วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

มหาสารคาม

สวัสดีครับท่านผู้ชม Blog ทุกท่านช่วงนี้กระผมก็กำลังกระวนกระวายเกี่ยวกับเรื่อง Notebook ของกระผมเองนี่แหละครับ แต่ในท้ายที่สุดกระผมก็ได้ Window 7 Ultimate มาแทน Window XP ตัวเก่าซะงั้นนะครับ แล้วสภาพเครื่องก็กลับมาเชื่องต่อกระผมเหมือนเดิมพร้อมกับ Interface หน้า Notebook แบบใหม่ด้วย ทำให้บรรยากาศการใช้ Notebook ตัวเดิมดูดีขึ้นกว่าเดิมทีเดียว (ขอบคุณพี่โต้งกับพี่บอยด้วยนะครับที่ช่วยยัดเยียด Install Window 7 ให้) และในรอบอาทิตย์นี้กระผมก็ยังเดินทางในภาคอีสานอยู่เช่นเดิม ซึ่งวันนี้ทีมของเราได้มีสมาชิกใหม่มาแทนสมาชิกเก่าครับก็คือพี่คนขับรถตู้นั่นเอง จากท่านเดิมพี่ U-Turn เปลี่ยนมาเป็นพี่ Formula 1 เพราะจากการสังเกตุสไตล์การขับดูละม้ายคล้ายนักขับรถแข่ง Formula 1 เพราะสามารถรักษาความเร็วให้อยู่ในระดับ 130 Km/hr อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก่อนหน้านี้กระผมได้พูดคุยกับพี่เค้าว่าทำไมจึงสลับกับพี่ U-Turn ทางพี่ Formula 1 ให้การว่าเนื่องจากต้องการไปเยี่ยมลูกสาว ทีแรกเข้าใจว่าลูกสาวจะมาเข้าสัมมนา CSR Campus ด้วย แต่ที่ไหนได้พี่ Formula 1 มีลูกอ่อนอายุ 9 เดือนอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ครับ และเมื่อรวมกับว่าทีมกระผมจะต้องไปอบรม CSR Campus ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ด้วยจึงเป็นเหตุที่มาของการสลับตัวจากพี่ U-Turn มาเป็นพี่ Formula 1 แทน

ในช่วงที่กำลังเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดมหาสารคาม บนรถตู้ของเราก็มีพี่ทีมงานสาวสวยท่านหนึ่งได้พยายามแนะนำให้เปิด Concert สินเจริญวงแตก เน้นย้ำอย่างมากว่าฮามากเราก็เลยสนองความต้องการของพี่ทีมงานท่านนี้อย่างไม่รีรอ และก็ไม่ผิดหวังครับฮาตั้งแต่กรุงเทพฯจนถึงปากช่อง ต้องยอมรับนะครับว่าสามประสานพี่น้องสินเจริญบราเธอร์ช่างเข้ากันดีและปล่อยมุขอย่างเข้าขากันมากแถมยังร้องเพลงเพราะอีกต่างหาก พอถึงปากช่องตอนนี้ทุกคนเริ่มหิวโหยแล้วครับเพราะตอนเที่ยงไม่มีผู้ใดทานข้าวกลางวันมาสักคนยกเว้นกระผมที่ทานแซนด์วิชรองท้องมาตอนเที่ยงแล้ว ทุกคนจึงไปฝากท้องที่ KFC ครับหลังจากอิ่มหมีพีมัน กันเรียบร้อย รถตู้ (หรือรถ Formula 1) ก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดมหาสารคามทันทีครับ ในช่วงเวลาดังกล่าวกระผมก็นำหนังสือมาอ่านด้วยครับอ่านไปอ่านมาก็เพลินมากหยุดไม่อยู่ทีเดียว และสุดท้ายกระผมก็ปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ ซึ่งทางที่ผ่านมาถือว่าเป็นจุดที่มีปั๊มอยู่หนาแน่นมากแต่ช่วงที่ผมปวดตอนนั้นสองข้างทางมีแต่หญ้ากับหญ้าครับ ปั๊มน้ำมันไม่มีเลยครับกระผมก็ทนปวดจนเกือบหมดสติอยู่พักหนึ่งเราก็ไปพบกับปั๊ม Sponsor พอดีครับนั่นคือ ปั๊มบางจากนั่นเอง

หลังจากทำธุระเรียบร้อยก็ได้รับทราบว่าสวรรค์กับนรกมันใกล้กันแค่เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างปั๊มกับถนนนั้นเอง 555 ตอนนี้เราก็เริ่มเข้าสู่ตัวจังหวัดมหาสารคามแล้วครับบรรยากาศดูแล้วเป็นจังหวัดที่เจริญมากจังหวัดหนึ่งเช่นกันมีทั้งห้างโลตัสอีกด้วย (ตอนนี้สามารถใช้ห้างมาเป็นดัชนีชี้วัดความเจริญของจังหวัดได้อีกด้วย) ตอนนี้เป็นเวลา 18.30 น.แล้วครับท้องก็เริ่มหิวแล้ว เราจึงฝากท้องร้านอาหารร้านหนึ่งในจังหวัดมหาสารคามหลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ไปเดินเตร็ดเตร่ในห้างโลตัสสุดท้ายเราก็ไปจบที่ร้านไอศครีม Swensen ครับ (ยังมีพื้นที่กระเพาะอาหารให้ไอศครีมสามารถไปจับจองพื้นที่ได้อยู่)

หลังจากนี้ทางทีมงานเราก็เข้าไป Check In ที่โรงแรมสิลามหาสารคาม แล้วครับ หลังจากเข้ามาในห้องพักก็รู้สึกได้เลยว่าโรงแรมนี้อำนวยความสะดวกในระดับรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ อุปกรณ์เครื่องเขียนในห้องก็พร้อม ทีวีในห้องน้ำก็มีพร้อม หนังสือนิตยสารต่าง ๆ ก็มีให้ และสุดท้ายบนเตียงนอนยอมรับว่ามีหมอนเยอะมากครับประมาณ 7 ใบต่อ 1 เตียง (โรงแรมคงมีความเชื่อว่าหากหมอนเยอะลูกค้าจะสามารถหลับสบายขึ้น) หลังจากชื่นชมในห้องพักเสร็จก็กระผมก็ดูทีวีสักพักและพริ้มตาหลับในเวลา 23.22 น.

ในวันนี้มีหัวข้อเรื่องหน้าที่พลเมืองที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมหาสารคามดังนี้ เช่น การเป็นผู้เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมายของประเทศ ด้วยการเมาไม่ขับ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทุกครั้งรวมถึงกฎระเบียบบ้านเมืองต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้บ้านเมืองมีความสงบสุขด้วย ส่วนของเรื่องพลเมืองบรรษัทอยากให้องค์กรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อที่จะไม่ให้บุคคลที่อยู่ภายนอกต้องเดือดร้อนในเรื่องของมลภาวะที่ทำให้บรรยากาศของโลกเป็นพิษ หัวข้อที่น่าสนใจต่อมาคือ การเป็นผู้มีความสัตย์ด้วยการปฏิบัติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในฐานะเป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม ด้วยการทำงานอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา และเรื่องพลเมืองบรรษัทอยากให้องค์กรไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม เพราะบางธุรกิจยังปล่อยน้ำเสีย หรือกากสารเคมีออกมาสู่สิ่งแวดล้อมซึ่งส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมโดยรวมด้วย

ในช่วงพักอาหารเที่ยงกระผมก็ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับอาจารย์จากมหาวิทยาลัยมหาสารคามด้วยซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นรุ่นพี่ของอาจารย์บอยด้วยนะเนี่ย ซึ่งในโต๊ะอาหารมีการเล่าเรื่องของสถานที่เที่ยวของชาวมหาสารคามนั่นก็คือพระธาตุครับซึ่งพึ่งถูกค้นพบมาประมาณ 10 กว่าปีแถมยังมีอายุการก่อสร้างประมาณยุคเดียวกับพระธาตุพนมจังหวัดนครพนมเลยทีเดียว ผมได้ยินแล้วรู้สึกอยากเที่ยวมาขึ้นทันทีแต่งานก็ยังค้ำคออยู่ไปไม่ได้ แถมที่จังหวัดมหาสารคามยังมีสินค้าเกษตรที่โดดเด่นนั้นก็คือข้าวนั่นเอง ผมลองถามเปรียบเทียบคุณภาพของข้าวที่นี่เทียบกับข้าวยโสธร อาจารย์ก็ยืนยันว่าข้าวที่จังหวัดมหาสารคามก็ไม่เป็นรองจังหวัดยโสธรเช่นกัน (หลังจากผมลองทานแล้วคุณภาพก็ถือว่าเท่าเทียมกันนะเนี่ย) และเรื่องสุดท้ายที่ได้คุยกันเป็นเรื่อง CSR โดยอาจารย์มาจากภาคการประชาสัมพันธ์แต่มีความรู้ CSR ค่อนข้างเยอะมาก แถมยังมีการจัดวิทยุของมหาวิทยาลัยด้วย โดยวิทยุดังกล่าวเน้นการให้บริการสังคม โดยไม่เน้นด้านพาณิชย์มาเกี่ยวข้องซึ่งผมมองว่าเป็นการทำ PR for CSR อย่างชัดเจน (พึ่งเห็นกรณีศึกษาแบบนี้เป็นครั้งแรกนะเนี่ย)

หลังจากเราทานอาหารเสร็จแล้วก็มาเริ่มกิจกรรม CSR เชิงระบบซึ่งหัวข้อที่เป็นที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมหาสารคามมีดังนี้ เช่น การเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจด้วยการจัดกิจกรรมโครงการทำดีคุณก็ทำได้ โดยการจัดให้พนักงานเข้าร่วมการทำสมาธิ และมีการให้ความรู้เรื่องการ CSR เพื่อพัฒนาคุณภาพการทำงานร่วมด้วย ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะมีการจัดให้ท่านพระมหาสมปองมาเป็นวิทยากรโดยมีการขับเคลื่อนผ่านทางศูนย์ปฏิบัติธรรมเพื่อเพิ่มความเข้าใจการใช้ชีวิตและการทำงานให้ดีขึ้นส่วนหัวข้อถัดมาคือความ สัมพันธ์ของคุณลักษณะองค์กรกับเรื่อง CSR ด้วยการนำความถนัดเรื่องประชาสัมพันธ์มาใช้ในเรื่องสินค้า OTOP จังหวัดมหาสารคามที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีอาชีพหลักและมีรายได้เลี้ยงชีพอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นการลดปัญหาการว่างงานอีกด้วย

และในกิจกรรมสุดท้ายเรื่อง Creative CSR ที่น่าสนใจของชาวจังหวัดมหาสารคามมีดังนี้เช่น “โครงการตักสิลาสดใส ใส่ใจปลูกป่า ลดขยะและฝุ่นละออง” โดยเริ่มจากการระดมอาสาสมัครและผู้สนใจร่วมโครงการด้วยการอาศัยความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ชุมชนใกล้เคียง องค์กรธุรกิจ หรือ ภาครัฐ เข้ามาสนับสนุนโครงการโดยมุ่งแก้ไขปัญหา ฝุ่น และปริมาณขยะ ด้วยการแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มปลูกป่า กลุ่มแยกแยะ และกลุ่มดูแลติดตามผล ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จจะสามารถลดปริมาณขยะ รวมถึงเพิ่มปริมาณต้นไม้ให้แก่จังหวัดมหาสารคามด้วย

โครงการต่อมาคือโครงการ We World Safe Energy” ด้วยการจัดกิจกรรมรณรงค์รวมถึงประชาสัมพันธ์แก่นิสิตนักศึกษาให้ร่วมเข้าอบรมWe World Safe Energy โดยมีวิทยากรที่มีความรู้คอยให้ความรู้ความเข้าใจรวมถึงตระหนักถึงความสำคัญของการประหยัดพลังงาน หลังจากอบรมเสร็จก็จะมีการประกวดเกี่ยวกับการประหยัด พลังงานด้วยการดูจากบิลค่าไฟในแต่ละเดือนหากหน่วยงานใดสามารถลดค่าไฟได้มากที่สุดก็จะมีการให้รางวัล ด้วย

และโครงการสุดท้ายที่น่าสนใจคือ “โครงการลวดลายแห่งวัฒนธรรม คู่ค้ำเมืองตักศิลา” โดยจะเน้นการจัดเวทีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่แต่ละสถาบัน กลุ่ม ชมรมต่าง ในมหาวิทยาลัยมหาสารคามนำมาแสดง โดยมีเวทีศูนย์กลาง ที่จัดให้แสดงเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งจะมีการร่วมมือกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดในการจัดกิจกรรม โดยกิจกรรมนี้มุ่งหวังให้เยาวชน คนรุ่นหลัง รวมถึงผู้ที่สนใจและชื่นชมในวัฒนธรรมของจังหวัดมหาสารคามให้สมกับเป็นเมืองแห่งการศึกษาและเมืองแห่งวัฒนธรรมอย่างแท้จริง

วันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์สองท่านซึ่งแต่ละท่านมาจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับวิทยาลัยอาชีวศึกษามหาสารคาม ซึ่งท่านแรก คือ อาจารย์ธิติพัทธ์ ลิ้มสัมฤทธิ์นิภา ได้กล่าวว่า “ วันนี้ได้รับข้อมูลมากขึ้นในการบริหารจัดการ CSR และการทำ CSR เริ่มต้นจากตนเองด้วยการปฏิบัติตัวตามศีลธรรม รวมถึงหน้าที่พลเมือง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่เรามองข้ามและในส่วนของพลเมืองบรรษัทจะต้องนำไปเป็น Case Study สอนให้กับนักศึกษา เพราะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะทำให้สังคมอยู่รอด” ส่วนท่านต่อมา คือ อาจารย์พิษณุ ศิลาอาสน์ ท่านกล่าวว่า “ จากที่ไม่เคยทราบเรื่อง CSR พอมาวันนี้กลับได้รับความรู้ CSR เพิ่มเติมมากขึ้น รวมถึงยังได้กิจกรรมทางสังคมเยอะมากที่อยากจะนำออกไปปฏิบัติข้างนอกด้วย ในส่วนของพลเมืองบรรษัทสามารถไปเผยแพร่ได้อย่างแน่นอน เพราะการปฏิบัติดังกล่าวจะเป็นการเน้นย้ำถึงวัฒนธรรมที่ดีงามอย่างต่อเนื่องอีกด้วย”

และในที่สุดกิจกรรม CSR Campus วันนี้ก็จบลงด้วยดีอีกเช่นเคย ซึ่งวันนี้มีทีมงานหญิงท่านหนึ่งไม่ได้ทานอาหารเที่ยงครับ ทำให้เกิดอาการหิวอย่างมากพวกเราจึงลงความเห็นว่าควรรีบทานอาหารเย็นก่อน โดยร้านที่เราไปฝากท้องตอนเย็นวันนี้ก็เป็นร้านเดิมจากเมื่อวานแหละครับ แต่วันนี้กระผมอยากทานผักเป็นอาหารเย็นบ้างจึงพยายามสั่งเมนูอาหารเป็นผักซะส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายก็ตามมาด้วยบัวลอยมะพร้าวอ่อนทำให้ความตั้งใจจะผอมในตอนเย็นก็พังทลายไปทันทีครับ หลังจากเราทานอาหารเย็นเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดต่อไปทันทีครับ มาเดากันนะครับว่าจังหวัดต่อไปในวันพรุ่งนี้เป็นจังหวัดอะไร บอกใบ้ให้ว่าเกี่ยวกับ Jurassic Park

ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น