วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

ตาก

ปึง! เอี๊ยด! บรื้น! เสียงปิดประตูรถ ประตูบ้านพร้อมกับการออกตัวอย่างรวดเร็ว (จะเว่อร์ไปไหม) ขณะที่ขับมาซักพักก็เอะใจได้จึงหันไปดู ตายละ....เอาอีกแล้วลืมรองเท้าอีกจนได้ จึงต้อง U-Turn กลับไปเอาทำให้เสียเวลาไป 15 นาทีเห็นจะได้ เพราะเหตุนี้เองทำให้ งานเข้าเลย!...เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมกับชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือ (-_-‘) เคยเสียวสันหลังกันไหมครับ โดนแล้วตู เสียงของแม่ใหญ่ (ใหญ่สุดๆ) ดังขึ้น “แม็กอยู่ไหนแล้ว?” คิดโทนเสียงกันเอาเองนะครับ ผมตอบไม่ถูกเลยคนมันรนอ่ะครับ เลยตอบไปว่าอยู่แถวเกษตรแล้วครับ พอวางหูแล้วมองไปขวามือ เวรละ...เพิ่งจะหลักสี่ รู้สึกนั่งไม่ติดยังไงไม่รู้ครับ เหยียบซิครับงานนี้ ตีนผีเลยประมาณว่าถนนของพ่อข้า หลบโว้ย!! ฮ่าๆๆ มาถึงก็เห็นอาจารย์วุฒิพงศ์เพิ่งถึงเช่นกันค่อยรู้สึกดีหน่อยว่า เออ...ไม่โดนว่าคนเดียว แต่ก็โดนอยู่ดีเพราะตอนที่แม่ใหญ่โทรมานั้น อาจารย์เพิ่งอยู่ดอนเมืองแต่ผมดันบอกไปว่าผมอยู่เกษตร กลายเป็นโกหกไปซะงั้นเพราะจากดอนเมืองดันมาถึงก่อน ทำไมพระเจ้าต้องกลั่นแกล้ง...อาจารย์ดันขึ้นทางด่วนผมวิ่งข้างล่างกะว่าจะประหยัดค่าทางด่วน เพระไอ้รองเท้าบ้าแท้ๆเลย (ความจริงก็ความผิดตัวเองครับ) เอานะโดนว่าก็ยังดีกว่าไม่โดนครับเพราะการโดนว่าแสดงว่าท่านยังใส่ใจนะครับ (รึป่าว)

หลังจากกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็ออกเดินทางทันที การเดินทางครั้งนี้เราต้องมุ่งหน้าขึ้นเหนือครับใช้เวลาประมาณ 7-8ชั่วโมง เห็นจะได้ลองเดาๆกันครับว่าจะไปที่ไหน เราได้แวะปั๊มเข้าห้องน้ำกันที่ปั๊มหนึ่ง ผมกับอาจารย์ก็เดินตรงไปที่ปัสสาวะชาย ก็มองเห็นแพะเจ้ากรรม (สีขาวดำ) ถูกผูกอยู่ตรงนั้นพอดี ก็ยืนแข็งกันทั้งคู่ไม่รู้มันจะเชื่องไหม (แพะมีเขาด้วย) มองไปเห็นว่าเชือกที่ผูกมันยาวมาก ประมาณว่าถ้ามันโมโหวิ่งมาต้องไส้แตกชัวร์และมันก็มองมาและเดินเข้ามาจนได้...เหอๆๆ เผ่นซิครับ ต้องไปเข้าห้องที่มีประตูแทน พอผมออกมาอาจารย์ก็หายไปแล้ว ซะงั้น แต่ก็เห็นพี่คนขับรถเดินไปหาแพะตัวนั้นแล้วก็รูปหัวมัน โถ่...เชื่องก็ไม่บอก ก็...มีเขาแบบนี้ใครจะไม่กลัว ไม่ได้ปอดนะ แต่ยังอยากประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่านี้ก่อน ไม่อยากตายตั้งแต่ยังหนุ่ม

การเดินทางคราวนี้ ผมเอา Guitar มาด้วยเพราะบางครั้งกลางคืนเวลาทีเขียนให้ทุกท่านอ่านแล้วจะได้เล่นผ่อนคลายไปด้วย อาจารย์ก็ชอบครับเพราะท่านก็เล่นเหมือนกัน ฝนตกลงมาหนักบ้างเบาบ้างเป็นระยะครับ ในที่สุดเราก็มาถึง จังหวัดตาก ก็ได้แวะทานข้าวที่ “ร้านเคียงน้ำ” เป็นร้านติดแม่น้ำตามชื่อเลยครับ ปลาก็เยอะ วันนี้เองก็เป็นวันพิเศษวันหนึ่งของพี่ผึ้งครับ “Happy Birthday to You!” ผมร้องอยู่คนเดียวเลย อายก็อาย พี่ผึ้งก็อายบอกให้หยุดร้อง ฮ่าๆๆ ปีนี้เธอก็อายุครบ......(ไม่สามารถนำเสนอออกสื่อได้) ทำไมต้องปิดบังเรื่องอายุไม่เข้าใจเลย ได้สั่งเค้กไอติมมา 3 ก้อน แต่เจ้าของวันเกิดดันนั่งคุยโทรศัพท์ บุญเลยตกมาที่ผมกับอาจารย์อีกแล้ว รับหน้าที่เทศบาลเช่นเคย

กิจกรรมหน้าที่พลเมืองของวันนี้เราได้ผู้มีความสัตย์ ทำหน้าที่สอนลูกให้อยู่ในศีลธรรม สอนให้มีความกตัญญู ตั้งใจสอนความจริงให้กับลูกศิษย์ มีการสอนให้คนรอบข้างรู้จักโทษหรือกรรมของการกระทำของตัวเอง ท่านต่อมาเลือกเกือบทุกข้อเลยครับยกเว้นข้อศีลธรรม (เพราะอะไรนะ เหอๆ) แต่ก็มีการเขียนถึงศีล 5 เอาไว้ครับ เพราะว่าการนับถือศีลจะทำให้ตัวเรา สังคมและสิ่งแวดล้อมได้ประโยชน์ ในเรื่องของความเป็นพลเมืองบรรษัทนั้นก็เลือกในทุกๆหัวข้อเช่นกันและยังเน้นให้ปลูกป่าเพื่อลดโลกร้อนอีกด้วย ก่อนจะไปพักเบรคกันได้อีกท่านเสนอว่ามีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทำดีถวายในหลวง ทุกคนต่างทราบดีว่าท่านทรงทำเพื่อคนไทย รักคนไทย เอาใจใส่ประชากร ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ประชาชน ถ้าทำได้ทุกๆคนก็จะมีความสุขร่วมกัน ก็อยากส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรนับถือศีล รู้จักแบ่งเวลาทำงาน ขจัดปัญหา ทำให้องค์กรมีความน่านับถือ

ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน วันนี้ช่างเงียบเหงาจริงๆครับโต๊ะหนึ่งนั่งได้ประมาณ 8 คน ทั้งๆที่วันนี้ผู้มาอบรมก็เยอะทีเดียว แต่ไม่มีใครมานั่งโต๊ะเดียวกับวิทยากรเลยเพราะอาหารกลางวันวันนี้เป็นแบบ Buffet ทุกคนได้ตักมานั่งกันตามโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะผมมีอาหาร 6 อย่าง แต่กินกันอย่างกับแมวดมเพราะช่วงกลางวันเป็นอะไรที่กินไม่ลงจริงๆครับไม่รู้เพราะอะไร พอเราทั้งสองคนอิ่มกันแล้วก็ได้กลับมาที่ห้องอบรมอีกครั้ง พร้อมกับผู้อบรมท่านหนึ่งเข้ามาพูดคุยด้วย เกี่ยวกับว่าโครงการแบบนี้มันดีมากเลย แต่การจะสอนใครตัวเราต้องทำให้ได้เองก่อน ก็ได้สอนลูกตัวเองแบบนี้เช่นกัน อยากให้เน้นสอนตั้งแต่เด็กเลยเพราะจะได้เป็นการปลูกจิตสำนึก เพราะคนเรารู้แต่ทฤษฎีแต่ปฏิบัติจริงทำกันไม่ได้ จึงต้องมีการลงมือทำด้วย

สำหรับ CSR เชิงระบบก็อยากให้เพิ่มความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนา CSR ให้กับพนักงานและองค์กรต่อไป จัดอบรมให้มีความเข้าใจ ทั้งเผยแพร่ให้คนภายนอกรับรู้ได้ นำไปปฏิบัติต่อลูกค้าและสังคมด้วย ทำให้ลูกค้าหรือสังคมตระหนักถึงองค์กรของเรามีส่วนช่วยรับผิดชอบต่อสังคมในหลายๆด้าน ท่านต่อมาอยากให้เพิ่มความเข้าใจและสื่อสารเกี่ยวกับด้าน CSR จัดการอบรมให้กับนักศึกษาในระดับต่างๆ โดยจัดจากจำนวนแล้ววัดผลถ้าดีก็ขยายจำนวนไปเรื่อยๆ จะได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อสังคมได้อย่างมากมาย และอีกท่านก็อยากให้เพิ่มความเข้าใจในองค์กรเช่นกัน มีการจัดอบรมให้พนักงานหรือนักศึกษาที่สนใจ ถ้ามีการจัดโครงการคนในองค์กรจะได้ประโยชน์อย่างมากและสามารถนำไปเผยแพร่ต่อๆไปได้

ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์สมใจ วงศ์เทียนชัย ประธานหลักสูตรการตลาด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนาตาก ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า “มีประโยชน์มากค่ะ CSR ไม่ใช่แค่ทำ PR เป็นการทำความดี ช่วยเหลือกัน รับผิดชอบต่อสังคม การให้ความร่วมมือ และชักชวนคนอื่นให้ทำดีด้วย คิดว่าดีมากที่จัดโครงการทั้ง 75 จังหวัด ทั่วประเทศนี่เห็นด้วย ถามว่าใหม่ไหมก็ไม่ใหม่ การ PR มันเหมือนบอกไปว่าเราทำดีอะไรบ้าง แต่ CSR มันเป็นการร่วมมือร่วมใจกันทำ คนที่ได้ความรู้ก็เอาไปขยายต่อได้ นักศึกษาเราก็สอนได้แค่ทฤษฎีแต่ที่มาได้ความรู้กับคนที่ทำ CSR จริงๆ เด็กเองก็ได้รับสิ่งที่นอกเหนือจากการเรียน ทำให้คนมีจิตสำนึกมากยิ่งๆขึ้นไป ในสถาบันการศึกษาก็ทำได้เช่นกัน อย่างน้อยเริ่มที่ตัวเรา เช่น ไม่ทิ้งขยะ ประหยัดน้ำไฟ เคารพกฏระเบียบของสถาบัน ทางสถาบันก็มีโครงการค่ายอาสาพัฒนา ธรรมะขัดเกลาจิตใจ ไหว้ครู เป็นต้น บางทีเราอาจจะไม่รู้ว่าเราทำ CSR อย่างคิดสิ่งประดิษฐ์ขึ้นให้ชาวบ้าน หรือการสนันสนุนโครงการในพระราชดำริ ไปดูแลชาวบ้านหรือเรียนรู้ร่วมกัน”

กิจกรรม Creative CSR เราได้ “โครงการใบไม้มหัศจรรย์” โดยการนำเศษใบไม้มาทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เริ่มจากตั้งโรงหมักปุ๋ยและจุดรับเศษใบไม้ในแต่ละจุด เพื่อให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการเก็บเศษใบไม้ เมื่อได้ปุ๋ยหมักที่มีประสิทธิภาพก็จะได้ต้นไม้ที่แข็งแรง พื้นที่ในจังหวัดก็จะสะอาดและก็น่ามาเที่ยว สภาพแวดล้อมก็จะดียิ่งๆขึ้นไป การนำเสนอของกลุ่มๆนี้เหมือนเป็นมนต์สะกดเลยครับ เพราะเสียงของคนที่มานำเสนอช่างไพเราะมากๆครับ เหมือนเธอจะรู้ว่าควรพูดอย่างไรให้น่าฟัง ทั้งๆที่ออกมาเป็นกลุ่มสุดท้ายแต่กับทำให้คนเงียบและฟังเธอได้ ขนาดผมยังยืนเงียบมองตลอด ไม่ใช่ว่าเธอสวยนะครับ แต่การพูดจาช่างน่าฟังนัก

ต่อมาคือ “โครงการหาดทรายทอง ชมน้ำปิงพร้อมล่องเรือเก็บขยะเพื่อรักษาแม่น้ำปิง” เป็นโครงการจากกลุ่มเดียวกันครับ พร้อมกับการนำเสนอแบบรายการโทรทัศน์ ดูน่าสนใจจริงๆครับทุกคนก็สนุกสนานกับเธอทั้งสองเช่นกัน ทั้ง 2โครงการจะเน้นไปในด้านรักษาความสะอาด ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองตาก จัดทำกิจกรรมรณรงค์ในการเก็บขยะ ขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน มีการตั้งถังขยะทุกๆบ้านริมแม่น้ำ จัดแข่งเก็บขยะ ทัศนียภาพของริมฝั่งแม่น้ำจะดีและสะอาดขึ้น ประชาชนมีน้ำสะอาดใช้และถูกหลักอนามัย จะกลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว รายได้จะเพิ่มขึ้น สุขภาพกายและสุขภาพจิตจะดีขึ้น หลังการนำเสนอมีการตั้งคำถามดึงคนจากแต่ละกลุ่มออกมาและให้รางวัล ผมก็โดนเพราะน้องๆเจาะจงเรียกชื่อผมไปตอบและได้รางวัล 1,000,000 บาทด้วย ฮ่าๆๆ เธอก็บอกว่าทุกรางวัลที่แจกไปมีอายุการใช้งานถึงแค่ 4โมงเย็น ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีครับ เยี่ยมยอด!

โครงการโคพันธุ์ตากเพื่อการพัฒนาวิถีชีวิตชาวเมืองตากอย่างยั่งยืน” นำแสงแดดมาใช้ผลิตไฟฟ้า และนำไปสูบน้ำมาใช้ในแปลงหญ้าต้นและนำหญ้าไปเลี้ยงโคพันธุ์ตาก ผลผลิตก็จะได้เนื้อโคพันธุ์ดีและมีคุณภาพ ได้ลูกโคเพื่อนำไปเลี้ยงในรุ่นต่อไป ผลพลอยได้คือได้มูลโคนำไปทำปุ๋ยคอกบำรุงแปลงหญ้า หากมีมากเกินใช้งานก็จะนำไปจำหน่ายและนำมูลโคบางส่วนไปผลิตก๊าซชีวภาพอีก เป็นเชื้อเพลิงหุงต้มในครัวเรือน ชุมชนจะได้รับการพัฒนา ทำให้จังหวัดตากมีเศรษฐกิจดีขึ้น เกิดความสามัคคีและรักถิ่นฐาน เกิดภูมิปัญญาในท้องถิ่น เกิดการใช้และสร้างทรัพยากรด้วยตัวเองในชุมชน

นอกจากนี้อาจารย์วัลลีย์ อาศัย วิทยาลัยการอาชีพบ้านตาก ยังได้กล่าวในช่วงก่อนปิดกิจกรรมในวันนี้ว่า “ได้ความรู้มากและเด็กๆที่คัดเลือกมาจะเป็นบุคคลที่เข้าโครงการผู้ประกอบการเป็นการหารายได้ระหว่างเรียน เราก็อยากให้เค้ามีจิตสำนึกที่ดีในการประกอบธุรกิจ คิดว่าที่มาเป็นการให้โอกาสในส่วนภูมิภาคเพราะส่วนใหญ่จะมีการอบรมฌฉพาะส่วนกลาง จริงๆจะมีการเรียนเรื่องหน้าที่พลเมืองในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ก็มีทรอดแทรกในวิชาจรรยาบรรณธุรกิจ แต่ก็ไม่ชัด ก็ตั้งใจจะขยายผลที่เรียนไปและน้องก็คงเอาไปขยายผลเช่นกัน”

การอบรมก็เสร็จสิ้นด้วยดีครับ อย่างที่คาดครับว่าน้องๆก็อยากได้เสื้อกันทุกคนเลย ถามอีกมีแจกทุกคนไหมค่ะ ไม่ใช่โรงงานทอเสื้อนะ เราได้เก็บของแล้วก็เดินทางต่อทันทีแต่แล้วอาหารข้างทางก็ยั่วใจเหลือเกิน ลองกอง โรตีและ Barbecueไก่ 5 ไม้ ก็ได้ถูกหิ้วขึ้นรถพร้อมหน้าตาอันหิวโหยของทีมงานเรา

ผมได้เก็บภาพตู้ไปรษณีย์ยักษ์และตู้ปกติมาให้ชมกันด้วย ฮ่าๆๆ ผมอาจจะหุ่นใกล้เคียงกลับตู้ไปหน่อยครับ ไม่รอช้าครับเราก็เดินทางกันต่อเลยมุ่งหน้าไปยังการจัดสัมนาในจังหวัดต่อไปทันที แต่ว่าถนนที่จะไปจังหวัดต่อไปการเดินทางค่อนข้างล่าช้าครับ ทั้งๆที่ระยะทางก็ไม่ได้ห่างมากนัก เอาละครับการเดินทางไปข้างหน้าจะเป็นที่ไหนนั้นก็โปรดติดตามกันต่อไปนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น