่า “อุ๊ยๆๆๆ น่ารักอ่า น่ารัก น่ารักมากเลย” (คำเตือน กรุณาคิดภาพตามประกอบไปด้วย) ทุกท่านอาจจะเคยเจอคนประเภทนี้นะครับ แต่ผมไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ พี่ผึ้งก่อนเลยครับ ตามด้วยอาจารย์และผมวิ่งขึ้นรถทันที อายอะครับ ไม่ใช่เด็กนะครับ มากระโดดๆ Oh My God! จะบ้าตาย ผมจึงอดเก็บภาพเจ้าสามตัวนั้นมาให้ทุกท่นชมเลย....จะว่าไปผมน่าจะอัดวีดีโอผีเด็กมาให้พี่ๆที่ทำงานดูแทน ฮ่าๆๆ

เช้าในวันรุ่งขึ้นอาจารย์ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อนผมครับ อาจเป็นเพราะว่าอาจารย์หลับเร็วก็เป็นได้ หลับคากีตาร์เลยครับ จะเอารูปลงให้ดูก็อาจจะเสียภาพพจน์ได้ วันนี้ดูข่าวก็รู้สึกดีครับเพราะตำรวจของไทยเราเก่งครับสามารถจับคนร้ายที่ขโมยของมีค่าที่มีมูลค่าหลายล้านไปได้หลายราย และราคาน้ำมันโลกก็ยังลดลงอีกด้วย เช้านี้ฝนตกลงมาครับคิดว่าจะไม่ค่อยมีคนมาซะแล้ว เพราะแต่ละจังหวัดที่ผ่านมาน้องๆนักศึกษายังไม่ปิดเทอมแต่มาครั้งนี้น้องๆเริ่มทยอยสอบและปิดเทอมกันบ้างแล้ว จึงคิดว่าวันนี้คนจะน้อยมาก แต่แล้วผู้มาอบรมก็มาในจำนวนพอเหมาะเลยครับประมาณ 30 คนเห็นจะได้ ก็ทำให้การบรรยายในวันนี้เป็นบรรยากาศแบบสบายๆ

หน้าที่พลเมืองวันนี้ ผู้นำสเนอเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเพราะเธอขออนุญาตเลือกทุกๆหัวข้อทั้งในเรื่องที่ตนทำและเรื่องที่อยากให้องค์กรเป็นไปในด้านดีทุกๆด้าน ต้องมีสติตลอดเวลา สิ่งใดควรทำไม่ควรทำ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน อบรมลูกให้มีวินัย เสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เข้าใจและให้โอกาสผู้อื่น คิดว่าการทำให้ประเทศเจริญต้องเริ่มจากตนเองก่อน และได้เน้นว่าอยากให้พนักงานในองค์กรมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ท่านที่ 2 มาเร็วไปเร็วแต่ได้ใจความว่า ต้องมีความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่จะทำให้คนรอบข้างเชื่อถือ โดยเฉพาะการที่พูดแล้วต้องทำให้ได้ด้วย องค์กรต้องไม่สร้างความเดือดร้อน ต้องสุจริต (เหมือนเก็บกดอะไรมาครับ) ท่านต่อมามีสมาธิและสติมาก เพราะไมค์ส่งเสียงเพี้ยนไปมาและก็ดับไปเลย แต่เนื้อหาก็ยอดเยี่ยมทีเดียว ต้องไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่นินทา ไม่ให้ร้ายหรือทำให้เกิดผลเสียแก่ผู้อื่น การไม่ฝ่าฝืนกฏหมาย ต้องมีความสัตย์ เป็นลูกผู้ชายพอ รักในหลวงเพราะเรามีประมุของค์เดียว คือพ่อของแผ่นดิน อยากให้องค์กรทำ 6 อย่าง คือ หลักความรับผิดชอบ หลักความโปร่งใส หลักความยุติธรรม หลักความคุ้มค่า การมีส่วนร่วมและหลักความเสมอภาค

สำหรับกิจกรรม CSR เชิงระบบของชาวจังหวัดแพร่ ท่านที่นำเสนออยากให้มีโครงการ Open House ที่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดแพร่ จัดกิจกรรมค่ายนักเรียนผู้นำ กิจกรรมเชิมชมศูนย์ฐานการเรียนรู้ จัดนิทรรศการเกี่ยวกับหลักสูตรต่างๆ ทำให้นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับสถาบันมากขึ้น ท่านต่อมาเสนอในการบูรณาการเรื่อง CSR ทั่วทั้งองค์กร จัดโครงการชื่อว่า "การอบรมการรักษาสิทธ์ประโยชน์ของเกษตรกร" เนื่องจากเกษตรกรเป็นอาชีพสำคัญและถูกเอารัดเอาเปรียบจากสิ่งต่างๆมากมาย โดยกิจกรรมนี้จะจัดอบรมเพื่อสร้างความเข้าใจในสิทธ์ประโยชน์ และเพื่อพัฒนาระดับฐานะของตนเองได้ ส่วนท่านสุดท้ายก่อนที่จะไปพักรับประทานอาหารว่างนั้นต้องการให้จัดกิจกรรม ผักสวนครัวรั้วกินได้เพื่อตามรอยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รณรงค์และสนับสนุนให้คนในองค์กรปลูกผักทานเอง เมื่อมีความรู้ก็นำไปเผยแพร่ต่อๆไปได้

ในส่วนของกิจกรรม Creative CSR เราได้โครงการดีจากชาวแพร่ “โครงการทำปุ๋ยอินทรีย์จากเศษพืชการเกษตร” เพื่อลดการเผาทำลายทิ้ง ไม่ทำให้โลกร้อน มีการรวมกลุ่มเพื่อจัดตั้งสหกรณ์ มีการจ้างงานในชุมชน มีการจัดอบรมให้ผู้สนใจมาทำปุ๋ยเพื่อลดการซื้อปุ๋ยเคมี เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีเงินหมุนเวียนในชุมชน ประชาชนมีรายได้ประจำ มีปุ๋ยที่เป็นมิตรต่อสภาพดิน

ต่อมา คือ “โครงการขยะรีไซเคิล เริ่มที่บ้าน” มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกในชุมชนได้ทราบถึงประโยชน์ของโครงการ ตั้งศูนย์รับขยะที่ได้ทำการคัดแยกแล้ว ประโยชน์ที่จะได้รับ คือ การลดปริมาณขยะ สร้างรายได้ให้กับประชาชน สร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นที่ยอมรับของสาธารณชน ช่วยลดภาวะโลกร้อน ชุมชนจะสะอาด น่าอยู่ บรรยากาศก็จะดีขึ้นตามๆกัน

อีกโครงการ คือ “โครงการปุ๋ยอินทรีย์จากซังและเปลือกข้าวโพดโดยวิธีการเติมอ๊อกซิเจน” นำซังและเปลือกข้าวโพดที่เกิดจากการเก็บเกี่ยวมากองไว้ นำท่อ PVC เสียบเข้าไปในกองซังและเปลือกข้าวโพด เพื่อปล่อยอ๊อกซิเจนเข้าไปในกองที่เตรียมไว้ เติมน้ำและปุ๋ย EM เพื่อเร่งการหมัก ปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดการย่อยสลาย จะได้ปุ๋ยชีวภาพ เกษตรกรในพื้นที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งเหลือใช้ เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ลดการพึ่งปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและลดรายจ่ายของเกษตรกร

ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ภิญโญ ผลงาม จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้แพร่เฉลิมพระเกียรติ กล่าวไว้ว่า “จากที่ไม่เคยมีความรู้เรื่อง CSR เลย วันนี้ก็ได้ความรู้เกี่ยวกับ CSR มากมายเลยทีเดียว คิดว่าการมาจัดกิจกรรมให้ชาวจังหวัดแพร่ในครั้งนี้ ทางเราโชคดีมากแต่เสียดายตรงที่เวลามีอยู่นิดเดียว เพราะว่าตอนนี้แต่ละสถาบันอยู่ในช่วงสอบปลายภาค ทำให้น้องๆนักศึกษาไม่สามารถที่จะมาเข้าอบรมด้วยได้ ในปัจจุบันนักศึกษาของเราค่อนข้างที่จะละเลยในเรื่องหน้าที่พลเมืองอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ บ้านเมืองเราตอนนี้เหมือนจะขาดความสามัคคี ก็จะนำตัวอย่างที่ได้เรียนไปในวันนี้ ไปสอนให้กับเด็กเพื่อความเข้าใจมากขึ้น”

การอบรมเสร็จสิ้นลงพร้อมกับการแจกของรางวัลต่างๆ วันนี้เป็นวันแรกของการอบรมในการเดินทางครั้งนี้ และอาจารย์กับทีมงานสาวของเราก็ดูจะไม่ค่อยสบาย อืม...สงสัยงานจะหนัก ฮ่าๆๆ คราวนี้ผมจึงดูฟิตที่สุดครับ หลังจากที่สองทริปที่ผ่านมาผมเบื่ออาหารไปพักใหญ่ แต่ครั้งนี้กินไม่ยั้งเลยครับ กะว่าขอเอาคืนสิ่งที่ขาดทุนหน่อย (ด้านโภชนาการ) เราเดินทางไปกราบไหว้พระธาตุช่อแฮ และแวะชมแพะเมืองผี ทั้งสองที่ต่างเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของชาวแพร่ ผมได้อ่านประวัติของแพะเมืองผีมาว่า “เป็นป่าครับ และมียายคนหนึ่งเดินเข้าไปหาของป่ามาทำอาหาร แต่เดินเข้าไปแล้วไปเจอกับของมีค่าพวกทอง อัญมณีทั้งหลายจึงขนกลับออกมา แต่เดินยังไงก็ออกมาไม่ได้ซักที เพราะเจ้าที่แค่ต้องการโชว์ของให้ดูเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้นำกลับ เธอเดินหาทางออกอยู่นานจึงได้วางของไว้และกลับออกมาได้ เธอไปบอกชาวบ้าน จึงพากันมาดูแต่ของทุกอย่างก็หายไปหมดแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของ ที่นี่ครับ”

หลังจากที่เราได้แวะชมสถานที่ต่างๆแล้ว จึงเดินทางต่อทันทีเพราะว่าการเดินทางไปที่ต่อไปอาจต้องใช้เวลาซักนิด กับทางที่ค่อนข้างจะคดเคี้ยว แต่ก็ยังคงความงดงามของสองข้างทางอย่างแน่นอน ภูเขา ต้นไม้ ท้องฟ้ากับเมฆที่สามารถจินตนาการเป็นรูปต่างๆได้มากมาก เราไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่มีตึกหรือซอยอะไรมากมายให้เห็นอย่างแน่นอน สำหรับจังหวัดนี้ก็เสร็จสิ้นลง ขอให้ชาวจังหวัดแพร่และผู้ที่ติดตามการเดินทาง ทั้งของผม (นายแม็กซ์) และพี่หนึ่ง มีสุขภาพแข็งแรงครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น