วันนี้เราตื่นมาพร้อมกับเตียงนุ่ม ๆ ในห้องหรู ๆ ในเวลา 6.20 น.แอบสายสักนิดนึงเพราะอากาศดีนี่นา (อยากนอนต่อ) เราเลยเข้าไปอาบน้ำก่อน ปล่อยให้อาจารย์บอยจมอยู่กับความสบายบนเตียงอีกสักพัก สุดท้ายก็เก็บของเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะออกจากตัวอาคารที่พักไปสู่สถานที่รับประทานอาหารจะเป็นต้นไม้เรียงรายทั้ง 2 ข้างทาง รวมกับบรรยากาศเมื่อคืนที่สายฝนลงมานิดหน่อย ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเย็น โดยรวมถือว่าบรรยากาศดีมาก (อยากหยุดอยู่ตรงนี้จริง ๆ)
เมื่อมาถึงห้องอาหารก็เป็นไปอย่างที่คิดครับ มี American Breakfast และข้าวต้ม วันนี้โรงแรมมีเพิ่มมาอีกอย่างครับ ก็คือ ข้าวผัด แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าชอบ American Breakfast มากกว่า เพราะทานค่อนข้างสะดวกกว่า หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็ถือโอกาสดูเฟอร์นิเจอร์ภายในโรงแรมซะหน่อย ยอมรับครับ หรูมากจริง ๆ พวกเราไม่พลาดโอกาสทอง จึงร่วมกันชักภาพอีกสักครั้ง เพราะหากจะหา Background ด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูขนาดนี้ คงต้องไปตาม Studio ต่าง ๆ แน่นอนและต้องเสียตังค์ด้วย อิอิ
พอถึงเวลาประมาณ 8.50น. งานก็เริ่มขึ้นด้วยวีดิทัศน์ HOME ซึ่งแขกทุกท่านก็ชอบนะครับ นั่งดูด้วยความสนใจทีเดียว หลังจากนั้นก็มาถึงอาจารย์บอยแสดงบทบาทผู้บรรยายด้วย CSR เต็มเปี่ยม พอมาถึงช่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง มีผู้นำเสนอในเรื่องของการไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย วาจา และใจ เพราะการไม่เบียดเบียนผู้อื่นจะเป็นการสร้างมิตรภาพไปในตัว และส่วนของพลเมืองบรรษัท อยากให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เพื่อให้พนักงานมีหลักการดำเนินชีวิตและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่วนอีกท่านได้เสนอหน้าที่เป็นผู้เลี้ยงชีพตนเองโดยชอบธรรม เพราะเป็นการทำงานด้วยหลักธรรมาภิบาลโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ บุคลากร หน่วยงาน และองค์กรด้วย
พอมาถึงช่วงพักเที่ยง ตัวกระผมได้มีโอกาสร่วมโต๊ะอาหารกับแขกหลายท่าน ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดหลายด้าน และพี่ที่ถามเราเค้าก็ถามว่าทำไมเราหน้าเด็กจังผมก็บอกว่าเพิ่งจบครับ พอสอบถามไปมาจึงรู้ว่าพี่ท่านนี้เป็นรุ่นพี่เรานี่เอง เหอ ๆๆๆ (เด็กเกษตรกระจายอยู่ทั่วไทย) บรรยากาศบนโต๊ะอาหารช่างเป็นแบบกันเอง แต่วันนี้ก็ทานน้อยเพราะอยากผอมบ้าง (ที่ผ่านมาทานอย่าง Maximum กินอึด) หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ผมก็กลับมาที่ห้องประชุม แต่ก็เผอิญปวด…เข้าห้องน้ำเหลือบไปเห็นคู่มือใช้งาน (Rest room operation manual) เค้าช่างคิดกันจริง ๆ
และแล้วก็มาถึงช่วงบ่ายที่ต้องบรรยายเกี่ยวกับ CSR เชิงระบบ ได้มีผู้นำเสนอเกี่ยวกับหัวข้อ CSR เชิงระบบ เช่น การสื่อสารเรื่อง CSR ในองค์กร เนื่องจากความรู้ CSR ขององค์กรวันนี้ยังค่อนข้างน้อยอยู่ จึงต้องมีการให้ความรู้ CSR แก่พนักงานในองค์กรอย่างเหมาะสมด้วยการจัดอบรมในเชิงบังคับ และในที่สุดพนักงานทุกคนจะเข้าใจ CSR อย่างถูกต้องและสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้ ส่วนท่านต่อมาได้นำเสนอหัวข้อการริเริ่มกิจกรรม CSR ด้วยความสมัครใจ ซึ่งเมื่อเรามีความรู้ CSR อย่างถูกต้องแล้ว ก็สามารถเผยแพร่ให้ชุมชนละแวกใกล้เคียงให้เข้าใจเรื่อง CSR ได้มากขึ้น
มาถึงช่วงสุดท้ายในการนำเสนอเกี่ยวกับกิจกรรม CSR เชิงสร้างสรรค์ของสระแก้ว ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ “โครงการ เพิ่มทักษะการเรียนรู้ของนักศึกษาอาชีวะ” โดยให้องค์กรธุรกิจด้านรถยนต์มาช่วยอบรมให้ความรู้เรื่องรถยนต์แก่นักศึกษาอย่างเห็นจริง และมีการนำไปศึกษาถึงวิธีปฏิบัติที่แท้จริงเกี่ยวกับรถยนต์ สุดท้ายเมื่อนักศึกษามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการซ่อมบำรุงรถยนต์ที่ถูกต้องแล้ว ก็จะนำนักศึกษาที่ผ่านการอบรมไปอาสาซ่อมบำรุงรถยนต์ในชุมชมท้องถิ่นใกล้เคียง เป็นการลดค่าใช้จ่ายของชุมชนในการซ่อมรถยนต์ และเป็นการนำนักศึกษามาปฏิบัติงานจริงอีกด้วย
กิจกรรมที่น่าสนใจรองมา คือ “โครงการศูนย์การศึกษาพิเศษจังหวัดสระแก้ว” ที่จะเน้นกลุ่มเด็กที่เป็นโรคออทิสติกก่อนเพราะเป็นกลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาส โดยเสนอให้มีการสร้างสนามเด็กที่สามารถสร้างอรรถประโยชน์ได้ เช่น การปั่นจักรยานที่สามารถรดน้ำผักสวนครัวได้ในตัว ซึ่งผักสวนครัวดังกล่าว ก็สามารถนำมาบริโภคหรือขายได้อีกต่อหนึ่งด้วย อีกทั้งยังเป็นการบริหารร่างกายสำหรับเด็กด้อยโอกาสดังกล่าวด้วย
ส่วนกิจกรรมสุดท้ายที่น่าสนใจ คือ “โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพสมุนไพรไทย” ที่จะเน้นการสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกสมุนไพรไทยชนิดต่าง ๆ เพราะจังหวัดสระแก้วมีภูมิประเทศที่เหมาะสมต่อการปลูกพืชสมุนไพรต่างๆ โดยเสนอให้มีการจัดอบรมความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรให้แก่นักศึกษาและเยาวชน มีการต่อยอดด้วยการพัฒนาเป็นศูนย์แพทย์ทางเลือก (แพทย์แผนไทย) ของชุมชน รวมถึงอาจสร้างเป็นสมาคมแพทย์ทางเลือก พร้อมให้บริการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพรและการนวดแผนไทยด้วย
หลังจากนั้นผมก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านอาจารย์ สามารถ บารมี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดสระแก้ว อาจารย์ได้กล่าวความรู้สึกในวันนี้ว่า “วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้รับความรู้ด้าน CSR ซึ่งหลังจากรับฟังบรรยายแล้วทำให้รู้ว่า ก่อนหน้านี้ทางสถานศึกษาได้มีการทำ CSR อยู่ก่อนแล้ว โดยได้เน้นปลูกฝังให้นักศึกษามีคุณธรรมและความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตนเอง ส่วนในเรื่องของพลเมืองบรรษัท เราสามารถบูรณาการลงไปในรายวิชาได้ทุกวิชาเลยครับ “ ขณะที่ผมนั่งพูดคุยกับอาจารย์อยู่นั้น ผมรู้สึกเลยว่า อาจารย์เป็นคนเก่งมากครับ ทั้งด้านวิชาการและคุณธรรมเลยทีเดียว
ในที่สุดการสัมมนา CSR Campus ของจังหวัดสระแก้วก็ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ใบหน้าของแขกทุกท่านเปื้อนยิ้มกันทุกคน ทีแรกผมคิดว่าทุกคนน่าจะได้รับความรู้ CSR กันเต็มเปี่ยม จึงยิ้มกันแก้มปริ ที่ไหนได้ผมลืมรูดซิปครับ ยอมรับว่าอายอย่างมหันต์ แต่ก็ดีนะครับที่ทำให้ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะ แต่วันหลังขอให้หัวเราะด้านอื่นดีกว่า ด้านนี้ไม่ไหวครับ (> <) เราเริ่มเดินทางไปสู่จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 16.45 น.และได้แวะปั๊ม ปตท.ด้วยครับ (เป็นปั๊มที่เด็กเติมน้ำมันหน้าตาดีที่สุดตามโฆษณา) รู้สึกจะมีร้านค้ามาขายของมากมาย รวมทั้งผลไม้ และเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นผลไม้ลูกโคตรใหญ่ด้วยครับ มี มะม่วง น้อยหน่า เป็นต้น มะม่วงลูกหนึ่ง ผมว่าหนัก 1 กิโลกรัมแน่นอน (สุโค่ยอีกแล้วครับท่าน) ได้แต่มองครับเพราะไม่กล้าซื้อกลัวทานไม่หมด ตามรูปผมลองเทียบมะม่วงกับมือผม(ที่ปกติมันก็โคตรใหญ่อยู่แล้ว) คิดว่าถ้าเปรียบเป็นนักมวยผมว่าน่าจะเป็นรุ่น Heavy Weight ทั้งคู่
หลังจากแวะปั๊มเสร็จ เราก็ได้เริ่มมุ่งหน้าสู่ วังธารา รีสอร์ท เห็นจากข้างนอกคิดว่าเป็นโรงแรมที่ใหญ่มากครับ ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย ด้านหลังโรงแรมติดกับแม่น้ำบางปะกงด้วยครับ โดยรวมวิวสวยมากมาย หลังจากที่ผมไปเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง ขณะที่คนอื่นยังอยู่ในชุดเดิม ผมเลยดูวรรณะต่ำกว่าทันทีครับ จากสภาพเหมือนพี่บอยเป็นอาจารย์ ส่วนตัวผมเหมือนคนสวนติดตามพี่บอย 5555+ และได้มีการถ่ายรูปวิวที่โรงแรมด้วยครับ สวยมาก...
เราไปฝากท้องมื้อเย็นที่เรือนมธุรส วันนี้ได้ทานอาหารทะเลกันเต็มเปี่ยมเลยครับ หลังจากทานเสร็จกลับมาที่โรงแรม มีงานแต่งงานด้วยครับ มีคนแต่งชุดราตรีเยอะแยะเลย แต่ผมใส่ชุดเหมือนคนสวนเดินฝ่ามรสุมชุดราตรีเข้ามาก็อายเล็กน้อยนะครับ อิอิ พอมาถึงห้องก็เป็นไปตามปกติครับ ผมก็เล่นอินเทอร์เน็ต ส่วนพี่บอยก็ไปอาบน้ำ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกแล้วครับ ...ไฟดับครับ เฉพาะห้องผมด้วย
ตอนนี้ความมืดล้อมผมแล้วครับ วิธีเดียว คือ ต้องเปิดประตู เพราะห้องมืดมาก แต่สถานการณ์พี่บอยนี่สิครับอยู่ในห้องน้ำ(ถ้ามีการลงสบู่หรือยาสระผมแล้วคงสยองครับ) ไฟดับอย่างสยองครับ ผมเลยรีบโทรเรียกเจ้าหน้าที่โรงแรมมาช่วยดู สภาพที่เกิดเหตุตอนนั้นก็มีผมใส่ชุดเหมือนคนสวน ส่วนพี่บอยมีผ้าเช็ดตัวคาดเอว 1 ผืนกับพระเครื่องที่ห้อยคอ 1 องค์ (สภาพเหมือนผู้ใหญ่บ้านมากครับ ) ยืนเปิดประตูห้องรอพี่พนักงานเข้ามาแก้ไข แต่จังหวะนั้นเองความซวยยังไม่พ้น เสียงลิฟต์ดังขึ้น ชุดราตรีมาเป็นขโยงเลยครับ ประมาณ 10 กว่าท่าน เดินผ่านห้องที่มีคนสวนและผู้ใหญ่บ้าน เหอ ๆ ๆ ความอับอายบังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงระดับ 5 ริคเตอร์เลยครับ
สุดท้ายเจ้าหน้าที่โรงแรมก็ให้เราย้ายห้อง ผมจึงรีบให้ผู้ใหญ่บ้านบอยวิ่งไปสถิตห้องน้ำห้องใหม่ก่อน ส่วนตัวผมก็ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทคนสวน คอยต้อนรับแขกในชุดราตรีเลียนแบบหนังเรื่อง Lady Chatterley เอ๊ย ไม่ใช่...คอยย้ายของจากห้องเก่าสู่ห้องใหม่ พอมาถึงเวลา 11.00 น. ผมรู้สึกเพลียมากครับ เหมือนวันนี้สวมบทบาทคนสวนอย่างดีเยี่ยม (น่าจะได้รางวัลออสการ์สาขาคนสวน) แต่พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน CSR Campus ต่อไป ก็ขอนอนดีกว่า พรุ่งนี้พบกันใหม่ นะ จ๊ะ สวัสดีพี่น้องชาวไทย ( แอบเลียนแบบวู๊ดดี้ )
เหนื่อยไหม... เอาใจช่วยนะจ้ะ
ตอบลบแต่คงไม่เหนื่อยมากหรอกเนอะ...เพราะปีนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมด้วย ต้องสนุกมากกว่าเดิม ฮ่าๆๆๆ
อยากให้ถ่ายทอดความรู้ด้าน CSR นี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะจากการที่ได้อ่านในบล็อกนี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้มากขึ้น และผู้เข้าอบรมก็จะเอาความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดต่อคนอื่นต่อไปด้วย
อยากให้คนทั่วโลกสนใจทำ CSR โลกจะได้สงบสุข