วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สุพรรณบุรี


สวัสดีครับ!! คิดถึงกันบ้างไหมครับ!! ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ของการว่างเว้นจากแคมปัส กระผมได้มีโอกาสออกกำลังกายเล่น Fitness เพื่อให้กลับมาหุ่นดีขึ้น พร้อมรับมือกับอาหารแต่ละมื้อที่จะต้องเจอในการเดินทางครั้งนี้ครับ ว้าวๆๆ...นี้มันไม่ใช่ทริปชิมทั่วไทยนะครับ การเดินทางในครั้งนี้เราจะต้องไปถึง 4 จังหวัดด้วยกัน ทุกๆ จังหวัดจะอยู่ในโซนภาคกลางแถบตะวันตก หรือจะว่าฝั่งตะวันตกของประเทศไทยก็ได้ครับ

ในระหว่างการเดินทางนั้น สองฝั่งข้างทาง ช่างสงบและมืดยิ่งนัก นั่นเป็นเพราะผมหลับ ฮ่าๆๆ ตื่นมาอีกทีก็เห็นหอคอยบรรหาร ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าเรามาที่ไหนกัน จ.สุพรรณบุรีแน่นอนครับ สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่ก็ต้อง วัดป่าเลไลยก์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองมังกรสวรรค์ สวยงามมากๆ ครับ ทั้งแสงสีที่ส่องไปถึงตัวมังกร เห็นแล้วผมตาค้างเลยครับ “โอว!! แม่จ้าว.....มังกรคนสุพรรณใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ” (ต้องทำสำเนียงคนที่นี่ด้วยนะครับ)สงสัยจะใช้งบประมาณมั่กมั่ก

หลังจากได้ถ่ายรูปที่น่าประทับใจแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ร้านอาหาร “บ้านตอไม้” สถานที่ซึ่งดาราดังๆ หลายท่านมารับประทานอาหารกันค่อนข้างเยอะครับ สังเกตได้จากรูปถ่ายบริเวณทางเข้า บรรยากาศดีมากครับ เป็นโต๊ะติดกับบ่อน้ำและมีปลาเยอะมากๆ อาหารปลาก็แค่ 25 บาทครับ เยอะด้วยเป็นถังเยยย... บรรเลงจบของคาว จนมาถึงของหวาน...หมดครับ เราเลยไปต่อกันที่ร้านไอติมชื่อดังที่น่าจะไม่มีใครไม่รู้จัก Swensens ฮ่าๆๆ มาตั้งไกลมากิน Swensens มันช่างยอดมาก (ในเมืองไม่มีมั้งเนี่ย)

รุ่งอรุณต่อมา ณ โรงแรมอู่ทองแกรนด์ ผมอาจจะตื่นสายซักเล็กน้อยครับ เพราะเมื่อคืนผมได้ดูรายการ “Tonight Show” ประทับใจกับโรงแรม 7 ดาวที่ “อาบูดาบี” ทุกอย่างต้องมีทองเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งนั้นเลย เกินพอดีไปหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่แน่ใจครับ ขนาดขนมหวานหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังมีทองที่ใช้โรยและรับประทานได้ด้วย ราคาต่ำสุดที่จะเข้าพักต่อคืนก็แค่ 800,000 – 1,000,000 บาทเท่านั้นเองครับ (ผมว่าจะไปซักเดือน -_-‘) ถูกกว่ารถเบนซ์หน่อยเดียวเองครับ เหอๆๆ ว่าจะไปนอนข้างๆ กำแพงนะครับ เผื่อทองจะติดผิวผมมาบ้าง

วันนี้มีผู้เข้าอบรมค่อนข้างเยอะมาก ช่วงลงทะเบียนก็มายืนต่อคิวกันเต็มไปหมดเลยครับ ไม่รู้มาจีบผู้ช่วยสาวสวยของทางสถาบันฯ เรารึป่าว ฮ่าๆ ทุกท่านได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และผมได้พูดคุยกับน้องๆ บ้าง มีแซวบ้าง เพราะวัยก็ไม่ได้ไกลกันเท่าไร การบรรยายได้เริ่มขึ้นอย่างอบอุ่นคึกคักประมาณ 9.30น. มีผู้ให้ความสนใจกับวีดีทัศน์ของเรา และต้องการข้อมูลเพื่อจะเอาไปเผยแพร่ให้กับนักศึกษาและเพื่อนๆ พนักงานในองค์กรให้ได้รับความรู้ และได้ตระหนักถึงความเสื่อมโทรมของโลกในขณะนี้ ดูสภาพว่าโลกเราเป็นยังไง เสียหายขนาดไหน และเราทุกคนควรจะคิดและตอบแทนยังไง ส่วนน้องๆ นักศึกษาเองก็มีการยกมือตอบเวลาที่ผมมีเกมคำถาม และเวลาที่ท่านวิทยากรถามกันอย่างขะมักเขม้นครับ

ในช่วงเบรค หลังจากที่ได้จัดโต๊ะกลุ่มเรียบร้อยแล้วนั้น มีพี่ผู้หญิงชมวิทยากรผ่านทางผมว่า อบรมได้เข้าใจง่ายและมีความรู้เยอะ ผมก็ดีใจไปด้วย เหอๆ มีการพูดคุยกับท่านที่เข้าร่วมอบรมเมื่อปีที่แล้ว จาก SAR (Search And Rescue) อารมณ์คงเป็นหน่วยกู้ภัยครับ ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และกิจกรรมต่างๆ และได้พูดถึงงานที่ท่านทั้งหลายได้ทำมาว่าเกี่ยวเนื่องกับ CSR เพราะการช่วยเหลือชีวิตคน ถือเป็นบุญอย่างมาก มีการพูดถึงเรื่องดำน้ำและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกันในด้านต่างๆ อีกด้วย

ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องหน้าที่พลเมืองนั้น มีน้องคนหนึ่งได้ชี้ว่าเราควรมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นประมุขแห่งชาติ และอยากเห็นองค์กรธุรกิจส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนื่ยวจิตใจ รวมทั้งใช้เป็นหลักในการทำงานและดำเนินชีวิต ขณะที่ตัวแทนจากโตโยต้าสุพรรรบุรี ได้ให้ความสำคัญกับหัวข้อการเป็นผู้มีความพากเพียรและเลี้ยงชีพโดยชอบธรรมและการมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยขยายความว่า ต้องทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม สุจริต ไม่เอาเปรียบ และปฏิบัติตนอย่างพอเพียง ทั้งยังเน้นว่า อยากให้ผู้ประกอบธุรกิจแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และต้องอยู่ในศีลธรรม ต้องส่งเสริมและปลูกจิตสำนึกที่ดีในส่วนของความเป็นพลเมืองบรรษัทด้วย ส่วนน้องนักศึกษาอีกท่านหนึ่งได้ย้ำถึงว่าต้องมีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุดแล้ว เพราะปิดท้ายด้วยภาษิต ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วครับ

ในระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน เราได้ร่วมโต๊ะกับอาจารย์จากวิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ได้เอ่ยปากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองสุพรรณเป็นฉากๆ จากนั้น ผมได้ขอปลีกตัวมานั่งในห้องอบรมก่อน หลังจากที่จัดการกับอาหารในส่วนของผมเรียบร้อยไปแล้ว ในระหว่างนั้น ผมก็ได้มีโอกาสพบกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเคยเป็นทหารเรือและได้ทำงานรับใช้ราชการและสังคมมาโดยตลอด ได้กรุณาเข้ามาพูดคุยพร้อมให้คำแนะนำว่า ถ้ามีหนังสือที่เกี่ยวกับ CSR ให้กับเด็กๆ ที่มาในวันนี้ด้วย ก็น่าจะช่วยเสริมความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ผมก็เลยรู้สึกประทับใจกับความปรารถนาดีและความเสียสละของท่านไปด้วยครับ

ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ช่วงบ่ายที่เป็นเวิร์คช็อปการทำ CSR เชิงระบบนั้น ท่านแรกได้หยิบยกหัวข้อการบูรณาการเรื่อง CSR ทั่วทั้งองค์กร ด้วยการจัดทำโครงการที่คำนึงถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผล การแยกแผนกตามความถนัดของผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อให้ปฏิบัติได้จริง ทั้งภาครัฐ เอกชน เจ้าของกิจการและสถาบันการศึกษาก็จะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น ท่านต่อมาได้เสนอว่าอยากให้เพิ่มความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กรให้มากขึ้น ด้วยการจัดอบรม CSR ทั้งในองค์กรและในชุมชน การสร้างกิจกรรมให้พนักงานได้มีส่วนร่วมอย่างง่ายๆ ภายในองค์กรและบริเวณใกล้เคียง สำหรับท่านที่นำเสนอเป็นรายสุดท้าย อยากให้เพิ่มการสื่อสารเรื่อง CSR อยากให้มีการประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ CSR มากที่สุด ด้วยการจัดกิจกรรมนันทนาการสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับ CSR ในชุมชนและในสถานศึกษา ซึ่งจะทำให้ทุกคนเกิดความเข้าใจ และสร้างเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคมโดยรวม

มาถึงกิจกรรมสร้างสรรค์ท้องถิ่น เราได้โครงการที่น่าสนใจมาก ชื่อว่า “โครงการศูนย์สุขภาพไฮเทค” ที่มีแนวคิดของการสร้างสวนสาธารณะที่ร่มรื่น มีบ่อน้ำ และเป็นธรรมชาติ ทำให้เป็น “ปอด” ของจังหวัดสุพรรณบุรี มีการรวบรวมวัสดุเหลือใช้ เพื่อนำมาประกอบเป็นเครื่องออกกำลังกาย ออกแบบอุปกรณ์ให้สามารถสร้างพลังงานได้ด้วย เช่น ถังเก็บพลังงาน แผงโซล่าเซลล์ และยังเสนอให้มีห้องสมุดและอินเทอร์เน็ตอยู่ในพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไป รวมทั้งต้องมีการบำรุงรักษาอุปกรณ์และพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการบริหารจัดการที่ดี ด้วยความร่วมมือของหลายๆ หน่วยงานในจังหวัด ทั้งภาครัฐและเอกชน

อีกกิจกรรมเป็นเรื่องของ “โครงการใช้ปุ๋ยชีวภาพแทนปุ๋ยเคมี” ที่เสนอให้มีการจัดกลุ่มประชาสัมพันธ์ในแต่ละชุมชน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลในเรื่องอันตรายและโทษของการใช้ปุ๋ยเคมี มีการอบรมให้ความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติเพื่อให้ชาวบ้านสามารถทำปุ๋ยชีวภาพใช้เอง เกษตรกรจะได้ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ มีสุขภาพดีและสิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้นด้วย

และอีกหนึ่งโครงการที่ได้จากการระดมสมอง คือ “โครงการหัวใจสีเขียว” ที่เป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนซึ่งกำลังรณรงค์กันอยู่ในขณะนี้ โดยจะเริ่มจากการขอความอนุเคราะห์ต้นไม้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หาสถานที่ปลูกต้นไม้ ติดป้ายเชิญชวนให้ทุกๆ คนปลูกต้นไม้ จะได้ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อีกทั้งยังช่วยลดความแห้งแล้ง และภัยธรรมชาติ รวมทั้งสร้างความสามัคคีในชุมชนให้เกิดขึ้นด้วย

อาจารย์สุเทพ ลิอุบล จากโรงเรียนอู่ทอง ได้กล่าวว่า “ได้รับความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาการทำงานร่วมกันในองค์กรและในสังคมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมทั้งยังสามารถนำเอาความรู้ไปพัฒนาด้านการสอนแบบมีส่วนร่วมทั้งกิจกรรมและการเรียนได้ ผมได้ยินเกี่ยวกับ CSR เป็นครั้งแรก และคิดว่าดีมาก การศึกษาในโรงเรียนขณะนี้ได้นำเอาแนวพระราชดำริมาประยุกต์อยู่แล้ว ถ้าเอาแนวความรู้ด้าน CSR มาช่วยเสริมทั้งในระยะใกล้และไกล ก็จะสามารถช่วยให้คุณภาพการศึกษาดียิ่งขึ้น”

อาจารย์อุดม ทองสุข จากวิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี ได้พูดคุยกับกระผมว่า “วันนี้ได้รับความรู้หลายส่วน และได้รู้ว่ายังมีหน่วยงานอย่างนี้อยู่ในเมืองไทย จริงๆ แล้วไม่เคยได้ยินเลย คิดว่าการมาจัดอบรมนั้นดีมาก เป็นการส่งเสริมให้คนรู้จักความรับผิดชอบ ตอนนี้ไม่มีการสอนหน้าที่พลเมือง ทำให้คนเห็นแก่ตัวเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะตัวเอง หรือการประกอบธุรกิจต่างๆ การมาอบรมในวันนี้ เหมือนกับการเริ่มรับความรู้จากจุดเล็กค่อยๆ จุดประกาย และค่อยๆ ขยายออกไป อย่างน้อยจะได้รู้ว่า คนอื่นๆ คิดกันอย่างไร ทำอย่างไร ที่สำคัญ ต้องมีการรู้ตัวเองว่า ควรทำตัวอย่างไรและปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร เช่น การไม่ควรไปล้ำเส้นประชาธิปไตยของคนอื่นๆ”

ส่วนอาจารย์เอกชัย วาสิกศิริ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย อ.ดอนเจดีย์ ได้ให้ทัศนะว่า “เรื่องหน้าที่พลเมืองควรนำไปประยุกต์ใช้อย่างยิ่ง เพราะคนสมัยนี้ลืมในเรื่องของความเป็นพลเมืองที่ดี ในอดีตเราเคยมีการสอนในจุดนี้ แต่ในปัจจุบันได้หลงลืมไปมาก ทำให้คนละเลยต่อหน้าที่ความรับผิดชอบที่ควรจะเป็นครับ” พร้อมกล่าวเสริมว่า “การสัมมนาครั้งนี้ มีประโยชน์อย่างยิ่งครับ ได้เห็นถึงกระบวนการที่เราควรจะเอาใจใส่ต่อสังคม การมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่ซึ่งองค์กรทุกแห่งควรจะตระหนักในส่วนนี้ เป็นการดีมากที่มาจัดในต่างจังหวัด เพราะโอกาสที่จะเข้าถึงการอบรมที่เป็นประโยชน์อย่างนี้มีค่อนข้างน้อย ต้องขอขอบคุณทั้ง แคท ดีแทค โตโยต้า และสถาบันไทยพัฒน์”


ก่อนปิดการอบรมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันนี้ กระผมได้กล่าวถึงกิจกรรม CSR ระดับภาคกลาง ที่จะมีขึ้นที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ และได้ให้ผู้ที่สนใจติดต่อกับทีมงานสาวสวยของเรา หรือเข้าไปดูได้ที่ www.csrcampus.com หรือท่านที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ CSR ก็เข้าไปดูได้ที่ www.thaicsr.com ครับ ก็ได้มีผู้ที่แสดงความสนใจจะไปร่วมกิจกรรมในระดับภาคกันพอสมควร

ท่านวิทยากร อาจารย์วุฒิพงศ์ บัวบุตร์ พร้อมกันกับกระผม ก็ได้กล่าวสวัสดีกับทุกๆ ท่าน และขอให้แยกย้ายกันกลับโดยสวัสดิภาพ แต่ผมก็กล่าวเสริมท้ายไปว่า เอ่อ...ขณะนี้ ข้างนอกฝนตกหนักมากครับ จะนั่งคุยกันอยู่ในนี้ก่อนก็ได้นะครับ จะได้ไม่คิดถึงกันมาก เหอๆๆ แต่น้องๆ นักศึกษาต่างเดินมาบอกลาว่า ไปก่อนนะพี่ ผมก็ยิ้มรับครับ แหม่..เด็กๆ ในวันนี้เยอะครับ เพราะมากัน 2 สถาบันเลย แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ


3 ความคิดเห็น:

  1. ช่วงนี้ฝนเริ่มตกอีกแล้วนะคะ รักษาสุขภาพด้วยเน้อ เป็นห่วงกลัวไม่มีคนเขียน blog สนุกๆให้อ่านจ้ะ

    ตอบลบ
  2. โห.....มังกรยักษ์ อู้ยยยยยยยยยย

    กับช้างน้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

    พักผ่อนเยอะๆ นะจ้ะ เวลานอนก็นอน (ยิ่งมีเวลา...น้อย)

    จะตามติดไปตลอดนะคะ อ่านโครงการแต่ละจังหวัดดีๆหมดเลย ชอบคะชอบ....

    ตอบลบ
  3. น้องก็ได้เข้าอบรมเหมือนกันค่ะ

    แวะมาชมค่ะ

    ได้รับความรู้และสนุกด้วยค่ะ

    ตอบลบ