วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชัยนาท


เราได้เคลื่อนทัพจากสิงห์บุรีมุ่งหน้าสู่จังหวัดชัยนาท ซึ่งตลอดทางที่เราอยู่บนรถนั้น ด้านซ้ายเป็นลำน้ำยาวตลอดแนวถนนเลยครับ ส่วนด้านขวาก็เป็นนาข้าว ต้นไม้ใหญ่น้อย บ้านคนคละๆ กันไป เราได้มาจอดรถชมวิวที่เขื่อน “เจ้าพระยา” ผมเองก็ไม่ได้เห็นเขื่อนมานานครับ และเขื่อนนี้ก็เป็นครั้งแรกอีกเช่นกัน ดูแล้วน่ากระโดดน้ำเล่นยิ่งนัก แต่ถ้าผมโดดลงไปเล่น ผมคงไม่เหลือชีวิตมาสร้างความเฮฮาให้กับผู้ร่วมอบรมได้แน่ อีกอย่างคือ กลัวจะมีคนแอบคิดถึง (จ๊ากกก!...หลงตัวเองอีก) เราได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พี่แอนได้ช่วยเก็บขยะที่หล่นอยู่แถวนั้นไปทิ้งอีกด้วย สมกับเป็นรุ่นพี่ในสถาบันฯ จริงๆ เดินทางต่อไปอีกไม่ไกลนักก็ได้แวะทานข้าวที่ร้าน “แพแม่น้ำ” บรรยากาศดีมากๆ ครับ แต่ถ้าผมจะเอารูปลงให้ดูทั้งหมดคงจะเยอะ แล้วไม่มีใครยอมอ่านที่ผมเขียน เป็นร้านที่มีแพยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา พวกเราซื้อขนมปังให้ปลาแถวนั้น เห็นแล้วอยากจะกระโจนลงไปเล่นกับมันจริงๆ แต่เนื่องจากว่าผมยังไม่แต่งงานและยังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลยไม่ดีกว่าครับ..

ไม่รอช้าหลังจากที่ปลาแทบจะกินมือผม เราได้สั่งเมนูปลาขึ้นมากินแทนซะเลย เมนูของเราคือ “ต้มยำปลาม้า ผัดฉ่าปลาคัง แล้วยังมีทอดมันปลากราย ตบท้ายกับยำเห็ดใส่วุ้นเส้น เสร็จสิ้นที่ผัดผักรวมมิตร ” โออวว...แม่จ้าว...อิ่มมากกก ซัดไป 2 จานเต็มๆ เผ็ดครับแต่ก็ทน เหงื่อผมออกเหมือนอาบน้ำเลย หลังจากสำเร็จโทษปลาไปหลายพันธุ์ เราก็ไปชำระบาปต่อกันที่ร้านของหวาน (มันเกี่ยวอะไรกัน) แต่โชคดีหรือร้ายไม่รู้ครับที่ร้านเค้าปิด อยากกินก็อยาก กลัวอ้วนก็กลัว ฮ่าๆๆ คิดว่าการเดินทางของผมในครั้งนี้กลับไปคงต้องบอกพี่หมูที่สถาบันฯ ให้เปลี่ยนขนาดเสื้อให้ผมใหม่ซะแล้ว

เราได้เข้าเช็คอินที่โรงแรมชัยนาทธานี ใหญ่ดีครับและทางเข้าก็ไฟสวยมากครับ หลังจากขนของเข้าห้องกันเรียบร้อย เราก็ไปโลตัส ซื้อของกันนิดหน่อยและซื้อเครื่องดื่มบำรุงสมองเหมือนเคย เพราะวันก่อนผมไม่ได้กิน เด็กกำลังโตครับ เหอๆ (-_-‘)

รุ่งขึ้นผมตื่นช้ากว่าเดิมได้นิดหน่อยครับ เพราะห้องอบรมของเราในวันนี้ อยู่ห่างจากห้องพักไม่ถึง 15เมตร แต่เมื่อคืนผมหลับๆ ตื่นๆ ครับ หลับไม่ค่อยสนิทไม่รู้ทำไม แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมก็ไม่ได้ง่วงขนาดนั้น อาบน้ำแล้วก็นั่งดูรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ต้องรับข่าวสารสักหน่อยครับ ซักพักเราก็เคลื่อนตัวไปห้องอบรม จัดอุปกรณ์เรียบร้อยก็ลงไปรับประทานอาหารเช้า พอกลับขึ้นมาก็มีผู้มารับการอบรมมาลงทะเบียนกันเยอะแล้ว ก็รู้สึกดีครับที่มีผู้ให้ความสนใจเยอะใช้ได้ครับ

การทักทายเริ่มขึ้นและอุ่นเครื่องด้วยการแจกของที่ระลึก ผู้ที่เข้าอบรมก็ชอบ ผมได้เปิดงานอย่างเป็นทางการ และพี่โต้ง (อาจารย์วุฒิพงศ์ บัวบุตร์) ก็ขึ้นมาบรรยายอย่างมันอารมณ์ เนื่องจากเป็นถิ่นของท่านเอง ฮ่าๆ

ในวันนี้เรามีพระรูปหนึ่งมาร่วมอบรมกับเราด้วย พระอาจารย์มหาธนสิทธิ์ จากวัดป่าพรานโพธิฌาณธรรม ซึ่งท่านได้บวชมา 22 พรรษาแล้ว พระอาจารย์ซึ่งบวชเพราะอยากจะช่วยสังคม ได้ให้ความสนใจการอบรมในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งผู้เข้าอบรมที่น่ารักทุกคนได้ให้ความสนใจดีมากครับ

ในช่วงกิจกรรมแรกที่เป็นเรื่องหน้าที่พลเมืองนั้น มีผู้เสนอความคิดว่าจะไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย วาจาและแม้คิดด้วยใจครับ เช่น การขับรถเค้ามีให้แซงขวาก็แซงซ้ายกันจัง สมัยนี้ไม่พอใจกันขึ้นมาก็เอาปืนมายิงกัน ตายไปคนที่อยู่ข้างหลังก็เดือดร้อน ซึ่งถ้าช่วยกันประพฤติปฏิบัติในข้อนี้ได้ คนที่อยู่ร่วมกันในสังคมก็จะมีความสุขกันถ้วนหน้า ส่วนเรื่องความเป็นพลเมืองบรรษัทอยากเห็นองค์กรธุรกิจไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม การทำธุรกิจก็อยากมีกำไร แต่ถ้ามีผลกระทบกับสังคมรอบข้างก็เหมือนเป็นการเอาเปรียบกัน สำหรับท่านต่อมาได้เลือกนำเสนอในหัวข้อมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประมุขแห่งชาติ ในปัจจุบันปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจทำให้คนไทยแบ่งเป็นหลายฝ่าย อยากให้มีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานอย่างถูกต้องและโปร่งใส และสนับสนุนการดำเนินกิจการงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามบทบาทที่เอื้ออำนวย

ในช่วงที่เราพักเช้านั้น มีการจัดโต๊ะใหม่เป็นกลุ่มและได้ช่างเทคนิคของที่นี่มาช่วยจัดด้วย แกก็บ่นอะไรตลอดเลยครับ ฮ่าๆ เหมือนเบื่อโลกมาก พระอาจารย์เลยเทศน์และสอนซะเลย แต่ก็ไม่รู้แกจะคิดได้ไหมนะครับ ผมก็ได้พูดคุยกับผู้เข้าอบรมหลายท่านว่ามาจากไหนประกอบธุรกิจอะไรกันบ้าง ถามทีเดียว โหว..ตอบเป็นรถไฟเลยครับ ผมรู้สึกว่าคนชัยนาทที่นี่เป็นกันเองมากเลย

มาถึงอาหารกลางวัน มันเยี่ยมเลยครับ..วันนี้มีผัดหมูพริกเผา ถ้าผมเรียกถูกนะ มันยอดครับ...สำหรับผม เพราะรสชาติมันเหมือนกับกับข้าวตอนที่ผมอยู่หอในช่วงมัธยมเลยครับ ผมไม่ได้รสชาตินี้มานานมาก กินที่ไหนก็ไม่ได้รสชาติแบบนี้ ผมไม่ค่อยตักอย่างอื่นเลยตักแต่อันเนี่ยะ ไม่เผ็ดมากด้วยถึงสีจะดูโหดไปหน่อย กับของหวานเป็นสลิ่มครับก็ใช้ได้ ผมว่าผมจะกลายเป็นถังเบียร์แน่เลย

หลังจากแขกผู้มีเกียรติทุกท่านมากันครบ ผมก็กะว่าจะไม่นำออกกำลังกายครับ เพราะเห็นว่ามีพระอาจารย์อยู่ด้วย กลัวว่าจะไม่สำรวม กะจะให้ออกกำลังทางจิตแทนครับด้วยการนั่งสมาธิซัก 5 นาที แต่ก็ห่วงว่าถ้านั่งสมาธิแล้วทุกท่านจะง่วงเพราะอาหารในท้อง อีกอย่างคือถ้าทำแบบนั้นก็จะไม่ใช่คอนเซ็ปของกลุ่ม ผมจึงพูดผ่านไมค์ว่า “ใครกล้ามานำเต้นกับผมเอาเสื้อไปเลย พระอาจารย์คงมาเต้นกับเราไม่ได้นะครับ เดี่ยวบาปจะกินหัวผม” พระอาจารย์ก็ยิ้มๆ และก็มีผู้กล้า 2 ท่านครับ ท่านแรก อืม...ไม่หญิงไม่ชาย คนที่สองเป็นคุณพี่ผู้หญิงอายุราว 40 เห็นจะได้ครับ ออกมาเต้นกันอย่างสนุกสนานกับเพลงยอดฮิต Nobody ครับ พอการเต้นจบลง ผมได้มอบของรางวัลให้กับพี่ๆ ทั้งสอง แต่คุณพี่ผู้หญิงได้กล่าวว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดเธอ ทุกคนจึงพร้อมใจกันร้องอีกเพลงครับ Happy Birthday และพระอาจารย์ก็เลยได้มอบของในย่ามให้กับเธอผู้นั้น บรรยากาศการอบรมเป็นเหมือนคนรู้จักกันไปซะงั้นครับ วันนี้ช่างเป็นการอบรมที่น่าประทับใจสุดๆ จริงๆ ครับ

กิจกรรมในยามบ่าย CSR เชิงระบบครับ ท่านผู้นำเสนออยากให้เพิ่มความเข้าใจและสื่อสารเรื่อง CSR ในองค์กรให้มากขึ้น เพราะ CSR เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะใหม่และเป็นเรื่องที่มีสาระสำคัญ ทุกองค์กรต้องมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมตั้งแต่ระดับรากแก้วรวมถึงชาวไร่ชาวนาด้วย ทุกๆ คนถ้าเข้าใจและปฏิบัติก็จะได้ประโยชน์ทั้งสิ้น อีกท่าน (พระอาจารย์นั่นเอง) ก็ได้นั่งเสนอว่า ความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กรมีความสำคัญมากที่สุด และตั้งกิจกรรมมาด้วยว่า “Go Goal Gold” (ไปสู่ประตูแห่งทอง) ทุกชีวิตล้วนแต่มุ่งหวังสู่ความสำเร็จ แต่ทำความเข้าใจได้ไม่ดีพอ ได้ยกตัวอย่างว่า ฟุตบอลเค้าเล่นกันเป็นทีม แต่พอมีคนยิงเข้าแค่คนเดียว คนนั้นก็กลายเป็นฮีโร่โดยที่ไม่มีใครได้ใส่ใจกับคนที่เหลือ ฉะนั้นการนำเสนอในระบบ CSR อาจจะต้องใช้ระบบมือต้องพาย คือ ชี้หลัก ชักชวน ปลุกใจ ทำให้เพลิน ตลอดจนสร้างความเข้าใจในองค์กรการทำงานให้ดีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติจริง ทุกชีวิตต้องมีความใฝ่ฝันสู่ความเป็นผู้กำชัยชนะโดยเฉพาะ “ชนะใจตนเอง” ผลทุกระดับย่อมนำสู่ความสำเร็จได้หากแต่ว่าเริ่มทำให้เกิดขึ้นได้หรือไม่ ทั้งด้านความคิด การกระทำ และติดตามประเมินผล นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน.. ผมฟังแล้วก็คิดว่าท่านรู้ภาษาดีจังและดูท่านจะมีประสบการณ์เป็นอย่างมาก

“ยินดีน้อมด้วยใจรักการทำงานด้วยสังคม อย่างน้อยๆ ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน หลังจากได้เรียนทางโลกจบมาไม่มากเท่าไร ก็แค่ ปริญญาตรี 4 ใบและปริญญาโท 2 ใบ ในทางธรรมก็จบเปรียญธรรม 6 ประโยค ก็ไม่เอาอีกเลย ตั้งแต่หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี บอกว่าพอแล้ว พอแล้วมหา ให้หันกลับมาดูตัวเองให้มากขึ้นดีกว่า เรียนมาก็หลายอย่าง (ขนาดผมฟังยังงงว่า ท่านเรียนไปได้ไงเยอะแยะ แต่ผมคงไม่เขียนลงไปนะครับ) ถือสโลแกนว่า “ขอความเมตตาจงเกิดขึ้นในดวงจิต ขอถวายชีวิตนี้แด่พระพุทธศาสนา ขอถวายกายานี้แก่พระศาสดา จะมุ่งหน้าบำเพ็ญกุสลเอย” อาตมาพร้อมที่จะให้คำปรึกษาทุกอย่างทั้งปวง แต่อย่ามาขอหวยละกัน” พระอาจารย์ได้กล่าวกับผู้มาอบรมและวิทยากรถ้วนหน้า

สำหรับกิจกรรม Creative CSR เราได้ "โครงการแพงโคล่าหญ้ามหัศจรรย์ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับปศุสัตว์และจังหวัดใกล้เคียง ส่งเสริมจัดตั้งกลุ่มการปลูกหญ้าแพงโคล่า สร้างนวัตกรรมโดยการสร้างโรงเรือนอบหญ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ลงทุนครั้งเดียวและเก็บเกี่ยวได้ตลอดปี เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณภาพชีวิตจะดีขึ้นและรายได้รวมของจังหวัดก็เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ต้องมีงบประมาณ ข้อมูลวิจัย แผนงานการผลิตและแผนการตลาดที่ดี มีการเก็บรวบรวมข้อมูล หาปัญหาและแนวทางแก้ไข ซึ่งถ้าประสบผลสำเร็จประชาชนจะมีคุณภาพดีขึ้นเนื่องจากปลอดสารพิษและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

อาจารย์สมชาย ท่าตะเคียน จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีชัยนาท ได้พูดไว้ว่า “ทางวิทยาลัยได้รับหนังสือเชิญจากทางสถาบันฯ โดยตรง โดยเรียนเชิญครูและผู้ที่สนใจเข้าร่วม ผมจึงให้หัวหน้าอีก 3 แผนกมาเข้าร่วมในวันนี้ด้วย ในวันนี้เราพบว่า CSR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้ด้วยและสามารถนำเอาความรู้ไปพัฒนาท้องถิ่น เช่น โครงการที่เราจะทำโอทอป เราจะนำอาจารย์นักเรียนไปร่วมกับจังหวัดและชุมชนเครือข่ายโอทอป หรือเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับชุมชนก็สามารถนำไปใช้ได้ โดยเฉพาะในองค์กรเป็นเรื่องที่ง่ายและน่าสนใจ คิดว่าเกิดประโยชน์จริงๆ ครับ เป็นเรื่องดีที่มาจัดในส่วนภูมิภาค เพราะว่าคนส่วนมากไม่รู้ว่า CSR คืออะไร คนที่มาในวันนี้ ก็น่าจะนำกลับไปขยายผลต่อให้แก่สังคม ชุมชนและกลุ่มที่สนใจ เพราะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ทั้งส่วนตัว องค์กรและการบริการชุมชนสู่การพัฒนาที่ดีในวันข้างหน้า ส่วนในหน้าที่พลเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ดี เพราะในอดีตก็เรียนอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มี ไม่ดีเลยครับ น่าจะเอากลับมาสอนใหม่ได้ เพราะจะเกิดผลดีกับเด็ก องค์กรและชุมชนต่อไป”

พระอาจารย์ได้มอบตะกรุด 4 อัน เพื่อเป็นที่ระลึก และทางเราก็จะแจกให้แก่ผู้โชคดีเท่านั้น และกระผมได้เอ่ยว่า “อืม..พระอาจารย์ครับทางคณะวิทยากรก็มากัน 4 คนและเดินทางมาไกลยังไงก็...” ฮ่าๆๆ ทำให้ทุกๆ คนในห้องอบรมส่งเสียงฮาอย่างมันว่าไอ้นี่มันกล้าพูด ฮ่าๆๆ เราไม่รอช้าได้ทำการสุ่มจากกระดาษของกิจกรรมที่ 1 โดยที่ไม่รู้เลยว่าจะเป็นใคร เพราะไม่มีรายชื่อบนกระดาษกิจกรรมซักใบ เราได้ทำการอ่านชื่อกิจกรรมอย่างเดียวแล้วถ้ารู้ว่าของใครให้เดินออกมาเอาไปได้เลย แต่ต้องซื่อสัตย์ครับ และก็ยิ้มๆกันไปถ้วนหน้าเพราะได้ของศักดิ์สิทธิ์กันไปเป็นที่เรียบร้อย คนที่ไม่ได้พระอาจารย์ก็ได้เรียกผมและเอาพระจำนวนหนึ่งไปให้ผู้เข้าอบรมคนละหนึ่งองค์ เป็นที่ Happy กันไปครับ และเราก็ได้กล่าวปิดงานอย่างเฮฮาพร้อมเสียงหัวเราะ

กระผมเองก็ได้ยกของลงไปส่งพระอาจารย์ที่รถ ท่านจึงได้มอบพระองค์เล็กๆ จำนวนหนึ่ง แต่ผมกลัวว่าจะไม่พอจึงได้นับคนที่บริษัทและท่านก็ได้มอบให้มาครับ ฮ่าๆๆ งกไปไหมเนี่ยะ.. คนที่มาเข้าอบรมก็มาคุยกับผมบอกว่าเจอกันที่ชลบุรีนะลูก เดี๋ยวจะเอาตะกรุดไปฝากละกัน เห็นว่าต้องเดินทางบ่อย หัวใจพองโตเลยครับผม ไม่คิดว่าเค้าจะเป็นห่วงเรา ท่านอื่นๆ ที่เดินผ่านมาก็ว่าอายุพอๆ กับลูกชายเลย..ผมหน้าเด็กหรือลูกเค้าโตนะ ฮ่าๆ ผมรู้สึกดีกับที่นี่จริงๆ ครับ

ระหว่างนั้นพี่ๆ ก็เก็บของกันไป พอผมขึ้นมาก็เก็บหมดแล้ว ผมก็แค่ช่วยยกนิดหน่อยครับในวันนี้ แหม่...ชอบที่นี่จริงๆ ครับ ทั้งอาหารที่ใช้ปลาหลายๆ ชนิดเป็นส่วนประกอบและของหวาน แต่ยังไงก็ต้องเดินทางต่อแล้วครับ ที่นี่จะเป็นความทรงจำที่ดีของผมรวมทั้งในอีกหลายจังหวัดด้วยครับ และในจังหวัดต่อไปเราจะเดินทางไปไหน To be continued แล้วเจอกันครับ


4 ความคิดเห็น:

  1. เห็นแล้วหิว... แต่ว่าไม่มีศิลเปอะในการถ่ายรูปอาหารเลยนะจ้ะ แล้วก็ดีใจนะคะที่ผู้เขียนยังไม่แต่งงาน ทำให้ดิฉันมีความหวัง : )

    ในส่วนของโครงการแพงโคล่าหญ้ามหัศจรรย์ ตอนแรกก็นึกว่าโคล่าเป็นน้ำดื่ม อืมมมม ในประเทศนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกแยะ แต่ว่าดำเนินรอยตามพระอาจารย์ท่านดีกว่านะ ให้รู้ทางโลกพอสมควร แต่ต้องรู้ทางธรรมแยะๆ

    ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยคร้าบบบบบ

    ตอบลบ
  2. กิจกรรรมน่าสนใจจังเลยอ่า...
    เสียดายที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ชัยนาทด้วย(อยากได้ตะกรุด)
    โอกาสหน้าจัดที่ไหน ขอเข้าร่วมด้วยคนนะจ๊ะ

    ตอบลบ
  3. วะวะวะว้าวววว....

    อาหารน่ากินจัง หึหึ ดูละหิวเลย....
    แต่อีกรูปอะค่ะ ตกใจว่ามี..ลิง.. จากลพบุรีตามคณะทำงานไปด้วยหรอคะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก...

    ว่าแต่กิจกรรมที่ผู้เข้าอบรมเสนอ น่าสนใจมากคะ เข้ามาอ่านบล็อกแล้วก็ได้เพิ่มความรู้ให้ตัวเองด้วย

    และที่มีผู้เสนอความคิดว่าจะไม่เบียดเบียนผู้อื่นด้วยกาย วาจาและแม้คิดด้วยใจครับ เช่น การขับรถเค้ามีให้แซงขวาก็แซงซ้ายกันจัง
    ดิฉันก็มีน้องคนนึงคะ ขับรถแบบเบียดเบียนผู้อื่นอยู่บ่อยๆ (โดยเฉพาะเบียดเบียนคนที่นั่งไปด้วย)หึ หึ
    ---> จะติดตามทีมงานคุณไปเรื่อยๆ นะคะ สนุกดี

    ตอบลบ
  4. เสียดายจัง!!ที่ไม่ได้เข้าร่วมอบรม
    พอดีว่ากำลังจับปลาอยู่ที่เขื่อนเจ้าพระยา ขึ้นมาไม่ทัน ฮ่า ฮ่า

    อยากให้มาจัดกิจกรรมที่จังหวัดนี้อีกนะค่ะ รับรองไม่พลาดแน่
    เพราะได้อ่านกิจกรรมแล้วน่าสนใจมากเลยค่ะ อย่าง"โครงการแพงโคล่าหญ้ามหัศจรรย์" ดิฉัน AmaZing มากเลยค่ะ

    เขียนได้สนุกมากเลยค่ะ :)

    ตอบลบ