วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

ขอนแก่น

เป็นอย่างไรบ้างครับยังทายกันอยู่หรือเปล่า ? เฉลยครับวันนี้กระผมเดินทางมาจังหวัดขอนแก่นครับ ระยะทางช่างยาวไกลมากกว่าจะถึงก็เป็นเวลา 21.10 น. ในช่วงระหว่างการเดินทางรถตู้ของเราก็มีความครึกครื้นอย่างต่อเนื่องผ่านหนังเรื่อง ความจำสั้น แต่รักฉันยาว โดยเนื้อเรื่องช่าง Romantic มาก จึงทำให้บนรถตู้ของเรามีเสียงกรี๊ดกร๊าดในฉากบางฉากอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระผมทีแรกก็กำลังจะหลับหันมาตื่นเพื่อร่วมรับชมสิ่งที่ทีมงานฮากัน และมีถึงที่พักโรงแรมโฆษะ ณ จังหวัดขอนแก่น ในตอนกำลังจะเข้าห้องที่โรงแรมนี้เค้าใช้คีย์การ์ดเสียบเข้าไปหน้าประตูห้องแทนการไขกุญแจครับ (ตั้งแต่เกิดมาพึ่งจะเคยเห็นนี่แหละครับ) หลังจากเข้าพักตามห้องนอนเรียบร้อย กระผมก็มาอัพเดทข่าวสารวงการกีฬาผ่านหนังสือพิมพ์สตาร์ซ็อคเกอร์โดยส่วนใหญ่จะเป็นคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องอาเจนตินาแพ้บราซิลมากกว่า หลังจากอ่านไปซักพักกระผมก็ไปอาบน้ำและล้มตัวนอนในเวลา 23.20 น.ทันที

และตอนนี้ก็เป็นเวลา 6.15 น. แล้ว ต้องยอมรับว่าอาทิตย์นี้กระผมนอนหลับทีไร หลับอย่างกันเองทุกที (หลับสนิทนั่นเอง) ผมก็เริ่มไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัวในห้องน้ำสักพักหนึ่ง ก็ออกมาเช็คข่าวสารเรื่องการเมืองซึ่งวันนี้มีการเผยแพร่การชี้มูลความผิดทั้งผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ ปปช. นั่นเอง เนื่องการทำร้ายร่างกายของประชาชนชาวเสื้อเหลืองด้วยการยิงระเบิดแก๊สน้ำตา ซึ่งหากให้ผมมองผมคิดว่าจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเหลืองหรือแดง การแก้ไขปัญหาควรงดใช้ความรุนแรงเป็นอันดับแรก เพราะการกระทำอันรุนแรงกับกลุ่มเหลืองซึ่งก็คือประชาชนชาวไทยเช่นกัน และหน้าที่ของรัฐบาลกับสถาบันตำรวจคือการรับใช้ประชาชน ซึ่งเป็นการทำ CSR ที่ต้องบริการแก่สังคมอย่างชัดเจนจึงเป็นสิ่งสมควรอย่างยิ่งที่ควรมีการชี้มูลความผิดที่ชัดเจน หากนักการเมืองและนายตำรวจดังกล่าวมีเจตนาที่ต้องการทำร้ายประชาชน

หลังจากนั้นเราก็มารวมตัวกันที่ห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าซึ่งวันนี้อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ และแถมเมนูพิเศษที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนคือ กระเพาะปลา นั่นเองครับ ยอมรับจริง ๆ ครับว่าไม่เคยเจอเป็นอาหารเช้าในโรงแรมจริง ๆ กระผมจึงสนองเต็มที่ตักเต็มชามเลยครับแต่แทนที่จะเป็นกระเพาะปลากลับกลายเป็นเห็ดขาวซะส่วนใหญ่ มีกระเพาะปลาเพียงเศษเสี้ยวจริง ๆ (น่าจะตั้งเป็นเห็ดขาวน้ำแดงนะเนี่ย) หลังจากเราทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย ขณะเรากำลังเตรียมของอยู่ในห้องประชุมก็ได้พบกับทีมงาน CSR Day (ดีใจเหมือนพบญาติ) ซึ่งทางทีมงาน CSR Day วันนี้มาทำภารกิจที่บริษัทน้ำตาลมิตรผลในช่วงบ่ายจึงแวะมาเยี่ยมทางทีมของเราในช่วงเช้าด้วย แหม อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นอีกไม่นานแขกก็เริ่มทยอยกันเข้ามาแล้วครับ วันนี้ส่วนภาคธุรกิจมากันค่อนข้างเยอะนะครับเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ และก็มีน้อง ๆ นักศึกษาจากทั้งวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่น และวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่นอีกด้วย

ในกิจกรรมแรกเรื่องหน้าที่พลเมืองมีข้อที่น่าสนใจของชาวจังหวัดขอนแก่นดังนี้เช่น การเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรมเนื่องจากได้ดำรงตำแหน่งนายทะเบียนองค์การช่างเทคนิคในอนาคตของประเทศไทย เพื่อทำงานด้านกิจกรรมนักศึกษาของวิทยาลัยเทคนิคซึ่งเป็นการเลี้ยงชีพโดยสุจริตและส่วนของพลเมืองบรรษัทอยากให้องค์กรธุรกิจเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะในปัจจุบันยังมีบางหน่วยงานธุรกิจที่มีความมุ่งหวังทางผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายของบ้านเมืองซึ่งส่งผลเสียแก่ประชาชน และหัวข้อต่อมาก็เลือกหัวข้อเป็นผู้แสวงหาเลี้ยงชีพเช่นกันด้วยการทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริตในหน้าที่การงานเพื่อผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับของสังคม ส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทอยากให้ธุรกิจลดการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

หัวข้อ CSR เชิงระบบที่เป็นที่น่าสนใจของชาวจังหวัดขอนแก่นมีดังนี้เช่น เรื่องของความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร ด้วยการจัดกิจกรรมสัมมนา CSR แก่องค์กรโดยจัดบรรยายเนื้อหา CSR ในช่วงเช้าแล้วนำความรู้ดังกล่าวมาสร้างกิจกรรมในช่วงบ่าย และสุดท้ายจะมีการสรุปผลการสัมมนา หากกิจกรรมไหนเป็นที่น่าสนใจจะมีการผลักดันกิจกรรมดังกล่าวให้เกิดเป็นรูปธรรมด้วย ส่วนหัวข้อต่อมาคือการเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจโดยเริ่มจากกิจกรรมอาสาพัฒนาโรงเรียนในชนบท ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มจากการให้นักศึกษามาออกค่ายอาสาด้วยความสมัครใจ มาซ่อมแซมอาคารเรียนของโรงเรียนชนบท ซึ่งในส่วนนี้จะมีการนำเอาความรู้ของนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคมาใช้ในการปฏิบัติจริงอีกด้วย เป็นการเตรียมพร้อมก่อนที่จะออกไปทำงานจริงอีกด้วย

ในช่วงพักทานอาหารวันนี้ผมได้ร่วมทานกับท่านรองผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่นอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นกันเองอย่างมาก วันนี้ผมได้รู้ความเป็นมาของชื่อวิทยาลัยการอาชีพอีกด้วย เพราะปกติจะไม่เคยได้ยินส่วนใหญ่จะเป็นอาชีวะไม่ก็เทคนิคมากกว่า โดยท่านรองให้คำตอบว่าเป็นการรวมกันระหว่างอาชีวะและเทคนิค ซึ่งจะต้องเป็นสถานศึกษาต่างอำเภอด้วย มิใช่อำเภอเมืองและชื่อลงท้ายจะเป็นชื่ออำเภอด้วยแต่การที่สถานศึกษานี้ตั้งเป็นวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่นเนื่องจากสร้างมาตั้งแต่ 30 กว่าปีมาแล้วจึงเป็นการยกเว้นไปโดยปริยาย และหากพูดถึงผ้าไหมต้องเป็นของจังหวัดขอนแก่นอย่างแน่นอนยิ่งอำเภอชนบท (ย้ำว่าเป็นชื่ออำเภอ) ผ้าไหมจะมีชื่อเสียงอย่างมาก ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวจะอยู่ต่างอำเภอมากกว่าอยู่ในอำเภอเมือง ซึ่งในอำเภอเมืองเท่าที่ผมสังเกตบรรยากาศส่วนใหญ่จะเป็นเมืองไปหมดแล้ว แถมยังมีห้างดังมาก่อสร้างกลางใจเมืองด้วย (ถ้าว่างจากการสัมมนาต้องหาโอกาสไปเดินเล่นซะหน่อย)

สุดท้ายจะเป็นโครงการ Creative CSR ที่ชาวขอนแก่นร่วมคิดกันขึ้นมาและเป็นที่น่าสนใจมีดังนี้เช่น “โครงการ Young Gen Young Local Guide” โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเน้นในเรื่องของการท่องเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นผ่านการดำเนินการโดยเหล่าวัยรุ่นชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะเน้นการเจาะไปในกลุ่มสถานศึกษาต่าง ๆ ทั้งในตัวจังหวัดขอนแก่นรวมถึงจังหวัดใกล้เคียง เพราะวัยรุ่นจะสามารถสื่อสารกันเองได้เข้าใจมากกว่าและสุดท้ายแล้วจะทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นมากขึ้นอีกด้วย

โครงการต่อมาคือ “โครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” โดยเริ่มจากการปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนหันมารับผิดชอบต่อสังคมด้วยการทิ้งขยะให้เป็นที่ รวมถึงการคัดแยกขยะโดยการแบ่งเป็น ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย ซึ่งต้องมีการจัดเก็บขยะจากสถานที่ชุมชนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาด ถนน และตามซอยต่าง ๆ เป็นต้น โดยเราจะมีการประชาสัมพันธ์โครงการนี้ผ่านป้ายโฆษณา สื่อวิทยุชุมชน เพื่อพัฒนาให้จังหวัดขอนแก่นน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

ส่วนโครงการสุดท้ายคือ “โครงการขอนแก่นเยาวชนต้นกล้าและชุมชนต้นแบบ” ด้วยการรับสมัครเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปมาร่วมทำกิจกรรมในชุมชน โดยกิจกรรมจะเน้นการให้อาสาสมัครเหล่านี้เข้าไปอยู่ในชุมชนนำร่องเพื่อเข้าไปเรียนรู้วิถีชีวิต ศึกษาวัฒนธรรม รวมถึงเข้าไปพัฒนาด้วยไม่ว่าจะเป็นด้านส่งเสริมสุขภาพ การปลูกต้นไม้ การออมเงิน และสุดท้ายสอนให้เข้าใจในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย และหากโครงการสามารถทำสำเร็จได้ก็จะขยายไปตามชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ในวันนี้กระผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ทั้งสองท่านจาก วิทยาลัยอาชีพขอนแก่น และวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น ซึ่งท่านแรก คือ อาจารย์ฐาวร อินทแสง รองผู้อำนวยการจากวิทยาลัยการอาชีพขอนแก่นได้กล่าวไว้ว่า “วันนี้ที่เข้าฟังการอบรมเพราะอยากรู้ CSR ที่ชัดเจนและจะนำไปเผยแพร่ในสถานศึกษาด้วย ซึ่งหลังจากการฟังการบรรยายทำให้รู้ว่า CSR สามารถนำไปใช้หน่วยงานต่าง ๆ และชีวิตประจำวันได้ ส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทจะนำไปเผยแพร่สู่นักศึกษาอย่างแน่นอนว่าองค์กรจะสามารถทำ CSR ได้ต้องเริ่มจากบุคคลที่มีคุณธรรมจริยธรรมภายในองค์กรก่อนหลังจากนั้นองค์กรก็จะเป็นองค์กรที่มีคุณธรรมและจริยธรรมโดยสามารถดำเนิน CSR ได้อย่างยั่งยืน” ท่านต่อมา คือ อาจารย์จิรพร นารอง จากวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่นซึ่งท่านกล่าวว่า “ วันนี้ที่มาอบรมทำให้ทราบความหมายของ CSR ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพราะส่วนตัวเป็นอาจารย์สอนทางด้านบริหารธุรกิจด้วยและเนื้อหา CSR ก็เป็นส่วนหนึ่งในเนื้อหาบริหารธุรกิจด้วยจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่มาอบรมในวันนี้ และส่วนของพลเมืองบรรษัทต้องเริ่มจากตนเองก่อนและนำไปเผยแพร่สู่บุคคลอื่น ๆ รวมถึงต้องนำเอาความรู้ส่วนนี้ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ท่านอื่น ๆ รวมถึงผู้บริหารด้วยเพื่อที่จะทำให้องค์กรสามารถปฏิบัติพลเมืองบรรษัทได้อย่างจริงจังอีกด้วย”

สุดท้ายงาน CSR Campus ของจังหวัดขอนแก่นก็ได้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบพร้อม ฝนที่โปรยมาจากท้องฟ้าอย่างแรงหลังพวกเราเริ่มเก็บอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยก็ได้นัดแนะกับทีม CSR Day เพื่อจะไปทานข้าวเย็นกันที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตอนนั้นทีม CSR Day ก็พึ่งปฏิบัติภารกิจเสร็จจากที่มิตรผล โดยเราเดินออกมาจากโรงแรมก็เห็นห้างคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ตั้งตระหง่าน (ต้องถือว่าใหญ่มากหากเทียบกับห้างในจังหวัดภาคอีสาน) เมื่อเดินเข้าไปข้างในก็ถือว่ามีสินค้ามากมายให้ดูมากมาย (ไม่มีตังค์ซื้อ) หลังจากเราเดินห้างเสร็จเราได้มาสองอย่างครับแผ่นดีวีดีเปล่า 25 แผ่น กับหมูเส้นอบ ครับ (ของกินไม่มีพลาด)

หลังจากเราเดินห้างเสร็จเราก็เริ่มมุ่งหน้าสู่จังหวัดดินแดนเสียงแคน การขับรถในวันนี้พี่ Formula 1 รู้สึกขับนิ่มเป็นพิเศษร่วมกับความอารมณ์ดีที่จะได้พบลูกอ่อน ผมคิดว่าถ้าลูกอ่อนของพี่ Formula 1 รู้เรื่องสามารถพูดได้คงรู้สึกปลื้มถึงการทำ CSR ของพี่ Formula 1 ในฐานะคนเป็นพ่ออย่างแน่นอน และในวันนี้หากคุณยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ผมอยากจะถามกลับว่า วันนี้คุณทำ CSR ในฐานะลูกกับคุณพ่อคุณแม่แล้วหรือยัง

ราตรีสวัสดิ์ครับพี่น้องชาวไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น