วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กาญจนบุรี


ระหว่างทางที่เราเดินทางกันต่อนั้น อาจจะลำบากซักนิดหนึ่งครับ เพราะว่ามีฝนตกลงมาค่อนข้างหนักในช่วงแรก แต่ก็ถึงเมืองสองแควโดยสวัสดิภาพครับ จ.กาญจนบุรี นั่นเอง ไม่รอช้าครับ กลุ่มเราไม่เคยจะสนใจอะไรเท่าปากท้องอีกแล้ว มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารทันที “ร้าน The Resort” ตกแต่งได้งดงามมากๆ ผมไม่เชื่อเลยว่าแถบชานเมืองมีไอเดียแบบนี้ อ่านแล้วอาจจะว่าผมเว่อร์ แต่ก็ดู Classic มากๆ และเพลงที่เปิดก็เป็นเพลงที่ผมก็ยังไม่เกิดเลย แต่อาจารย์วุฒิพงศ์บอกว่าเคยได้ยิน ฮ่าๆ ไม่ต้องสงสัยเรื่องอายุ...

ถ้าทุกท่านมีโอกาสก็ลองไปดูนะครับ แล้วท่านจะประทับใจโดยเฉพาะการออกแบบห้องน้ำ Modern Style ยอดมาก ผมจะจำเอาไว้ไปตกแต่งที่บ้านบ้างครับ ในส่วนของอาหารก็อร่อยครับ แต่เค้กผสมกาแฟกับช๊อคโกแลตเนี่ย มันช่างเหมาะกับหนุ่มๆ อย่างผมเสียจริง ว่าจะซื้อซัก 2ปอนด์ แต่เดี๋ยวจะมาลำบากทีหลังต้องมานั่งรีดไขมันอีก...เลยไม่ดีกว่าครับ

ได้ถ่ายรูปกับระเบิดของจริงป่าวไม่รู้ (พี่คนขับรถบอกว่าของจริงแต่มันด้าน) และสะพานข้ามแม่น้ำแควด้วย ต่อมาเราก็ได้ไปต่อที่ตลาดนัดครับ พี่ๆ ก็เล่นปาลูกดอกด้วยครับ แต่ผมไม่ครับ เพราะรู้ตัวเองว่าทำไม่ได้อีกอย่างเคยเล่นเสียมาเยอะแล้ว ในที่สุดพี่ๆ ก็ไม่ได้รางวัลซักอัน T-T เสียเงินไปฟรีๆ ได้แต่รางวัลปลอบใจ (ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้นะ) เหอๆ

ณ โรงแรมริเวอร์ แคว ผมตื่นมาก็รู้สึกเตียงมันโล่งๆ หมอนทั้งหลายตกอยู่ข้างเตียงนี่เองครับ เพราะ...เหอๆ อย่าเข้าใจผิดครับ ที่นี่ให้หมอนต่อเตียงถึง 4ใบครับ ผมก็ไม่รู้จะหนุนใบไหน กอดใบไหนมันเยอะไปหมด จะกอดหมดเลยก็ดูเหมือนจะเป็นการส่อแววเจ้าชู้อีก (--,) จ๊ากๆๆ เลิกพูดดีกว่าครับเดี๋ยวจะเข้าตัวเอง..

วันนี้มีน้องๆ นักศึกษามากันเยอะเลยครับ แต่ละคนดูท่าจะกลัวอาจารย์น่าดูครับเ พราะมารยาทดีทั้งนั้น ผมได้ยินอาจารย์ของน้องๆ มาบอกให้อ่านหนังสือเข็มทิศธุรกิจเพื่อสังคมที่ทางเราแจกให้กับทุกท่าน ผมประทับใจเลย โหวว.. หลังจากที่ทยอยกันมาเริ่มเยอะ ผมเริ่มกล่าวทักทาย และน้องๆ ที่มาเข้าร่วมอบรมในวันนี้ ก็ยกมือไหว้กันสลอน มารยาทงามน่าชมเชยจริงๆ เป็นเพราะอาจารย์ขัดเกลามาดีแน่ๆ ถามอะไรก็ตอบ แหม่..มันต้องอย่างนี้ซิครับ การอบรมถึงจะมีรสชาติ เล่นเกมตอบคำถามก็จำได้หมด ผมเลยไม่รู้จะเอาอะไรมาแจกแล้ว ถามถึงเรื่องเกษตร นักศึกษาจากสายเกษตรก็ตอบได้ฉะฉาน ฝั่งอาจารย์จากสายเทคนิคก็บอกให้ถามเกี่ยวกับอุตสาหกรรมบ้าง ฮ่าๆๆ ไม่ยอมกันเลยครับ

วันนี้ผู้ที่นำเสนอท่านแรกในกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง ได้เสนอในหัวข้อการมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประมุขแห่งชาติ โดยตัวเองจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี มีความสำนึกในความเป็นไทยโดยไม่ต้องให้ผู้ใดมาสอน นำคำสอนมาพัฒนาหลักสูตรการสอนในแบบวิถีชีวิตพอเพียง ปลูกจิตสำนึกให้กับนักเรียนนักศึกษา เผยแพร่คำพ่อสอนและสอดแทรกความรู้ในชั้นเรียน คนไทยจะได้ประโยชน์โดยทั่วกัน อีกท่านได้เสนอว่า ตนนั้นเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฏหมายของประเทศบ้านเมือง เพราะเราเป็นเยาวชนและต้องรักษากฏหมาย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่บุคคลต่างๆ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม จะได้มีความสุขทุกคน และไม่เกิดความขัดแย้งซึ่งกันและกัน ส่วนในเรื่องบรรษัทพลเมืองนั้น อยากให้องค์กรธุรกิจมีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานอย่างถูกต้องและโปร่งใส

ช่วงพักรับประทานชากาแฟและสนทนากัน มีน้องๆ หลายคนอยากจะได้ซีดีสารคดี Home มาถามผมว่าแจกได้ไหมพี่ ผมเลยบอกว่าต้องแล้วแต่ดวงคร้าบบ... และในระหว่างจัดโต๊ะกลุ่มเพื่อทำเวิร์คช็อป ผมก็ได้เปิดเพลงให้คึกคักเพื่อจะได้ไม่เบื่อกัน มีผู้เข้าร่วม 3 ท่านมาจากโรงพยาบาล บอกว่าการอบรมดีมากเลย ดีใจที่มาเพราะว่าวันๆ นั่งฟังแต่เรื่อง “หวัด 2009” (เอาน่าอีกไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว เพราะปีหน้าก็ 2010 เดี๋ยวก็ไม่มีหวัด 2009 แล้ว เย้...จะดีใจทำไมเนี่ย (T-T) ผมขอยืมมุขหน่อยนะครับอาจารย์พิพัฒน์ ฮ่าๆๆ มุขนี้ทำผมอึ้งกับท่านอาจารย์เลย....ครับ) พี่ๆ เค้าบอกว่า มาในวันนี้ได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย แล้วยังฝากความปรารถนาดีให้กับผมด้วยว่า เดินทางบ่อยๆ ต้องดูแลสุขภาพ แต่ถ้าแข็งแรงก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีปัญหาครับ

ส่วนในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน เราได้นั่งร่วมโต๊ะกับผู้ประกอบการท่านหนึ่งซึ่งได้เปิดกิจการธุรกิจเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ใช้ไฟฟ้า ฟังแล้วน่าสนใจมากครับ ผมยังอยากซื้อมาไว้ที่บ้านซักคัน ท่านได้บอกว่าองค์กรอื่นๆ ในสมัยก่อนก็นำเข้ารถไฟฟ้าเหมือนกัน แต่พอขายได้แล้วไม่นานก็ปิดหนีเหมือนรู้ว่ารถมันต้องมีปัญหาแน่แล้วก็ไม่รับผิดชอบ ในส่วนของบริษัทท่านเองมีการรับประกันคุณภาพสินค้าและรับซ่อมเวลามีปัญหา แล้วยังสาธยายคุณประโยชน์ต่อว่า รถไฟฟ้านั้นช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมาก ไม่ต้องเติมน้ำมันแค่ชาร์จไฟ ถ้ารถแบบอื่นเติมน้ำมัน 50 บาท ขับได้ 1 อาทิตย์ แต่นี้ชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง 5 บาท วิ่งได้ 1 อาทิตย์เช่นกัน มีความแตกต่างครับ ถึงจะวิ่งไม่เร็วมากประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ประหยัดน่าดูครับ พี่เจ้าของยังบอกอีกว่า ตรงกับประเด็น CSR พอดีเลย ไม่เป็นมลพิษและไม่ทำลายธรรมชาติอีกด้วย เป็นองค์กร CSR ตั้งแต่เริ่มกิจการ

วันนี้น้องคนหนึ่งได้ออกมานำเต้นอย่างเมามัน แต่ไม่มีใครสามารถเต้นตามได้ เพราะความพริ้วของน้องเค้านั้นเหลือเกินจริงๆ เหมือนว่าตัวเองอยู่ในงานวัดประมาณนั้น เลยได้รางวัลเป็นเสื้อไปหนึ่งตัวครับ ก็เป็นที่สนุกสนานของน้องๆ และเพื่อนๆ ที่โหวตให้น้องคนนี้ออกมานำเต้นครับ ฮ่าๆ

ช่วงกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ CSR เชิงระบบ ประเด็นการสื่อสารเรื่อง CSR เป็นความต้องการของผู้เสนอท่านแรก โดยต้องสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และความสัมพันธ์กับองค์กรอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และเพิ่มความเชื่อถือ องค์กรที่ร่วมมือกันก็จะได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น ท่านต่อมาคิดว่าการทบทวนและปรับปรุงการปฏิบัติดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวกับ CSR มีความสำคัญต่อองค์กร โดยต้องหมั่นจัดอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สร้างให้เกิดความรู้ความเข้าใจในนโยบาย เป้าหมาย วิสัยทัศน์และภารกิจอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากนำมาประยุกต์ใช้ในสถานศึกษา นักศึกษาจะมีคุณภาพตามที่ตลาดแรงงานต้องการและมีคุณธรรม ผู้เสนออีกท่านเห็นว่า การบูรณาการเรื่อง CSR นั้นสำคัญ และยังสนับสนุนให้มีการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ จัดกิจกรรมทำความดี ลดอบายมุข ร่วมกันรักษาสภาพแวดล้อม รวมทั้งมีการประเมินกิจกรรมและร่วมกันวิจารณ์ติชม สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้น

สำหรับเวิร์คช็อป CSR เชิงสร้างสรรค์นั้น มีตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การดำเนิน “โครงการธนาคารขยะ (Bank Rubbish)” ด้วยการขอความร่วมมือและประสานงานให้มีการอบรมเกี่ยวกับผลกระทบจากขยะ มีการจัดตั้งสถานที่รับขยะตามจุดสำคัญและนำไปรีไซเคิล มีการประชุมร่วมกับชุมชนและให้ชาวบ้านเสนอความคิดในการนำขยะมาใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด โดยขยะที่ใช้ได้บางส่วนสามารถนำไปทำแจกัน ตะกร้า ฯลฯ เงินที่ได้จากขยะรีไซเคิลก็สามารถนำมาพัฒนาชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและสภาพแวดล้อมก็น่าอยู่ เชื้อโรคจากขยะก็ลดน้อยลง ทั้งนี้ การดำเนินกิจกรรมในช่วงแรกอาจมีอุปสรรคบ้างเพราะความเข้าใจยังน้อย

โครงการถัดมา คือ “โครงการเครื่องวัดปุ๋ยในดิน” เนื่องจากประเทศไทยนั้นมีการทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ธาตุอาหารในดินลดลง กิจกรรมนี้ต้องการให้มีการใช้เครื่องวัดสารอาหารในดิน ก่อนที่จะปลูกพืชแต่ละชนิด เพื่อให้รู้ว่าดินบริเวณนั้นมีสารอาหารที่พืชชนิดนั้นต้องการมากน้อยขนาดไหน ทำให้ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเกินความจำเป็น เกษตรกรจะได้ลดรายจ่าย และมีผลิตผลอย่างต่อเนื่อง

ส่วนอีกโครงการที่น่าสนใจ คือ “โครงการผลิตสีเปล่งแสง” ที่นำสีซึ่งมีสารประกอบของฟลูออเรสเซนต์มาทาผนังที่ต้องการแสงสว่าง เมื่อเปิดไฟแค่เพียงเล็กน้อย สีของผนังที่มีสารเคลือบอยู่นั้นจะทำปฏิกิริยาและช่วยทำให้เพิ่มความสว่างมากขึ้น โครงการนี้จะมีส่วนช่วยในการประหยัดค่าไฟได้ อย่างไรก็ดี คงต้องมีการรวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้บริโภค และการทดสอบเพื่อหาข้อบกพร่องเพื่อการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องต่อไป

อาจารย์เฉลิมชัย สมธูป จากมหาวิทยาลัยราชภัฏ จ.กาญจนบุรี กล่าวถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า “ได้ทราบข้อมูลจากทางโทรศัพท์ว่าจะมีการจัดอบรม CSR ก็เกิดความสนใจ เคยได้รับการอบรมเรื่อง CSR จากหลายที่ ทั้งจากอาจารย์พิพัฒน์เองก็หลายครั้ง รู้สึกดีใจที่ได้มาจัดให้กับที่นี่ครับ ในวันนี้ได้แนวความคิดในส่วนภูมิภาคที่มีความหลากหลายไปเป็นข้อมูลเพื่อต่อยอด ได้รู้เกี่ยวกับ Creative CSR และก็ได้รับความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหน้าที่พลเมืองด้วย ปัจจุบันเรามีแต่คุยเรื่องสิทธิ์ แต่ไม่รู้เกี่ยวกับหน้าที่ ผมสามารถนำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปแทรกในบทเรียน สอนได้เลย”

ส่วนอาจารย์เพ็ญศรี วงศ์อิทธิกุล จากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี ได้กล่าวว่า “วันนี้ได้พานักศึกษามาด้วย ได้ความรู้มากค่ะ ตอนแรกก็ไม่รู้เลยว่าคืออะไร แต่พอได้มาร่วมกิจกรรม ก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีมาก ดีค่ะ ที่มาจัดให้กับจังหวัดของเรา และอยากให้จัดทุกปี เพราะในแต่ละปี จะมีเด็กที่จบออกไปและเปลี่ยนเข้ามาใหม่เรื่อยๆ ความรู้ตรงนี้จะทำให้นักศึกษานำไปสร้างสรรค์สังคม ทุกวันนี้เราสอนเด็กให้มีจิตอาสา และต้องทำยังไงกับตนเอง เมื่อพวกเขาได้มีโอกาสเข้ามารับรู้ตรงนี้ ก็ถือว่าได้มีส่วนร่วมกันสร้างคนดีให้เกิดขึ้น เชื่อว่าเด็กๆ จะได้ตระหนักและออกมาช่วยสังคมได้เยอะทีเดียว”

มีน้องๆ บางส่วนอยากได้วีดีทัศน์ เพื่อไปให้อาจารย์ท่านอื่นได้ดู ก็รู้สึกว่าน้องๆ ในวันนี้ให้ความสนใจดี และก็พยายามที่จะตอบคำถามหลายๆ ครั้ง แม้จะมีเขินอายบ้างตอนออกมานำเสนอ แต่ก็ทำได้ด้วยดี น้องๆ ยกมือไหว้ลากลับ หลังจากที่เราได้กล่าวปิดงานและขออภัยกับสิ่งผิดพลาดประการใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้

และแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีเช่นเคย เราได้นั่งพักกันและไม่ได้รีบที่จะเก็บของนัก เพราะดูทุกท่านเหมือนจะหมดแรงครับ เพราะผู้เข้าร่วมวันนี้เยอะมาก แต่ก็ดีใจครับ ฮ่าๆๆ จะว่าไปแล้วท่านที่ได้ติดตามการเดินทางของกระผม อย่าลืมให้ข้อคิดเห็นติชมด้วยนะครับ ผมจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไขในการเดินทางครั้งต่อๆ ไป สำหรับจังหวัดนี้ ขอบพระคุณครับ


3 ความคิดเห็น:

  1. เป็นโครงการที่ดี น่าสนใจ พอได้รับ sms จาก dtac วันนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เลยลอง หาใน google ถึงรู้ ที่สำคัญ มาจัดที่ จ.ตราด บ้านที่ผมอยู่ ณ ขณะนี้ด้วย ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  2. ดีใจจังที่ได้รับคำชมแบบนี้ เป็นกำลังใจให้ทีมงานเราค่ะ

    อย่าลืมไปร่วมกิจกรรม CSR Campus ที่ตราดนะคะ แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะว่าได้รับข้อมูล DTAC และได้มีโอกาสอ่าน Blog นะคะ... จะให้ทางเจ้าหน้าที่เตรียมของไปฝากค่ะ

    ตอบลบ
  3. น้องๆนักศึกษาโชคดีจัง สมัยพี่ไม่เห็นอาจารย์พาไปฟังบรรยายแบบนี้เลย

    ในส่วนของโครงการ... สนในโครงการธนาคารขยะ ตอนนี้เลยเอาไปต่อยอด ให้เด็กที่บ้านเก็บขวดน้ำ กระดาษกล่องของขวัญ เพื่อสอนให้เค้าเอาไปขายเพื่อเก็บเล็กผสมน้อย ไม่ต้องรอวันหวยออก แล้วมาบ่นว่า ว้าาาา แย่จัง ถูกกินนนนน

    ตอบลบ