การเดินทางได้มาถึงที่เมืองโบราณ อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าเมืองโบราณในเมืองไทยนั้นมีอยู่ไม่หลายจังหวัดนัก และที่กระผมเดินทางมานี้คือ จ.อยุธยา กระผมได้ขับรถมาเองในคราวนี้เพราะไปไม่ทันรถของบริษัท ฮ่าๆๆ T-T กระผมได้ขับรถมาอย่างสบายอารมณ์โดยการดูการ์ตูนเรื่อง Ice Age มาในขณะเดียวกัน (ใครรู้คงด่าตาย) แต่ก็มาถึง ณ โรงแรมอโยธยา ในเวลา 17.50 น. อย่างปลอดภัย ชักรู้สึกว่าตัวเองขับรถเก่งแต่น่าจะเป็นโชคดีมากกว่า เหอๆๆ และไม่คิดว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมได้มาถึงพร้อมๆกับรถตู้บริษัทและได้ขนของลงแยกย้ายกันไปตามห้อง ทันใดนั้นในขณะที่วางกระเป๋าลงก็รู้สึกตะหงิดใจว่าลืมอะไรไหมจึงได้ทำการเปิดกระเป๋าทันที โอออวววว! พี่หนึ่งโว้ย! ผมลืมกางเกงทำงาน! “เออดีฉลองเงินเดือนออก” พี่หนึ่งพูดอย่างสมน้ำหน้า ทุกคนได้มารวมตัวกันที่ Lobby และพี่สาวได้พาผมไปซื้อกางเกงที่ร้านข้างๆโรงแรมแต่ดันมีแต่ขาเดป ผมใส่ไม่ได้เนื่องจากขาอย่างกับขาค...... เอ่อ.... ฮ่าๆๆ (คงไม่ต้องพูดมั้ง) จึงเดินเข้าไปในห้างอัมพร ซื้อกางเกงมาในราคา 1260 บาท ไม่คุ้มเลย โถ่....... (-_-‘) บทเรียนราคาแพง
พี่เลี่ยมและพี่นุชได้พาทุกๆคน (พี่ผึ้ง พี่สาว พี่แอน พี่น้อง พี่บอย พี่หนึ่ง และผม) ไปทำการถวายเทียนที่วัดราชประดิษฐาน และถวายปัจจัยให้กับพระทั้งวัดเนื่องจากทั้งวัดมีพระอยู่เพียง 10รูปเท่านั้น แต่ก็ทำให้รู้สึกสบายใจและได้บุญด้วย เรามาถึงร้านอาหาร “เรือนรจนา” เป็นร้านที่มีวิวสวยงามจริงๆ นั่งข้างกระจกติดถนนมีเจดีย์โบราณและมีแสงไฟสปอตไลท์ส่อง งดงามยิ่งนัก เหอๆ เนื่องจากเราคงหาวิวแบบนี้ไม่ได้แน่ในกรุงเทพฯ อาหารแนะนำของที่นี่ก็น่าจะเป็นปลากระพงทอดราดน้ำปลา กับไก่ห่อใบเตย เป็นบรรยากาศของการพักผ่อนก่อนที่จะออกศึกในวันรุ่งขึ้น
แต่งตัวพร้อมแล้วทั้งพี่หนึ่งและผมได้ลงมาทานอาหารเช้าของทางโรงแรม โดยที่ไม่ได้หยิบบัตรอนุญาตมาด้วยก็เข้าไปกินดุ่มๆ ฮ่าๆ มารู้อีกทีจากพี่บอยว่าต้องยื่นบัตรเข้า แต่ก็เอานะลืมให้ไปแล้วพนักงานก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่พงศ์ได้ตามมาเสริมทัพในอีก 30 นาทีต่อมา คนเริ่มทยอยกันมาลงทะเบียน โดยวันนี้มีนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวพระนครศรีอยุธยามาด้วย รวมทั้งหมดแล้วมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 83คน โดยวันนี้เรามีการตั้งทำถามว่า งูทะเลคืออะไร ก่อนจะเปิดสารคดีให้ชม แต่แล้วก็หน้าแตกเพราะว่าส่วนที่เป็นงูทะเลได้ถูกตัดไปแล้ว แต่ก็ได้เฉลยคำตอบไป และได้ตั้งทำถามใหม่ว่า “เกาะปาล์มกลางทะเลอยู่ประเทศใด?” ผู้ชมได้ยกมือกันยกใหญ่เนื่องจากอยากได้ของรางวัล แต่แล้วก็ตอบว่าที่ดูไบ ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิด เพราะเราได้ถามว่าประเทศอะไรไม่ใช่เมืองอะไร และก็มีผู้ที่ตอบว่า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ค่ะ” จึงได้ของรางวัลไป งานจึงได้เริ่มอย่างเป็นทางการ โดยการกล่าวเปิดงานจาก คุณวรณัฐ เพียรธรรม (พี่หนึ่ง) และการบรรยายของอาจารย์จึงได้เริ่มขึ้น บรรยากาศเป็นกันเองและน้องๆนักศึกษาก็ได้ให้ความสนใจดี
ในกิจกรรมหน้าที่พลเมือง อาจารย์จากทางวิทยาลัยได้เสนอความคิดและได้เลือกหัวข้อ มีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประมุขแห่งชาติ ได้ตั้งปณิธานว่าจะทดแทนคุณแผ่นดิน โดยการไปสอนการทำเครื่องสำอางค์สมุนไพรให้เด็กๆในชนบทและผู้ต้องขังในเรือนจำ พลเมืองในชุมชนและชนบทจะมีรายได้ดีขึ้น ความสุขที่ดีด้านสุขภาพและความอบอุ่นในครอบครัว อีกทั้งได้เลือกความเป็นพลเมืองบรรษัท (Corporate Citizenship) ในด้าน การสนับสนุนการดำเนินการงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามบาทบาทที่เอื้ออำนวย ท่านต่อมาออกมาเสนอความคิดเพราะต้องการของรางวัล ฮ่าๆๆ ต้องการเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม ทำงานอย่างถูกต้อง บริโภคและใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล ใช้พลังงานให้น้อยลง จะเป็นผลดีต่อตนเองและสังคม ส่วนหัวข้อความเป็นพลเมืองบรรษัทนั้นได้เลือกในการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาล ท่านสุดท้ายในกิจกรรมนี้ได้เสนอว่าจะเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฏหมายของประเทศบ้านเมืองทุกเมื่อ โดยไม่ทำผิดกฏหมายบ้านเมือง จะทำให้ตัวเราและคนรอบข้างได้ประโยชน์ร่วมกัน และไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม
ทุกท่านได้ร่วมกันพักรับประทานอาหารว่าง และได้เข้ามาร่วมกันทำในกิจกรรมที่ 2 ซึ่งกิจกรรมนี้จะไปรวมกับกิจกรรมสุดท้ายของวัน จึงได้มีการแซวและให้ความคิดในระหว่างที่แต่ละกลุ่มได้ระดมความคิดกัน ทางเจ้าหน้าที่ได้แยกย้ายกันให้ไปเป็นที่ปรึกษาของแต่ละกลุ่ม และกลุ่มไหนที่เสร็จก่อนถึงจะได้ไปรับประทานอาหารก่อน แต่ก่อนที่จะไปนั้นเราได้ทำการรวมตัวกันเพื่อจะถ่ายรูปหมู่ แต่ในวันนี้ห้องของโรงแรมเป็นลักษณะยาวทำให้การถ่ายรูปต้องแบ่งเป็น 2รอบทุกคนก็สนุกสนานและ Say YES! กันในขณะถ่ายรูปอีกด้วย
ในระหว่างที่แขกผู้มีเกียรติได้ทำการตักอาหาร เราก็มองไปเห็นน้องๆนักศึกษาตักซูชิมา ไอ้เราก็มองหาแต่ไม่ยักจะเห็น ก็เลยไม่ได้กิน หลังจากทำการจัดการอาหารหมดแล้วจึงเดินออกจากห้องอาหารและได้เห็นว่า อ้าวซูชิมันอยู่ด้านหน้านี่เองทำไมไม่เห็นเมื่อกี้ เพราะน้องๆได้ตักกันไปอย่างรวดเร็วทำให้ในชุดแรกหายไปในพริบตา จึงต้องทำใจปล่อยวาง
ในช่วงกิจกรรม CSR เชิงระบบได้เลือกหัวข้อด้านการสื่อสารเรื่อง CSR ต้องทำให้ได้อย่างทั่วถึงและเข้าใจง่าย รวมทั้งประเมินผลและออกแบบสอบถาม ความสำเร็จจะรวมไปถึงผู้บริหารและพนักงานในองค์กร ทำให้ทุกคนเข้าใจในเรื่อง CSR นำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและมีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม ต่อมาได้มีผู้เสนอหัวข้อความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร ต้องมีการประชุมปรึกษาหารือและมีความเข้าใจที่ตรงกัน ทำอย่างไรให้คำร้องของลูกจ้างลดลงและวัดผลเปรียบเทียบ input และ output ก่อนและหลังทำ CSR เจ้าหน้าที่ นายจ้างและลูกจ้างจะได้รับผลอย่างทั่วถึง ลูกจ้างจะได้รับสิทธิ์ตามกฏหมายโดยการไกล่เกลี่ย
กิจกรรมสุดท้ายกิจกรรม CSR ร่วมสร้างสรรค์ท้องถิ่น กลุ่มที่มาอันดับหนึ่งคือการเสนอโครงการทำน้ำหมักชีวภาพจากเศษวัสดุในชุมชนเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยจะนำเศษผักผลไม้หรือเศษอาหารตามแหล่งน้ำมาหมักกับกากน้ำตาล 3เดือนและนำมาเป็นหัวเชื้อในการกำจัดน้ำเสียกรณีที่มีปริมาณมากสามารถนำมาทำปุ๋ยชีวภาพ น้ำยาล้างจานและยาสระผม ทุกๆคนในชุมชนจะได้ประโยชน์ ปัจจัยนำเข้ามีทั้งหน่วยงานเกี่ยวข้องอุปกรณ์ในการผลิตและเอกสารขั้นตอน กระบวนการต้องประชาสัมพันธ์และชี้แจงต่อชุมชน จำนวนประชาชนที่ได้รับความรู้และเข้าอบรม น้ำหมักชีวภาพจะเป็นผลผลิตของโครงการนี้ ทำให้รักษาสิ่งแวดล้อม ลดค่าใช้จ่ายและชุมชนมีอาชีพเสริม ผลกระทบทำให้ขยะในชุมชนลดลง
อาจารย์เบญจวรรณ ฟุ้งลัดดา จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาพระนครศรีอยุธยา ได้กล่าวว่า “ได้ทราบข่าวสารจากทาง sms และได้ชวนน้องๆนักศึกษามาฟังการอบรม เพราะเด็กๆสามารถนำความเข้าใจไปขยายผลได้เมื่อจบการศึกษา ส่วนตัวดิฉันได้มีโครงการกับพระอาจารย์ สร้างค่ายเยาวชนอบรมเด็กที่ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ และจะพยายามปลุกจิตสำนึกให้แก่เด็ก ถึงแม้ว่าอยุธยาเริ่มที่จะเป็นกึ่งอุตสาหกรรม แต่เราก็ยังรณรงค์ให้รักวัฒนธรรมไทยเช่นเดิม”
การมอบของรางวัลที่เหลือเป็นไปอย่างสนุกสนานเพราะน้องๆนักศึกษาต้องการเสื้อโปโลสนับสนุนโดยดีแทค มีการยกมือตอบคำถามกันยกใหญ่ ถือคติตอบได้ไม่ได้ข้ายกไว้ก่อน จนตัวสุดท้ายและคำถามคือ “เสื้อตัวนี้สวยไหม?” น้องคนนึงยกมือตะโกนอย่างรวดเร็ว สวยครับ! จึงได้ไปอย่างง่ายดาย และมีการมอบหนังสือ CSR 4 ภาค ให้กับอาจารย์เบญจวรรณ เพื่อเป็นของที่ระลึกในการมาอบรมในครั้งนี้ด้วย บรรยากาศเป็นกันเองจนถึงช่วงสุดท้าย อาจารย์พิพัฒน์ ได้เป็นผู้กล่าวปิดงานและอวยพรให้ทุกท่านเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
การเก็บของเป็นไปอย่างรวดเร็วและได้มีการประชุมสั้นๆ เกี่ยวกับปัญหาที่เจอและข้อคิดเห็นในวันนี้ ทุกคนได้เดินทางไปสู่ร้าน “ไก่ย่างโคราช” แถวนวนคร เพื่อฉลองความสำเร็จของวัน เมนูแนะนำของที่นี่ คือไก่ย่างอย่างไม่ต้องพูดถึง และผัดไทยที่รสชาติเยี่ยมมาก เพราะมีการสั่งเบิ้ลสองจานทั้งสองเมนู มีเสียงเฮฮาแซวกันตลอดในขณะกินข้าวเป็นอย่างเคย ทุกคนได้แยกย้ายกันเดินทางกลับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทาง 5วันติดกันในทริปต่อไป
ก๊ากกกกกกกกกกก
ตอบลบสู้ๆ นะคะ เอาใจช่วยทุกมท่าน
อ่านแล้วสนุกดี ทำให้อยากติดตามไปด้วยทุกทริปจ้า
ตอบลบ5555 ขอขำก่อนนะๆๆๆ แต่พี่เห็นเราวิ่งไปซื้อเข็มขัดตอนเช้าด้วยไม่ใช้เหรอฮุๆๆๆๆๆๆๆ
ตอบลบ