วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อ่างทอง


ก่อนจากลาจังหวัดชัยนาท เราได้มีโอกาสพูดคุยร่ำลากับผู้เข้าอบรมบางท่านแถวลานจอดรถอย่างเป็นกันเอง รวมถึง ได้ให้กำลังใจน้องช่างเทคนิคผู้หมดไฟในหลายๆ อย่าง ก็บอกไปว่า อย่าเบื่อ อย่าท้อ สู้ต่อไป..

ขณะที่รถตู้ได้เคลื่อนตัวออกจากโรงแรม ก็ได้มีการถกเถียงกันว่า เราจะไปทานอะไรกันมื้อเย็น จะไปหาอะไรทานที่จังหวัดข้างหน้าหรือจะหาอะไรกินที่ชัยนาท ด้วยความที่ผมยังติดใจกับบรรยากาศและผู้คนที่นี่ จึงได้เอ่ยว่าให้กินที่นี่แหละพี่ ผมอยากกินผัดฉ่าปลาคังอีก แต่เพื่อความไม่จำเจ เราจึงไม่ไปร้านเดิม ลองร้านใหม่ๆ บ้าง เป็นการกระจายรายได้ให้กับร้านค้าด้วย เหอๆๆ (พูดดูสวยหรูเลยชาว CSR) แล้วก็มาลงเอยที่ร้าน “เรือนไม้” และเมนูอาหารวันนี้ มีทั้งปลา เป็ด ไก่ กุ้ง รสชาติไม่จัดจ้านเท่ากับร้านเมื่อวาน ถึงกระนั้นผมก็โซ้ยไป 2จานเต็มๆ อยู่ดีครับ การที่คนเราหิวก็จะสั่งเยอะ และกินกันไม่หมดต้องห่อกลับจนได้ ก็ดีครับ กลางคืนผมจะได้ไม่ต้องเดินออกไปหาอะไรหม่ำ

การเดินทางในวันนี้อาจจะนานซักหน่อยครับ เพราะระยะทางนั้นยาวกว่าจังหวัดที่ผ่านๆ มา ดูซีดีคอนเสิร์ตคาราบาวไม่นาน ผมก็หลับไป สงสัยเพราะเมื่อคืนผมหลับๆ ตื่นๆ จึงค่อนข้างเพลียครับ ตื่นอีกทีที่ 7-Eleven แวะเข้าห้องน้ำ หาอะไรดื่มเพื่อความสดชื่น เพราะคืนนี้ผมอยากเขียนสาธยายเกี่ยวกับการฝึกอบรมให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเหลือเกิน

ในที่สุดเราก็เห็นโรงแรมที่จะเข้าพักอีกฝั่งของถนน ชื่อโรงแรม “ซี แอล การ์เด้น อินน์” เราและพนักงานโรงแรมอีก 2 คน ช่วยกันขนของลง เนื่องจากไม่มีรถเข็น ที่นี่น่าจะทำงานกันเป็นระบบครอบครัว เพราะชุดฟอร์มก็ไม่มี แต่เป็นโรงแรมที่ใหญ่มาก มีสถานบันเทิงพร้อม แต่คงจะไม่เหมาะกับพวกพี่สาวๆ ส่วนพวกผม 3 คนก็สนใจอยู่ แต่..งานต้องมาก่อน (ก๊ากกก..ฟังดูดีชะมัด) เราไม่มีการเปิดเผยความลับครับ!

หลังจากขนของเข้าห้องไม่นานนัก ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกรี๊ดและเสียงประตูห้องก็ดังขึ้น ปึง ปึง ปึง! “ช่วยจับแมลงสาบให้หน่อย” พี่แอนตะโกนมาแบบหน้าเสีย เนื่องจากผมนั่งเขียนงานอยู่จึงนั่งนิ่งไม่ได้หันไปให้ความสนใจ (สุภาพบุรุษไหมครับ) ความจริงแล้วแมลงสาบเป็นสัตว์ที่ผมกลัวที่สุดในโลก ผมจึงต้องทำเป็นไม่สนใจ และหันไปบอกพี่คนขับรถตู้เสียงเข้มว่า “พี่ไปดิ” ฮ่าๆๆ สรุปคือพี่เค้าก็กลัวเหมือนกัน ในขณะนั้น พี่โต้งกำลังจะอาบน้ำพอดี จึงช่วยอะไรไม่ได้ แต่แล้วเจ้าชายรถตู้ขาวของเรา ก็เอาถุงพลาสติกไปจัดการ ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเหงื่อของชายชาตรี ฮ่าๆ (ผมว่าพี่แกกลัวมากกว่า เหงื่อถึงแตกขนาดนั้น) ในระหว่างที่ผมนั่งขยันอยู่ก็ได้ดูรายการ “ล้วงลับตับแตก” ฮามากๆ ครับ พวกผม 3 คนหยุดขำไม่ได้เลย เหมือนบ้าเลยครับ เป็นรายการที่โดนจริง ต้องลองดูเองครับ ผมแนะนำเลยจริงๆ

ในเช้าต่อมา เราได้จัดอบรมขึ้นที่ห้อง “หทัยรัตน์” อุปกรณ์ทุกอย่างใช้การได้ดี ลงมือลองกันเองเลย เพราะช่างเทคนิคไม่รู้หายไปไหน ติดป้ายผู้สนับสนุนเองด้วย อืม..คนหายไปไหนหมด งงๆ.. ไม่นานนัก ผู้เข้าอบรมก็ได้ทยอยมาพร้อมทักทายกันเหมือนทุกๆ วัน แต่ที่นี่ดูนิ่งมากครับ ผมชักจะไม่มั่นใจและเห็นท่าไม่ดี จึงให้ชมวีดีทัศน์สารคดี Home ไปก่อน และมานั่งปรึกษากับหัวหน้าสาย (พี่โต้ง) ว่างานเข้าแว้วววว.. พีโต้งจึงบอกให้ใช้ความสามารถส่วนตัวในการดึงอารมณ์ร่วมและเป็นกันเองให้ได้ ผมจึงสู้..สู้ ไม่กล้าเสี่ยงก็ม้วนเสื่อ สู้โว้ย! เล่นเกมตอบคำถามหลังชมวีดีทัศน์ ผู้เข้าร่วมก็เริ่มที่จะคล้อยตามและมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น แต่จู่ๆ ไมค์ผมก็เสียซะงั้น จึงพูดไปว่า “ถ้าทุกท่านไม่เฮฮา มันก็คงจะไม่ดังนะครับ สงสารผมเถอะ เอาเป็นปากเปล่าเลยละกัน” ทุกคนก็เริ่มเผยให้เห็นรอยยิ้ม เป็นโชคดีของเราไปครับ วันนี้การบรรยายของอาจารย์โต้ง ก็เป็นไปโดยปราศจากไมค์ครับ เป็นเสียงหล่อๆ สดๆ เลย ฮ่าๆๆ

ในช่วงแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมือง มีผู้เสนอความคิดในหัวข้อการมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประมุขแห่งชาติ โดยส่วนตัว ได้ทำหน้าที่เป็นวิทยากรฝึกอบรมลูกเสือในจังหวัดอ่างทองโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ผู้เข้าอบรมจะได้มีจิตใจรักชาติ มีความสามัคคีในหมู่คณะในชุมชนมากขึ้น อยากเห็นเรื่องความเป็นพลเมืองบรรษัทที่องค์กรธุรกิจให้การสนับสนุนการดำเนินกิจการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามบทบาทที่เอื้ออำนวย และอยากเห็นคนในชุมชนรู้จักความพอเพียง ไม่มีการกู้เงินนอกระบบ ส่วนท่านต่อมาได้กล่าวถึงว่าตนเองเป็นผู้ที่เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมายของประเทศบ้านเมืองทุกเมื่อ จะไม่ทำในสิ่งที่คนอื่นเดือดร้อน เจอของมีค่าที่มิใช่ของตัวเอง ก็อย่าไปเอามาหรือควรจะส่งคืนเจ้าของ สังคมก็จะดีขึ้น และไม่เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทหรือการจี้ปล้น ในส่วนของความเป็นพลเมืองบรรษัท อยากเห็นองค์กรธุรกิจไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหาย เพราะส่วนใหญ่ มักไม่ค่อยคำนึงถึงความเดือดร้อนของคนรอบข้าง ต้องรอให้มีปัญหาก่อน แล้วจึงมานั่งปรับปรุงแก้ไขทีหลัง

ขณะที่เบรกเช้านั้น เราได้ทำการจัดโต๊ะแบ่งกลุ่ม เห็นมีแต่พนักงาน ส.ว. (สูงวัย) ทั้งนั้นเลย และก็ชอบกดเจลล้างมือบ่อยๆ ฮ่าๆ สงสัยจะเย็นๆ ครับ จะได้สะอาดด้วย ผมยังชอบเลย เป็นการดีครับ ไข้หวัดจะได้ไม่ระบาด ผู้เข้าร่วมอบรมได้ใช้เวลารับประทานอาหารว่าง ทานลูกอม และพูดคุยกันตามอัธยาศัย มีหลายท่านที่สนใจสารคดี Home และก็มาถามว่าหาซื้อได้ที่ไหน ผมก็ได้แนะนำให้ไปตามร้านซีดีที่ใหญ่หน่อย เพราะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่อยู่ในกระแสหลัก

ในช่วงรับประทานอาหารกลางวัน มีเมนูปลาที่ผมชอบอีกแล้วครับ คือปลานึ่งมะนาวนั่นเอง ก็อร่อยดีครับ แต่รู้สึกเหมือนยังไม่ถึงใจ ทีมงานเราก็ได้นั่งคุยกันเรื่องโน้นเรื่องนี้และก็ปรึกษากันว่าเรามีอะไรต้องแก้ไขไหม เรื่องระบบในขณะอบรม และอีกหลายๆ อย่าง พี่โต้งก็ได้กล่าวชมที่เราสามารถดึงผู้เข้าอบรมให้เป็นกันเองได้ ไม่อย่างนั้นก็พับเสื่อกลับบ้าน 555

ในกิจกรรม CSR เชิงระบบขององค์กร มีผู้นำเสนอว่าอยากให้องค์กรมีความเข้าใจในเรื่อง CSR มากขึ้น มีการจัดกิจกรรมเพิ่มความเข้าใจแก่พนักงานและให้นำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง พนักงาน องค์กรและสังคมจะได้ประโยชน์ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างให้แก่หน่วยงานและองค์กรอื่นอีกด้วย อีกท่านได้เสนอว่า อยากให้องค์กรริเริ่มกิจกรรม CSR โดยสมัครใจ เป็นแบบกิจกรรมสอนน้องก็ดี เน้นเด็กที่ด้อยโอกาสเรื่องการเรียน ความขาดแคลน เริ่มจากหาผู้ที่สมัครใจและต้องการช่วยเหลือจริงๆ และการที่ไปสอนตามชนบทนั้นก็จะได้เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และท่องเที่ยวไปในตัว (คนบรรยายอยากจะเที่ยวอะป่าว J ) อยากให้โครงการนี้เกิดขึ้นจริง เด็กๆ จะได้มีโอกาสมากขึ้น

แล้วก็มาถึงกิจกรรม CSR เชิงสร้างสรรค์ของท้องถิ่น “โครงการเกษตรปลอดสารพิษ โดยใช้สมุนไพรแทนสารเคมี” มีการสำรวจและกำหนดชนิดพืชสมุนไพรที่จะนำมาใช้ รวบรวมข้อมูลและถ่ายทอดให้กับชุมชน รวมทั้งการสาธิตวิธีใช้ มีการส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบ มีการจัดตั้งสหกรณ์ เกษตรกร ผู้บริโภคและชุมชนจะได้ประโยชน์ร่วมกัน รายได้ก็จะกลับมาสู่ชุมชน ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจคือ “โครงการธรรมชาติบำบัด” ที่เสนอให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติบำบัด ชักจูงกลุ่มเป้าหมาย และแนะนำการใช้ปุ๋ยหมักแทนสารเคมี การทำปุ๋ยหมักที่ใช้ต้นทุนน้อยและดีต่อเกษตรกรและผู้บริโภค ได้ผลผลิตดี ประหยัดค่าใช้จ่ายและเกษตรก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น

อาจารย์สมพร ศรีอุดมพร จากสถาบันพลศึกษาวิทยาเขตอ่างทอง ได้กล่าวถึงการที่ได้มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ว่า “ได้รับหนังสือจากทางสถาบันไทยพัฒน์ ก็เลยตัดสินใจมาทั้งๆ ที่ติดภารกิจ เพราะหัวข้ออบรมในกิจกรรมสัมมนานี้ ตรงกับที่จะสอนเด็กคณะศิลปศาสตร์พอดี เลยเลือกที่จะมาร่วมอบรมในวันนี้ โดยจะสอนเกี่ยวกับนันทนาการเชิงพาณิชย์ เลยคิดว่าข้อมูลวันนี้น่าจะเกี่ยวข้องกัน การมาจัดตามส่วนภูมิภาคเป็นสิ่งที่ดี ทำให้องค์กรธุรกิจในต่างจังหวัดได้รับความรู้เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจที่ควรจะมีต่อชุมชน แล้วก็น่าจะมีการบรรจุวิชาหน้าที่พลเมืองในหลักสูตรยุคนี้ด้วย เพราะเด็กสมัยนี้ขาดคุณธรรม จริยธรรมกันซะเยอะ”

ในวันนี้เราไม่มีตะกรุดแจกครับ ฮ่าๆๆ มีแต่เสื้อแคมปัสสีขาว ได้มีผู้ให้ความสนใจจะไปร่วมงานแคมปัสระดับภาคที่ชลบุรี แต่ก็ถามว่าที่พักฟรีไหม ฮ่าๆ พี่คนที่ถามเนี่ยะ เอารางวัลเราไป 3 ชิ้นแล้ว ไม่คิดลงทุนเลยนะครับ และยังอยากให้เราไปจัด CSR Day ให้ถึงองค์กรของเธอ แต่ก็บอกว่าอาหารว่างเอามากันเองด้วยนะ โหววววว...อะไรจะรักบริษัทขนาดนั้น ผู้บริหารได้ยินนี่รักตายเลย ผมเลยบอกไปว่า พี่จะเอาอะไรกับผมอีกคร๊าบบบ..และแล้ว..ก็มาถึงเวลาที่ต้องจากกัน ผมได้กล่าวปิดงานอย่างเป็นทางการ เราได้เก็บของกันอย่างรวดเร็ว เพราะวันนี้ พวกเราจะได้เดินทางกลับบ้านแล้ว ไชยโยยย..คิดถึงบ้านมาก คิดถึงหมาผมด้วย กำลังท้องอยู่เลย และผมคงต้องเตรียมตัวตอบคำถามแม่ผมด้วย กะว่าถึงบ้านปุ๊บ ผมจะวิ่งขึ้นไปนอนเลย หลีกเลี่ยงการตอบคำถาม ฮ่าๆๆ

รถของเราได้เคลื่อนตัวออกจากจังหวัดอ่างทองมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ และได้มาแวะทานอาหารเวียดนามร่วมกันก่อนที่ผมจะขอแยกตัวกลับบ้านก่อน แหม่...แต่พี่ๆ ก็ใจดีครับ กลัวผมจะยืนรอรถนานจึงได้ขับมาส่งถึงหน้าบ้านเลย โออ มันช่างสุดยอดอะไรปานนั้น อาจจะเป็นเพราะวันที่เราไปสระบุรีผมรอนาน วันนี้พี่ๆ เลยมาส่งถึงที่ คงไม่ใช่อย่างนั้นครับ พี่ๆ ทุกคนเอ็นดูผมจะตาย เวลาทานอะไรก็ตักให้เอาๆ จนผมเป็นแบบนี้แล้ว ทริปนี้ผมขึ้นมาอืม...เกือบ 2กิโลกรัมเห็นจะได้ครับ

หมาที่บ้านก็วิ่งออกมาในขณะที่ประตูบ้านเปิดและได้เห่าพี่ๆ กันยกใหญ่ แต่จะทำไรได้ครับหมาพันธุ์ปลั๊ก เตะทีเดียวก็หนีแล้ว เหอๆ ผมก็ได้ขอบคุณพี่ๆ และได้ยืนส่งที่หน้าบ้าน จนรถตู้ได้เคลื่อนตัวออกไป เอาละครับเวลาตอบคำถามมาถึงแล้ว....แม่ผมก็ซัดเลย ถามๆๆๆ จำไม่ได้ว่าถามอะไรไปบ้างครับ แต่ก็ตอบอย่างรวดเร็ว และได้ปลีกตัวในขณะที่แม่เอาข้าวเข้าปาก เพราะท่านไม่พูด ผมก็หนีซิ อยู่ทำไม พ่อผมก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะรู้ว่าผมขี้รำคาญ ฮ่าๆ

ครับสำหรับในทริปต่อไปกลุ่ม “อ้วนดำขาใหญ่” เราจะไปที่ไหนนั้น ได้โปรดติดตามนะครับ เพราะถ้าคุณไม่ติดตาม !!คุณจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง!! 5555 ขอยืมมาใช้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ


2 ความคิดเห็น:

  1. ดีใจด้วยนะ ได้ทำงานด้วยเที่ยวด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่อาร์ทตัวแม่จะกลัวแมลงสาบ ฮ่าๆๆๆ

    คุณเยี่ยมมาก ที่เกลี้ยกล่อมคนเข้าอบรมให้มีอารมณ์ร่วมสนุกสนานเฮฮาในการอบรม...หุหุ

    เห็นด้วยกับการเสนอกิจกรรมที่ส่งเสริมการอยู่อย่างพอเพียง การไม่เบียดเบียนกัน ถ้าทุกคนทำได้ ประเทศไทยก็จะสงบสุขร่มเย็น คุณว่าไหม???

    เอาใจช่วยนะ...CSR Campus สู้ๆ

    ตอบลบ
  2. ทีมงานหน้าตาดีทุกคนเลยคะและเก่งด้วย มีความรู้ความสามารถ และขอบคุณที่นำความรู้ที่มีมาเผยแพร่ให้ทุกๆ คนคะ

    ตอบลบ