วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แม่ฮ่องสอน





ตอนนี้รถตู้เราก็ออกเดินทางไปแม่ฮ่องสอนผ่านเส้นแม่ริมแล้วครับ ซึ่งกระผมหลับไม่ตลอดทางเพราะดันมาตื่นประมาณ 1 ทุ่มกว่า ๆ หลังจากพวกพี่เค้าบอกกับผม ก็ต้องตกใจครับว่าเราต้องวนเวียนกับโค้งเหล่านี้จนถึง 4 ทุ่มครึ่ง (ในใจคิดว่าเอาแล้วเรามีอ้วกแน่เลย) บรรยากาศในรถตู้ตอนนี้พวกพี่ ๆ ก็นัดกันหลับกันหมดแล้วครับ เหลือกระผมกับพี่รถตู้ท่านเดิมซึ่งระหว่างทางที่รถตู้เราผ่านทั้ง 2 ข้าง เต็มไปด้วยต้นไม้ทั้งนั้นครับ สภาพถนนก็คดเคี้ยวเหลือเกินครับรวมถึงมีฝูงวัวมารอรับการมาเยือนของพวกเราโดยขวางถนนรวมประมาณ 5 จุดได้ (เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างมาก…อดรีนารินหลั่งอย่างต่อเนื่อง) บีบแตรไล่ก็ไม่ได้นะครับเพราะวัวเป็นสัตว์ขี้ตกใจ (ตกใจเสียงแตร แต่ไม่ตกใจว่ารถจะมาชน) ก็เลยต้องวิ่งด้วยความเร็วเนิบ ๆ ๆ ยะ เนิบ ๆ ๆ จนตอนนี้เรามาถึงตัวเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนในเวลา 22.30 น.ครับ โดยใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาทีด้วยกัน

ต้องยอมรับว่าสภาพทั่วไปในอำเภอเมืองค่อนข้างเจริญพอสมควรนะครับเมื่อเทียบกับจังหวัดที่ผ่านมา แถมจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีป่าไม้เยอะมาก (ส่วนตัวกระผมชอบนะครับ อากาศที่นี่น่าจะดีมากอย่างแน่นอน) ตอนนี้เราเดินทางมาถึงโรงแรมอิมพีเรียล ธารา แม่ฮ่องสอนแล้วครับ สภาพโรงแรมหรูอย่างยิ่งมีต้นไม้เป็นบริเวณเยอะมากอีกด้วยแต่ตอนนี้พวกเราไม่มีแรงที่จะมาถ่ายรูปกันแล้วครับ พอได้กุญแจห้องพักเรียบร้อยก็ใส่เกียร์ 5 เพื่อเตรียมไปพักผ่อนแล้วครับ ส่วนของกระผมเมื่อเข้าห้องพักเรียบร้อยก็อาบน้ำเตรียมนอนเลยครับ ... แหม ก็ผ่านมาตั้งพันกว่าโค้งไม่เพลียก็ Super Man แล้วครับ และก่อนที่กระผมจะพริ้มตาหลับลงก็ได้เห็นภาพ Super Man!! คนหนึ่งใส่แว่นกำลังดูหนังอยู่ (สุดยอดมากครับพี่บอย)

ตอนนี้กระผมก็ตื่นนอนแล้วครับแต่เมื่อมองไปเตียงข้าง ๆ ก็เห็นภาพ Super Man ท่านดังกล่าวหน้าเพลียเหมือนกัน (แหม ก็นอนตอนตี 1นี่นา) กระผมจึงไม่กล้าปลุกแต่อย่างใด กระผมเลยรีบไปอาบน้ำก่อนละกันสักพักพี่บอยก็ตื่น เมื่ออาบน้ำและแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราจึงรีบไปทานอาหารเช้าทันทีซึ่งวันนี้พื้นที่ในการทานอาหารเช้าของพวกเราร่มรื่นมากครับมีแต่ป่าล้อมรอบเต็มไปหมด (แม้ป่าจะเยอะ แต่ไม่มีไม้ป่าเดียวกันนะครับ) บรรยากาศช่างดีเหลือเกินครับ หลังจากเรารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยตอนนี้ทีมงานก็เริ่มมุ่งหน้าไปสู่ห้องประชุมเพื่อเตรียมงาน CSR Campus ทันทีครับ โดยในวันนี้ผู้เข้าอบรมมาเข้าร่วมกันอย่างพอประมาณแต่ห้องประชุมดันใหญ่เว่อร์มาก ผู้เข้าร่วมจึงโดนปัญหาแอร์หนาวเกินไปกันถ้วนหน้าเลยครับ แต่มองอีกแง่ก็เป็นแง่ดีนะครับที่ผมเข้าร่วมอบรมจะได้นั่งใกล้ชิดกัน งานสัมมนาก็เลยดูอบอุ่นมากขึ้นจริงไหมครับ

มาในกิจกรรมแรกก็คือ กิจกรรรมหน้าที่พลเมืองและพลเมืองบรรษัทซึ่งมีหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนดังนี้ อาทิ การเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม ด้วยการทำหน้าที่ของครูผู้สอนอย่างเต็มความสามารถด้วยการประสิทธิประสาทวิชาตามที่ตนเองได้เรียนมาให้แก่ผู้เรียนอย่างเต็มความสามารถ ส่วนอีกท่านเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนในศาสนาอย่างเคร่งครัดด้วยการปฏิบัติศีล 5 ตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างเป็นนิสัยและสวดมนต์รวมถึงเข้าวัดทุกวันอาทิตย์เพื่อทำให้จิตใจผ่องใสอีกด้วย ส่วนพลเมืองบรรษัทมีหัวข้อดังนี้ อาทิ อยากให้ธุรกิจมีการเปิดเผยข้อมูลและรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานอย่างถูกต้องและโปร่งใสเพื่อเผยแพร่ข้อมูลของธุรกิจที่สำคัญเหล่านั้นแก่ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะทำให้ประชาชนทราบแนวทางที่แน่ชัดในการทำงานของบริษัทอีกด้วย ส่วนอีกข้อ คือ อยากให้ธุรกิจส่งเสริมให้พนักงานมีศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเพราะว่าหากพนักงานในบริษัททุกคนยึดหลักศีล 5 สังคมจะไม่เดือดร้อน

ต่อมาเป็นกิจกรรม CSR เชิงระบบซึ่งมีหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้ อาทิ การสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR ขององค์กรโดยเริ่มจากการนำความรู้ที่ได้จากการอบรมในวันนี้ไปเผยแพร่ให้เพื่อนร่วมงานและผู้บริหารในเวทีประชุมประจำเดือน ทำเอกสารเผยแพร่เรื่อง CSR แจกจ่ายให้กับบุคลากรในบริษัทด้วย และสร้างวัฒนธรรมองค์กรด้วย CSR อย่างสม่ำเสมอ ส่วนอีกข้อก็เป็นหัวข้อการสร้างความเข้าใจในเรื่อง CSR เช่นเดียวกันแต่จะแตกต่างโดยเน้นในเรื่องกระบวนการในการจัดทำ CSR แก่องค์กร มีการวิเคราะห์กิจกรรมและการดำเนินการเกี่ยวกับ CSR ภายในองค์กรอีกด้วย รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการหลังการประเมินผลในกิจกรรม CSR อีกด้วย

และก็มาถึงกิจกรรม Creative CSR ซึ่งมีโครงการที่น่าสนใจสำหรับชาวแม่ฮ่องสอนดังนี้ อาทิ “โครงการรวมใจป๊อก Detox ท่องเที่ยว” โดยเป็นโครงการที่สนับสนุนการท่องเที่ยวในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีโดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และการรักษาสุขภาพผ่านการทานอาหารประเภทสมุนไพรโดยจะยกอาหารที่เด่น ๆ ด้านสมุนไพรในแต่ละอำเภอมาเป็นจุดขายหลัก ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนหลักให้เกิดแก่การท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกด้วย

ส่วนโครงการต่อมา คือ “โครงการขับขี่ปลอดภัยในแม่ฮ่องสอน” เนื่องจากในจังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีปัญหาการเกิดอุบัติเหตุอยู่มากจึงมีการจัดโครงการนี้โดยเริ่มจากการจัดอบรมความรู้ด้านการขับขี่และการใช้รถใช้ถนนให้ถูกต้องตามกฎหมายจราจร และปรับปรุงป้ายบอกทางรวมถึงเครื่องหมายจราจรให้ถูกต้องชัดเจนซึ่งเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกด้วย

วันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ท่านหนึ่งครับ ท่านชื่อว่า อาจารย์เบญจวรรณ ศรีแก้วเลิศ จากวิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน โดยท่านได้กล่าวว่า “ปกติก็มีการปฏิบัติตามหลัก CSR มาโดยตลอดแต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรียกว่าอะไร จนมาฟังสัมมนาในวันนี้ถึงรู้ว่าสิ่งที่เราประพฤติปฏิบัติรวมเรียกว่า CSR นั่นเอง โดยต้องนำเรื่องดังกล่าวไปชี้แจงให้นักเรียนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนักเรียนจะได้นำความรู้เรื่องนี้ไปประพฤติในการทำงานเพื่อให้งานเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทต้องนำไปถ่ายทอดนักเรียนอย่างแน่อนเพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญซึ่งจะทำให้การทำงานเป็นธรรมและเป็นระบบ รวมถึงการคดโกงการทุจริตก็จะน้อยลงอีกด้วย”

ตอนนี้งาน CSR Campus ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ได้จบลงแต่การเดินทางของผมยังไม่จบนะครับ ในช่วงที่เก็บของอยู่กระผมก็มีโอกาสคุยกับชาวแม่ฮ่องสอนท่านหนึ่งว่า กระผมช่างอิจฉาชาวแม่ฮ่องสอนเหลือเกิน เพราะจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีต้นไม้ล้อมรอบจำนวนมากและอากาศก็น่าจะดีกว่าจังหวัดอื่น ๆ ด้วย ซึ่งคุณพี่ท่านนี้ได้กล่าวว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากเหมือนกันโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นชาวละตินอเมริกันด้วย และชาวแม่ฮ่องสอนส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทยใหญ่หรือกกประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของจังหวัดเลยทีเดียว (เยอะมากครับ) กระผมก็ได้แต่หวังว่าช่วง High Season ปีนี้จะมีรายได้มากมายเข้ามาสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอีกเยอะนะครับ

หลังจากเราเก็บสัมภาระเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้าไปพักที่อำเภอปายก่อนครับ และเช้าวันพรุ่งนี้เราก็จะออกเดินทางจากอำเภอปายไปงาน CSR Campus ระดับภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่อีกทีครับ ซึ่งระหว่างทางเราก็แวะถ่ายรูปกันด้วย (เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายรูปครับ) โดยบริเวณที่เราถ่ายรูปนั้นก็จะมีชาวเขาทั้งหญิงสาวและเด็กทารก (เห็นตามนั้นจริง ๆ) ทางทีมงานเราจึงตกลงกันว่าจะนำขนมที่เราได้เหลือจากโรงแรมไปให้แก่ชาวเขาเหล่านี้ ซึ่งต้องบอกว่าเหลือเชื่อเลยครับเมื่อกระผมทำสัญญาณว่ากำลังนำขนมมาให้พวกชาวเขา ขณะนั้นเองชาวเขาเหล่านี้ก็ต่างวิ่งกันเข้ามาเหมือนกระผมแจกทองคำอย่างงั้นเลยทีเดียว (สิ่งของบางอย่างอาจจะไม่มีค่าสำหรับเรา แต่มีค่ามากสำหรับคนอื่น ก็เป็นไปได้นะครับ คำคมปิดท้าย) หลังจากมอบขนมและทุกคนนั่งอมยิ้มด้วยความเปี่ยมสุขจน (หัวใจพองโต...ถึงแม้จะโตแบบไม่สมดุล ตามรูป... คิๆ) เป็นที่เรียบร้อยรถตู้ของเราก็มุ่งหน้าสู่อำเภอปายเต็มกำลังเลยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น