วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นครปฐม


วันนี้ทีมเราเป็นทีมที่ใหญ่มากครับ เพราะการสมทบของทีมสีฟ้าอีก 7 คน รวมแล้วตอนนี้ต้องเดินทางด้วยรถตู้ถึง 2คัน แต่ก็อบอุ่นดีครับ เรามุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครปฐม ระหว่างทางเราได้แวะชมโรงงานทำโอ่งและโรงงาน “PASAYA” เป็นสินค้าเกี่ยวกับผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนต่างๆ สถานที่อยู่ลึกซักหน่อย แต่ก็สวยงามมากทีเดียว ตึกของโรงงานเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูคว่ำ แถมตั้งอยู่กลางน้ำอีกด้วย เราไปกันตอนช่วงเย็นบรรยากาศจึงดีมาก มีลมพัดโบกอยู่ตลอดเวลา สาวๆ ก็ทำการสลายเงินกันไป ส่วนผมนั้นออกมาเดินชมวิวและถ่ายรูปด้านนอกอย่างสบายอารมณ์

หลังจากที่กระเป๋าเบาจนเป็นที่พอใจแล้ว รถได้เคลื่อนตัวออกไปยังวัดที่มีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย องค์พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐมนั่นเอง เมื่อมาถึงยังวัด ใครต่อใครต่างก็มองเราครับ เพราะฟ้ากันเกือบหมด “นี่มันนางฟ้าตกสวรรค์เหรอเนี่ย” คณะของเราได้ทำการสักการะบูชาองค์พระปฐมเจดีย์อย่างสงบ (ปกติไม่ค่อยจะอยู่นิ่งกันเท่าไรครับ) ได้บุญกันจนอิ่มแล้ว แต่ท้องยังไม่อิ่มครับ เราทั้งหมดจึงได้ตัดสินใจรับประทานอาหารแถวตลาดหน้าวัดกันซะเลย (ขี้เกียจไปหาร้านอื่นและประหยัดงบ) เดินมาถึงหน้าตลาดมีอาหารเยอะแยะไปหมด ทีมงานไม่รอช้าสั่ง หอยทอด (กี่จานไม่แน่ใจ) บะหมี่เกี๊ยว (กี่ชามละ) โรตีอีก (เอาเข้าไป) ไม่คิดถึงความลำบากของคนที่ต้องมาคอยตามเก็บตกในช่วงท้ายเลย ผมจึงสั่งของผมเองดีกว่าครับจะได้ไม่ลำบาก (แต่จ่ายให้ผมด้วยนะ T-T) ในที่สุดก็เป็นอย่างที่คิด สาวๆ มักจะสั่งอะไรตามความหิว แต่พอฉันอิ่มฉันก็จะยัดให้คนอื่น โดยการพูดว่า “นี่เธอชิมนี่ซิ เธอลองไหม อร่อยนะ อร่อยจริงๆ” อร่อยไม่กินเองละ (ผมเลยทำหูบอดไปชั่วคราว) ครับรู้ว่าหวังดีแต่คำนึงถึงไขมันของคนอื่นหน่อยครับ เดี๋ยวพี่หมูได้ว่าอีกว่า อะไรออกต่างจังหวัดทีไรกลับมาเปลี่ยนขนาดเสื้อทุกที ฮ่าๆๆ แต่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งครับ จ่ายค่าอาหารเรียบร้อย ทีมอ้วนดำขาใหญ่ ก็ได้แยกจากทีมสีฟ้า เข้าพักที่ “โรงแรมเวล” เพื่อการจัดอบรมในวันรุ่งขึ้น แต่ผมไม่อยากลงจากรถเลย อึดอัดท้องมากครับ แถมยังจะให้ผมเอาโรตีกลับมากินอีก 4 อัน แล้วชอบมาว่าผมอ้วน จะไม่อ้วนได้ไง (>.<) การอบรมได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการจากการกล่าวเปิดงานของคุณธรรมนูญ จันทระ ผู้บริหารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามด้วยการบรรยายของอาจารย์วุฒิพงศ์ บัวบุตร์ ในจังหวัดที่ผ่านๆ มา เรามักจะเริ่มแบบเป็นกันเองเฮฮา แต่มาวันนี้ดูสถานการณ์จะตึงเครียดนิดนึง (สำหรับผมนะ) เพราะท่านที่มาเข้าร่วมส่วนใหญ่ดูแล้วเป็นระดับผู้จัดการฝ่ายทั้งนั้นเลย ทุกๆ ท่านก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างดีครับ และก็มีถามคำถามกับท่านวิทยากรของเราด้วย วันนี้เราทำการเบรคกันในห้องอบรมเลย ดูคนเยอะแยะดี และพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ผมจึงรู้สึกโล่งขึ้น เพราะดูท่าจะไม่เกร็งกันแล้ว ผมก็จะได้เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ด้วย ในช่วงกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง ท่านที่มานำเสนอมีการยกหัวข้อการเป็นผู้มีความเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตอนเองโดยชอบธรรมและเป็นผู้ที่เชื่อฟังต่อกฎหมาย ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรต้องถูกต้องและไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรจนเกินขอบเขต ถ้าเราเคารพกฎหมาย เราก็จะทำผิดน้อยลงและกล้าที่จะเปิดเผยงานที่ทำต่อสาธารณชน และถ้าทุกคนยึดธรรมะได้ก็จะไม่เอาเปรียบผู้อื่น ยิ่งถ้าเชื่อในเรื่องผลกรรมและการกระทำชั่วของตัวเอง ก็จะทำตัวและดำเนินงานอย่างถูกต้อง อีกท่านได้เสนอว่าจะเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อกฎหมายเช่นกัน คือ ปฏิบัติตนอยู่ในกฎระเบียบทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่คดโกงหรือเอาเปรียบผู้อื่น ถ้าทุกคนทำได้สุขภาพใจก็จะดีมาก ทั้งยังสนับสนุนการดำเนินการงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามบทบาทที่เอื้ออำนวย เนื่องจากพระราชดำริเป็นประโยชน์ต่อมหาชนชาวสยามมาในทุกยุคทุกสมัย มาถึงท่านสุดท้ายก่อนที่เราจะพักรับประทานอาหาร ได้เลือกในหัวข้อที่เป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม ต้องประกอบอาชีพด้วยความพากเพียร อดทน เต็มที่และเต็มใจกับงานที่ทำ คำนึงถึงบุคคลหรือสังคมที่อยู่รอบๆ ตัว จะยืนยาวได้ต้องอาศัยสิ่งแวดล้อม บุคคลรอบข้าง และการเงินที่ยั่งยืน อยากเห็นองค์กรธุรกิจแสดงความเป็นพลเมืองบรรษัทด้วยการประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และกำไรที่ได้ควรคำนึงถึงส่วนรวม เพราะถ้าเอาแต่ประโยชน์ตนถ่ายเดียว ก็จะต้องจบลงเช่นกัน
วันนี้การรับประทานอาหารกลางวันเป็นมื้อที่สนุกที่สุดครับ เพราะในห้องอาหารของทางโรงแรมมีคนเปิดเพลงให้ขึ้นไปร้องเพลงได้ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในโต๊ะผมได้ท้าทายอีกท่านว่า “ถ้าพี่ขึ้นไปร้องผมให้ 100 บาทเลย” ไม่รอช้าลุกพรวด ไปหน้าเวทีขอเพลงทันที ผมจึงเอามือถือไปถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานทันที เพราะไม่คิดว่าจะมีแบบนี้ ร้องไป 1 เพลง ไม่ยอมลงซะงั้น อ้าว...ยาวเลยคราวนี้ (เปลี่ยนมาอบรมห้องนี้กันเลยดีไหม) พี่ที่ขึ้นไปร้องเพลงเสร็จได้ประกาศเข้าไมค์ว่าทุกกลุ่มต้องออกมาร้อง อ้าว...ลามอีก ร้องกันหลายคนเลยครับคราวนี้ มันยกกลุ่มกันเลย ซักพักก็มีคนบอกว่าอยากได้ยินเสียงท่านวิทยากร อาจารย์ของเราไม่รอช้า ลุกเลยครับแต่ลุกจากเก้าอี้.....ขอเดินจากห้องไปในทันที่ โดยอ้างว่าผมต้องไปเตรียมตัวครับ ฮ่าๆๆ เป็นข้อแก้ตัวที่เนียนมาก

ทุกคนได้มารวมตัวกันในห้องสัมมนากันอีกครั้ง ก่อนเริ่มการอบรมในช่วงบ่าย เราก็ได้ทำกายบริหารกัน มีอะไรแปลกๆ อีกแล้วครับ มีการส่งเสียงให้พี่สาวท่านหนึ่งออกมานำเต้นครับ เธอบอกว่าขอไม่ต้องเปิดเพลงครับ ด้นสดๆ เลยครับ “เมื่อยไหมจ๊ะเธอจ๋า ต้องทำท่ายังเงี้ยะๆ ทำแล้วสบายใจดีอย่างเงี้ยะๆ สบายใจจัง (2รอบ)” ผมค้างเลย คิดได้ไงมันใช้ได้เลยนะเนี่ยะ ทุกๆ ท่านก็ชอบกับความคิดของเธอด้วย ประทับใจและปรบมือให้ อย่างงี้ต้องได้เสื้อของเราไปด้วยแน่นอนครับ ยอดมาก!! เป็นการออกกำลังแบบง่ายๆ ช้าๆ สบายๆ ทำให้ไม่จุกจากอาหารด้วยครับ

มาถึงกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง CSR เชิงระบบ มีการนำเสนอว่าหัวข้อการสื่อสารเรื่อง CSR เป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด พนักงานทุกคนต้องเข้าใจและมีความรู้ด้านนี้และควรจัดกิจกรรมทุกๆ ปี พร้อมส่งเสริมกิจกรรมด้านนี้ให้ได้มากที่สุด จะมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นมากมายสู่สังคมและองค์กร และชุมชนก็จะยอมรับและเข้าใจในตัวบริษัท ท่านต่อมาได้ให้ความสำคัญในการเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจ เช่น การอนุรักษ์แม่น้ำ การให้ความรู้และเสนอไม่ให้ผู้ที่อยู่ริมน้ำทิ้งขยะลงแม่น้ำ การทำกิจกรรม 5ส. บริเวณริมน้ำ และขยายการจัดตั้งกลุ่มในแต่ละชุมชนไปสู่อำเภอและจังหวัด มีการให้หน่วยงานอื่นๆ มาศึกษาดูงานในชุมชนตัวอย่าง ส่วนอีกท่านก็เสนอว่าควรทำการทบทวนและปรับปรุงการปฏิบัติดำเนินการองค์กรที่เกี่ยวกับ CSR ซึ่งใช้กิจกรรมเรื่องขยะเป็นตัวอย่าง โดยเสนอให้มีการแยกขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะ Recycle เพื่อสร้างจิตสำนึกให้แต่ละบุคคลได้รู้จักการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี เมื่อทุกคนมีความคิดดี จิตสำนึกที่ดีแล้ว ประเทศก็จะสะอาดและน่าอยู่

กิจกรรม Highlight ของวันครับ (Creative CSR) “โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำในคลองเจดีย์บูชา” เป็นโครงการที่มีคนให้ความสนใจมากที่สุดของวันเลยก็ว่าได้ เพราะว่าลำน้ำนี้เป็นเหมือนคลองสายหลัก สายประวัติศาสตร์และเป็นสิ่งสำคัญของจังหวัดนครปฐม เพราะน้ำที่เสียจะส่งกลิ่นและสร้างความรำคาญต่อชุมชนโดยรอบ มีการเสนอให้เติมจุลินทรีย์ลงในน้ำ หรือนำกากน้ำตาลผสมน้ำเติมเชื้อจุลินทรีย์หมักไว้ประมาณ 2 สัปดาห์และเติมลงในคลอง รณรงค์ให้ชุมชนรอบๆ คลอง ลดการปล่อยของเสียลงน้ำ โดยให้ชุมชนรอบๆ คลองเป็นผู้รับผิดชอบโครงการและเทศบาลเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นได้ น้ำก็จะสะอาด ปลาก็จะไม่ตาย ไม่ส่งกลิ่นเหม็น สภาพแวดล้อมดีขึ้น มีคนมาเที่ยวและซื้อของมากขึ้น

กิจกรรมต่อมาเป็น “โครงการสร้างสุขภาพ สร้างแสงสว่าง นำทางความปลอดภัย” กิจกรรมนี้คำนึงถึงสุขภาพของคนในสังคมเป็นหลัก เพราะคนมีภาวะโรคอ้วนเพิ่มขึ้นและใส่ใจสุขภาพกันน้อยลง กิจกรรมที่นำเสนอจึงเน้นการออกกำลังกายโดยใช้จักรยานเป็นหลัก มีการเสนอให้ทางสถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม ให้ทุกๆ คนปั่นจักรยาน (ที่ออกแบบมาเพื่อการสะสมพลังงาน) ในบริเวณที่จัดขึ้น โดยการปั่นนั้นก็จะสร้างกระแสไฟไปเก็บสะสมไว้ในแบตเตอรี่ได้ออกมาเป็นพลังงานอีกด้วย พลังงานนี้อาจจะเอาไปใช้เป็นแสงสว่างในที่มืดๆ ตามถนนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น กิจกรรมนี้จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพดี แข็งแรงทั้งกายและใจ เด็กๆ ก็จะหันมาเล่นกีฬากันมากขึ้น เยาวชนจะหันมาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ที่สำคัญคือ เป็นกิจกรรมการส่งเสริมการประหยัดพลังงานแบบมีส่วนร่วม

กิจกรรมที่นำเสนอส่งท้าย คือ “โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนจากของเหลือใช้ในชุมชน” โดยเริ่มจากการจัดนำร่องความรู้แก่ชุมชน และสาธิตให้แก่ผู้นำชุมชน นำความรู้ไปทดลองกับกลุ่มย่อยเพื่อประเมินผลก่อนขยายให้มากขึ้นด้วยการสร้างเครือข่าย ความรู้ที่นำมาถ่ายทอดต้องเป็นความรู้และเทคโนโลยีอย่างง่ายที่ชุมชนสามารถพัฒนาต่อยอดได้เอง ทั้งนี้ หน่วยงานภายนอกที่เข้าร่วมกิจกรรม อาจดำเนินการจัดหาวัตถุดิบเหลือใช้และงบประมาณสนับสนุนให้ตามความเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ได้โดยตรงจากกิจกรรมนี้ คือ การสร้างความรู้และนวัตกรรมต่อยอดสู่รุ่นต่อไป สร้างอาชีพ ลดการนำเข้าไฟฟ้าและลดปริมาณขยะ โดยอ้อมก็จะเป็นการลดภาวะโลกร้อน สุขภาพของคนในชุมชนก็จะดีขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะมีความไว้ใจและเชื่อมั่นต่อกัน

ในกิจกรรมสุดท้ายนั้น Commentators ของเราได้สร้างเสียงหัวเราะให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างมากมาย แซวกันไปก็แซวกันมา และมีการเสนอวิธีการจำง่ายๆ เพราะมักจะเรียกชื่อหน่วยงานการไฟฟ้าฯ กันผิดบ่อยๆ ระหว่าง กฟภ. กับ กฟผ. โดยแต่ละแห่งจะมีชื่อเรียกว่า ................... ฮ่าๆๆ ใครอยากทราบก็สามารถติดต่อสอบถามทางทีมงานได้ครับ กระผมคงไม่กล้าพิมพ์ออกอากาศแน่ๆ แต่ก็ดีครับ เป็นการสร้างบรรยากาศที่สุดยอดสำหรับที่นครปฐม ทุกๆ ท่านเป็นมิตรมาก ถึงแม้ในช่วงเช้าจะดูตึงเครียดซักหน่อย เนื่องจากมีผู้ใหญ่ในองค์กรเข้าร่วมสัมมนาด้วย แต่ทุกๆ อย่างก็เป็นไปด้วยดีครับ และแทบจะไม่มีใครหนีกลับก่อนเลย เป็นการจัดแคมปัสที่น่าประทับใจอีกที่หนึ่งครับ

ผศ.ดร.ปุสตี มอนซอน คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล ได้บอกกับทางเราว่า “วันนี้ได้ความรู้เยอะมาก ความรู้ที่ได้สามารถนำไปปฏิบัติในองค์กรได้ มีประโยชน์ต่อองค์กรในเรื่องการเรียนการสอนและการบริการด้วย เนื่องจากภารกิจของมหาวิทยาลัยจะต้องเกี่ยวข้องกับชุมชน การพัฒนาคุณภาพองค์กร นักศึกษาและสถานศึกษาด้วย เรื่อง CSR ควรจะทำเป็นเครือข่ายทุกจังหวัด จะมีประโยชน์และกำลังมาก เนื่องจากนครปฐมซึ่งอยู่ใกล้ สามารถเป็น Partnership ได้ดี คิดว่าเนื้อหาที่ได้ในวันนี้สามารถนำไปประยุกต์สอนในสถาบันได้ และก็จะสามารถทำให้บุคลากรในระดับบริหาร รวมทั้งนักศึกษา ขยายความรู้ในเรื่องบรรษัทพลเมืองได้”

ก่อนที่จะปิดการสัมมนาและเดินทางกลับ เราก็มีการแจกรางวัลกันเช่นเคย โดยเฉพาะวันนี้ มีรางวัลสมทบจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกระเป๋าผ้า 4 ใบและตุ๊กตาอีก 1 ตัว คราวนี้ละครับ ยกมือตอบกันมันหยด ใครดวงดีก็เอาไป ยกกันเต็มไปหมด จนต้องเปลี่ยนคำถามไม่รู้กี่รอบ ทาง กฟภ. เองก็ได้มอบของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาให้กับทางวิทยากรเช่นกัน หลังจากที่ทุกท่านได้แยกย้ายกันกลับแล้ว เราก็ทยอยเก็บของขึ้นรถ เพื่อเตรียมกลับบ้านอันแสนสบายที่กำลังรออยู่ครับ แต่สิ่งที่เราไม่ได้เอากลับ คือ ตุ๊กตาครับ เราตกลงให้กับเด็กตัวเล็กที่นั้นเป็นของขวัญ อาจารย์พงศ์นี่ใจดีจริงๆ ครับ

เมื่อรถเริ่มเคลื่อนออกจากโรงแรม ใจผมนั้นอยากจะกลับบ้านเลยครับ แต่โดนพวกพี่ๆ แกล้ง หาว่าผมจะมีนัดเลยไม่ยอมพากลับ ทีมงานจึงได้แวะทานข้าวกันต่ออีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ครับ ผมคิดถึงบ้าน อะ (o_o) อยากกลับบ้านครับ และการเดินทางของ 4 จังหวัดนี้ ก็ได้เสร็จสิ้นลงโดยสวัสดิภาพ สำหรับจังหวัดในภาคกลางนั้น เราจะได้พบกันอีกครั้งแน่นอนครับ ที่ชลบุรี วันที่ 14 สิงหาคม 2552 โรงแรมแอมบาสเดอร์จอมเทียนนะครับ สำหรับการเดินทางครั้งหน้าของผม คงจะไม่ใช่จังหวัดในภาคกลางแล้ว แต่จะเป็นที่ไหนนั้นต้องติดตามนะครับ ยังไงก็อย่าลืมติชมการเดินทางและการเขียนของกระผมด้วย ขอบพระคุณครับ..

5 ความคิดเห็น:

  1. อยากได้ตุ๊กตาบ้าง เก็บกันเงียบเลยนะน้อง

    ตอบลบ
  2. แฮะ แฮะ !!! เพิ่งอ่านประโยคต่อมาว่า "ไม่ได้เอาตุ๊กตากลับครับจึงได้ให้เด็กตัวเล็กที่นั้นไปเป็นของขวัญ" รู้สึกผิดทันที แสดงความอยากได้สะออกนอกหน้าขนาดนั้น คือแบบว่าเด็กขี้อิจฉาหน่ะจ้ะ

    แต่ขอสัญญาว่าจะตั้งใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้มีการเอื้อเฟื้อ แบ่งปันเหมือนอาจารย์พงศ์จ้ะ จะได้เป็นพลเมืองที่ดี

    ตอบลบ
  3. ขอตามไปด้วยคนที่แอมบาสเดอร์จอมเทียนนะคะ

    ตอบลบ
  4. ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    มีร้องเกะด้วยอ่า อยากไปด้วยจัง ที่จังหวัดนี้บรรยากาศดีเนอะ อิอิ
    และที่สำคัญโครงการดีๆ ทั้งนั้นเลย ชอบทุกโครงการเลยนะ

    สนุกๆ

    ตอบลบ
  5. มีให้กินก็บ่นจัง.......นะ

    เดะทริปหน้าก็ไม่ต้องกิน ไปแกะปูอย่างเดียวห้ามกิน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ