วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปราจีนบุรี




เมื่อเวลา 6.00 น.เปลือกตาผมเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงอุปกรณ์ดิจิตอลที่ดัง ติ๊ด ๆ ๆ ลุกขึ้นมาสูดอากาศที่ค่อนข้างธรรมชาติมาก ๆ เทียบกับเมื่อวานจะได้บรรยากาศหรูหรา เป็นธรรมชาติสวยเกินจริงไปหน่อย โดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบธรรมชาติที่เป็นธรรมชาติมากกว่าครับ และวันนี้รีสอร์ทที่นี่ก็สามารถตอบสนองผมได้อย่างดี เพราะที่นี่บรรยากาศค่อนข้างธรรมชาติมากกว่าที่ผมคิด มีทั้งมดเดินตามกันเป็นแนวยาวอย่างไม่แตกแถว ปลวกที่กำลังทำรังด้วยลายไม้ (ทุกธรรมชาติล้วนอยู่ภายในห้องนอน) หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาเพื่อที่จะไปรับประทานอาหารเช้า และระหว่างทางเดิน ก็สังเกตว่าวันนี้มีคณะครูและเด็กระดับประถมมาทำกิจกรรมที่รีสอร์ทแห่งนี้ด้วย ทำให้ผมคิดไปถึงสมัยเด็ก ๆ ว่า สมัยเรียนประถมเราคงจะซนน่าดู และคุณครูที่เคยสอนเรา เค้าก็คงปวดสมองน่าดูในการดูแลเรา โอกาสนี้ ก็ขอขอบพระคุณคุณครูที่ช่วยทำให้ผมเป็นคน (หน้าตา) ดีได้จนทุกวันนี้ครับ

วันนี้เรารับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มหมูครับ (หมูเยอะมาก) กับกาแฟ ซึ่งก็อร่อยไปอีกแบบ บางคนคิดว่าข้าวต้มหมูไม่น่าจะเข้ากับกาแฟได้ แต่ผมคิดว่าผมได้ทำให้เกิดขึ้นแล้วครับท่าน(แอบเจื่อนนิดๆ แต่ก็แปลกดี) และเมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็ตรงไปห้องประชุมเลยครับ วันนี้ห้องประชุมเป็นห้องที่อยู่กลางหนองน้ำ มีเสาหลายต้นคอยค้ำ (แปลกไปอีกแบบ) หลังจากนั้นเวลา 8.10 น.เราก็จัดห้องพร้อมแล้วสำหรับการสัมมนา CSR Campus ปี 2 ซึ่งแขกผู้มีเกียรติยังมากันบางตามากมายนัก แต่พอใกล้ถึงเวลาแขกก็เริ่มทยอยเข้ามาเยอะขึ้น....มากขึ้น และในวันนี้ผู้ฟังมากจากสถานประกอบการ อย่างเช่น โตโยต้า แคท แลคตาซอย หน่วยงานรัฐ และอื่นๆ

สารคดี Home ที่ฉายก่อนเริ่มงานได้เสียงตอบรับค่อนข้างเป็นที่ถูกใจมาก จากนั้นก็มีการกล่าวเปิดงานโดยกระผมเองครับ และอาจารย์บอยก็เริ่มบรรยาย จนมาถึงกิจกรรมหน้าที่พลเมือง ซึ่งวันนี้มีหัวข้อหน้าที่พลเมืองของจังหวัดปราจีนบุรีที่น่าสนใจ เช่น ในหัวข้อการเป็นผู้เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมายของประเทศบ้านเมืองทุกเมื่อ ซึ่งตัวผู้นำเสนอเองก็เป็นผู้ที่เชื่อฟังกฎหมาย (ผมก็เชื่อนะ) ใช้สิทธิตนเองโดยไม่เบียดเบียนสิทธิผู้อื่น ซึ่งจากหน้าที่ดังกล่าวก็จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราและบุคคลในสังคม และในส่วนพลเมืองบรรษัท อยากเห็นธุรกิจดำเนินกิจการที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ส่วนรวม ไม่เห็นประโยชน์แก่ส่วนบริษัทอย่างเดียว แล้วหัวข้อที่สนใจถัดมาคือ ต้องเป็นผู้มีความสัตย์ เพราะการมีความซื่อสัตย์จะทำให้การทำงานเกิดความราบรื่น มีความสบายใจ และเกิดประโยชน์ต่อครอบครัว (อันนี้เป็นประโยชน์ที่ผมเห็นชัดเจน) สังคมและประเทศชาติ ในส่วนของพลเมืองบรรษัท อยากเห็นธุรกิจร่วมกันสนับสนุนโครงการพระราชดำริโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งจะทำให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบในสังคมลดลง

ในช่วงพักทานอาหารเที่ยง ซึ่งก็ทานในห้องประชุมแห่งนี้เช่นกัน ได้นั่งร่วมโต๊ะกับพี่ที่อยู่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเค้าได้รับฟังความรู้ความเข้าใจในเรื่อง CSR เมื่อตอนเช้า เค้ารู้สึกได้เลยว่า การมีจิตสำนึกเกี่ยวกับ CSR เค้าได้เกิดอยู่ก่อนแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ เค้าได้สังเกตเวลาแอร์เริ่มทำงาน ไฟในห้องบรรยายจะตกไปพักหนึ่ง พี่เค้าจึงสันนิษฐานว่าเกิดปัญหาเรื่องไฟตกที่ รัศมี รีสอร์ท แห่งนี้ ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าสาเหตุว่าเกิดจากการไฟฟ้าหรือที่รีสอร์ท แต่เค้าพร้อมรับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ (แสดงความรับผิดชอบจริง ๆ) และจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้นด้วย หากปัญหาเกิดจากที่การไฟฟ้า หรือหากเป็นที่รีสอร์ท เค้าก็พร้อมจะให้คำแนะนำ หลังจากการสนทนาสิ้นสุดลง ผมก็คิดว่าเราได้ทำภารกิจการให้ความรู้ด้าน CSR สำเร็จแล้ว หลังจากฟังพี่คนนี้พูด (ซึ้งจริง ๆ เลยพี่)

ต่อมาก็เป็นกิจกรรม CSR เชิงระบบ ซึ่งมีการนำเสนอกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น ความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กร โดยการจัดให้มีวิทยากรที่มีความรู้ด้าน CSR เข้าไปอบรมให้กับพนักงานในองค์กร ซึ่งคาดหวังให้พนักงานได้มีความรู้ความเข้าใจ CSR มากขึ้น และสามารถนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อในชุมชน ส่วนอีกหัวข้อที่น่าสนใจคือ การเพิ่มความเชื่อถือได้ในการดำเนิน CSR ขององค์กร โดยการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสาร เพื่อเป็นการขยายผลงานด้าน CSR ขององค์กรที่สังคมยังไม่รู้ให้ทั่วถึง

แล้วก็มาถึงกิจกรรม Creative CSR ที่จำลองจังหวัดปราจีนบุรีเป็นพื้นที่เป้าหมาย กิจกรรมที่ได้รับการโหวตอย่างล้นหลาม คือ “โครงการเกษตรดี มีมาตรฐาน” ซึ่งเริ่มจากการให้ความรู้แก่ชุมชนในการทำการเกษตรโดยไม่ใช้สารพิษ (เป็นการต่อยอดจากโครงการเมื่อปีที่แล้ว) มีการจัดทำโลโก้จังหวัดปราจีนบุรีปลอดสารพิษแน่นอนในพืชผลของเกษตรกรที่ปลูกด้วยวิธีปลอดสารพิษ ซึ่งจะเป็นการสร้างแบรนด์ไปในตัว มีการขยายการให้ความรู้จากชุมชนเล็ก ๆ กระจายไปสู่ชุมชนขนาดใหญ่ และเสนอให้มีการจัดช่องทางตลาดเพื่อจัดจำหน่ายพืชผลการเกษตรที่เหมาะสมด้วย

กิจกรรมที่น่าสนใจถัดมา คือ “โครงการขายสินค้าเกษตรแท้” ที่มีแนวคิดมาจากปัญหาสินค้าเกษตรมักล้นตลาด ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรในจังหวัดปราจีนบุรีตกต่ำ จนเกิดปัญหาต่อเกษตรกร ฉะนั้น จึงน่าจะมีโครงการขายสินค้าเกษตรแท้ขึ้น โดยเสนอให้มีการจัดงานวันกระท้อนหวาน ปราจีนบุรี เนื่องจากกระท้อนเป็นผลผลิตสำคัญของจังหวัดปราจีนบุรี และกระท้อนที่ปลูกในจังหวัดส่วนใหญ่จะมีรสชาติหวานอร่อย ซึ่งหากโครงการนี้สำเร็จขึ้นได้ จะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคด้วย

ช่วงท้าย ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ ปิยศักดิ์ เปี่ยมคำ จากวิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี ท่านให้ความเห็นว่า “วันนี้ได้รับความรู้เพิ่มเติมมาก เพราะจากเดิมคิดว่าการทำกิจกรรม CSR ต้องเริ่มจากภายนอก พอมาฟังการบรรยายครั้งนี้ทำให้รู้ว่า การทำกิจกรรม CSR ต้องเริ่มจากภายใน แล้วจึงค่อยขยายวงสู่ภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของพลเมืองบรรษัท สามารถนำไปแทรกในการเรียนการสอน หรือกิจกรรมในด้านจิตอาสาได้อย่างแน่นอน”

วันนี้ภารกิจ CSR Campus ของจังหวัดปราจีนบุรีก็จบลงด้วยดีครับ มาถึงวันที่สามของทริปนี้ อาการล้าเริ่มออกมาแล้ว อิอิ เราเริ่มเดินทางสู่จังหวัดสระแก้ว ระหว่างทางได้ดูหนังเรื่อง Shinjuku Incident ที่เฉินหลงแสดงเป็นคนจีนอพยพมาประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นดินแดนอิทธิพลของพวกยากูซ่า ต้องอยู่ต่อสู้กับการถูกรุกรานและถูกรังแก ผมมองว่าสังคมปัจจุบันก็เป็นเหมือนอย่างงี้อยู่นะครับ คนส่วนน้อยรังแกคนส่วนใหญ่(ท่านอ่านไม่ผิดหรอกครับ) คนส่วนน้อยที่มีอิทธิพลมีเงินทอง รังแกคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีเงินทองและอำนาจ สังคมไทยเราในปัจจุบันยังเกิดขึ้นอยู่ (หยุดตรงนี้ดีกว่าเดี๋ยวความซวยจะตามมา)








ในระหว่างการเดินทางเราได้ผ่านอุทยานแห่งชาติปางสีดา ซึ่งเป็นเวลา 18.00 น. (ยังจะไปอีก) เราได้เสียค่าเข้าประมาณคนละ 20 บาท ตรงจุดทางเข้ากับตัวอุทยานห่างออกไปอีกประมาณ 25 กิโล แถมเส้นทางเป็นแบบไม่ลาดยางด้วยนะครับ พอประมาณ 18.20 น.เราลงความเห็นกันว่าควรกลับดีกว่าแทนที่จะไปอุทยาน เพราะหนทางช่าง Off Road มาก กลัวว่ารถตู้จะเจ๊งกลางทางซะก่อน แถมคลื่นโทรศัพท์ช่างดับอย่างชัดเจนเหลือเกิน แต่เราก็แวะเข้าห้องน้ำ และถ่ายรูปกับป้ายเก็บมาด้วยนะครับ (คุ้มจริง ๆ 20 บาทต่อคนเพื่อเข้าห้องน้ำกับถ่ายรูปคนพร้อมป้าย)

ในที่สุดเราก็มาถึงโรงแรมทิพปุระ จังหวัดสระแก้ว ซะที แหมบรรยากาศแบบโรงแรมกลับมาอีกแล้ว (ยินดีจริง ๆ ) แต่ก่อนหน้าที่จะมาถึงโรงแรมนี้ รถตู้ก็ได้ไป U-Turn ระทึกอีกแล้ว ไม่ใช่เส้นทางน่ากลัวนะครับ แต่ U-Turn โคตรเยอะเลยครับ กว่าจะไปโรงแรม กว่าจะไปร้านข้าว ผมนับได้เกือบ 10 รอบ ไม่รู้ว่าพี่รถตู้สนุกสนานกับการ U-Turn หรือฝึก U-Turn ให้คล่องระดับ Professional ก็ไม่รู้ (กลับจากทริปนี้ต้องลองเรียกพี่รถตู้มาแสดงกายกรรม U-Turn ระทึกให้ดูซะหน่อย) กว่าจะลงจากรถตู้เพื่อมาทานข้าว ก็มึนหัวระดับ 80 ดีกรีทีเดียว หลังจากทานข้าวเสร็จ กลับมาโรงแรมค่อยๆ พริ้มตาหลับด้วยอารมณ์กึ่งมึนกึ่งอิ่ม ณ ห้องอันหรูหราในเวลา 00.20 น.

7 ความคิดเห็น:

  1. อยากเห็นรูปคนเขียนจังว่าหน้าตาดีจริงป่าว ลงรูปบ้างนะคะ
    เห็นด้วยกับผู้เขียนนะ ในเรื่องที่ว่าพี่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมี CSR จัง ภูมิใจกับองค์กรจังที่พนักงานมี CSR

    อยากเห็นทุกคนมี CSR จังจ้า

    ตอบลบ
  2. อิจฉาจังวุ้ย อยากเห็นรูปคนเขียนเหมือนกัน ว่าจะหล่อสู้พี่ได้ไหม 555

    อยากเห็นทุกๆองค์กรมี CSR

    ตอบลบ
  3. เห็นด้วยจ้าาาาา อยากเห็นทุกๆองค์กรมี CSR แล้วก็ทุกๆคนมี CSR ด้วยนะ

    ตอบลบ
  4. ชอบ “โครงการเกษตรดี มีมาตรฐาน” เป็นสิ่งที่ดีมากเลยนะคะ อยากให้เกษตรทุกคนทำแบบนี้ เพราะเกิดประโยชน์ต่อชีวิตคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆ คะ โครงการ CSR นี่ดีจังเลยนะคะ ช่วยส่งเสริมให้คนทำความดี มีความรับผิดชอบ อยากให้ทุกคนในโลกมี CSR คะ

    ตอบลบ
  5. ฮ่า ๆ ๆ บรรยากาศค่อนข้างธรรมชาติ ! !

    ชอบจัง "เมื่อไฟในห้องบรรยายจะตกไปพักหนึ่ง พี่เค้าจึงสันนิษฐานว่าเกิดปัญหาเรื่องไฟตกที่ รัศมี รีสอร์ท แห่งนี้ ซึ่งเค้าก็ไม่รู้ว่าสาเหตุว่าเกิดจากการไฟฟ้าหรือที่รีสอร์ท แต่เค้าพร้อมรับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ (แสดงความรับผิดชอบจริง ๆ) และจะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้นด้วย" แสดงถึงความรับผิดชอบมากๆๆเลยค่ะ

    ตอบลบ
  6. เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
    หากทุกองค์กรมี CSR สังคมคงจะดีขึ้นกว่านี้มากๆ
    คาดว่าคนขับรถตู้คงมี CSR และยึดหลักว่ามึนไม่ขับ(คนมึนไม่ขับ คนขับไม่มึน)

    ตอบลบ
  7. จากบรรยากาศในห้องนอนที่ดูธรรมชาติเนี่ย สงสัยจังว่าคนเขียนจะกรี๊ด ไปกี่รอบแล้วหนอ....

    ตอบลบ