วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ภูเก็ต

หลังจากเราเดินทางออกจากจังหวัดสงขลาแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดภูเก็ตทันทีเพราะเรามีงาน CSR Campus ในจังหวัดภูเก็ตต่อเนื่อง ในวันจันทร์ครับเราจึงใช้เวลาในช่วงเสาร์อาทิตย์ในการศึกษาข้อมูลในจังหวัดภูเก็ตพอสมควร (แถวบ้านเรียกเที่ยวครับ) โดยเราได้ไปเที่ยวสระมรกตที่จังหวัดกระบี่กับทีมงานคุณแม๊กซ์ด้วย แหม สนุกสนานมากครับ (เหนื่อยหอบมากมาย) โดยเราได้เดินทางโดยใช้เท้าของเราภาษาอังกฤษบอกว่า By Foot ประมาณ 3 กิโลกว่า ๆ (รวมระยะทางไปกลับ) แต่ธรรมชาติที่เราเห็นก็ถือว่าคุ้มค่าครับ กระผมก็มีโอกาสได้เห็นประวัติของบ่อมรกตด้วยครับ สมัยก่อนชาวบ้านเชื่อว่ามีกินรีมาว่ายเล่นกันในบ่อนี้อีกด้วย แต่เท่าที่ผมมองดูไม่มีกินรีสักตัวเลยครับเห็นแต่นางสาว(สัญชาติ)ไทยเท่านั้นเองดังรูปนะครับ

หลังจากที่เราสนุกสนานกับการเที่ยวกระบี่พอสมควรและชักภาพร่วมกันจนหนำแล้ว เราก็ทำการแยกทางกับทีมคุณแม๊กซ์เพื่อไปสู่จังหวัดภูเก็ตเป็นเป้าหมายต่อไปโดยในช่วงที่กระผมตะลอนอยู่จังหวัดภูเก็ตกระผมก็ไปเที่ยวอำเภอป่าตอง และอำเภอเมืองภูเก็ตอีกด้วยโดยต้องกล่าวว่าต่างกันสิ้นเชิงเพราะดูเหมือนอำเภอป่าตองคล้ายเป็นเมืองฝรั่งไปแล้ว ฝรั่งเยอะมากครับ ส่วนอำเภอเมืองก็จะเหมือนอำเภอเมืองตามต่างจังหวัดทั่วไป ซึ่งเส้นทางในการเดินทางจังหวัดภูเก็ตช่วงนี้ถือว่าติดพอสมควรครับเพราะช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลถือศีลกินเจเช่นกัน (ขออนุโมทนาบุญสำหรับผู้กินเจด้วยนะครับ)

หลังจากเราเที่ยวกันเสร็จเรียบร้อยเราก็มาพักพิงกันที่โรงแรมเพิร์ลภูเก็ตครับ ซึ่งกระผมก็นั่งดูข่าวนิดหน่อยเพื่อเสริมความรู้นิดนึงซึ่งคลื่นทีวีก็ไม่มีความชัดเจนซักเท่าไรก็จึงฟังได้บ้างไม่ได้บ้างสลับกันไป พอใกล้ 23.00 น.ผมก็เลยขอตัวนอนแล้วครับเพราะว่าก็ค่อนข้างเพลียสะสมอยู่เหมือนกัน ต้องบอกเลยครับว่าเตียงบวกผ้าห่มที่นี้เข้ากันมาก นุ่มจนผมหลับลึกไม่รู้เรื่องจนถึงเวลา 6.15 น.เลยทีเดียว ตอนตื่นมาฟ้ายังมืดมากเลยครับทีแรกก็งงว่าทำไมจังหวัดภูเก็ตพระอาทิตย์ขึ้นช้าจัง แต่พอมาเช็คกับนาฬิกาข้อมืออีกทีถึงรู้ว่าเราตื่นประมาณ 6.00 น.เช้าแหน่ะ กระผมจึงต้องซื่อสัตย์กับตนเองด้วยการนอนต่อจนถึง 6.15 น.ดังเดิม พอได้เวลาก็ตื่นทันทีเลยครับและปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเพื่อเตรียมลงมาทานอาหารเช้าด้วย โดยปกติตอนกระผมทานอาหารเช้าคนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไรเพราะว่าเราลงมาทานเช้ามาก แต่วันนี้มิใช่อย่างงั้นครับเพราะมีคนจีนประมาณ 100 กว่าคนลงมาทานด้วยเห็นจะได้บรรยากาศจึงแย่งกันหยิบอาหารพอสมควร หลังเสร็จศึกจากห้องอาหารแล้วกระผมก็มาเตรียมงาน CSR Campus เพื่อต้อนรับชาวจังหวัดภูเก็ตเป็นงานต่อไป

มาถึงกิจกรรมแรก คือ กิจกรรมหน้าที่พลเมืองซึ่งมีหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับชาวจังหวัดภูเก็ตดังนี้ อาทิ การเป็นผู้มีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประมุขแห่งชาติ เพราตั้งแต่จำความได้ก็รู้สึกว่าท่านเป็นผู้เสียสละต่อประเทศชาติบ้านเมืองอย่างมากมาย กระผมในฐานะพลเมืองคนหนึ่งก็ได้น้อมนำคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตอีกด้วย ส่วนอีกท่านได้เสนอหน้าที่ว่าเป็นผู้เชื่อฟังยำเกรงต่อพระราชกำหนดกฎหมายของประเทศบ้านเมืองทุกเมื่อ ด้วยการปฏิบัติตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ เช่น การปฏิบัติตามกฎจราจร เป็นต้น ส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทอยากให้ธุรกิจไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อน เพราะเท่าที่เห็นในปัจจุบันความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรธุรกิจยังขาดอยู่ ทั้งยังเอาเปรียบต่อผู้บริโภคจึงต้องการให้ธุรกิจทำหัวข้อดังกล่าว ส่วนท่านได้เลือกหัวข้อเช่นเดียวกันเพราะธุรกิจมีการส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน เช่น ธุรกิจสถานบันเทิงที่ไม่มีการควบคุมเสียงให้อยู่จำกัดภายในสถานบันเทิง เป็นต้น

ส่วนช่วงพักอาหารกลางวันกระผมก็มีโอกาสร่วมโต๊ะกับชาวภูเก็ตด้วยซึ่งก็ได้คุยเรื่องทั่วไปในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ความว่าส่วนใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตจะเป็นชาวจีนและเนื้อที่ส่วนใหญ่ก็จะมีชาวจีนเป็นเจ้าของซึ่งยังมีการล้อในโต๊ะอาหารด้วยว่า ลูกรักจะได้ที่ในบริเวณอำเภอเมือง ส่วนลูกชังได้ที่แถวป่าตอง (ได้ยินแบบนี้ถ้าผมเป็นลูกในตระกูลคงจะดื้อมาก ๆ เลยครับ) และในพื้นที่อำเภอป่าตองส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างจังหวัดกับชาวต่างชาติ โดยคนภูเก็ตจะอยู่ต่างอำเภอและอำเภอเมืองเป็นหลักเพราะฉะนั้นกระผมจึงคิดว่าปัญหาหนึ่งที่ต้องวนเวียนอยู่ในจังหวัดภูเก็ตก็คือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมแน่นอนเลย ...... หลังทานอาหารเสร็จกระผมก็มาเปิดหนังโฆษณาของ Dtac ในเรื่องสำนึกรักบ้านเกิดให้ชาวภูเก็ตชมซึ่งได้รับความสนใจพอสมควรทีเดียว

ต่อมาก็เป็นช่วง CSR เชิงระบบที่มีหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้ อาทิ การสร้างความเข้าใจใน CSR ขององค์กร โดยเริ่มจากการจัดบรรยายเกี่ยวกับ CSR โดยนำบุคลากรในองค์กรมารวมกัน และเมื่อมีความรู้เรียบร้อยก็นำความรู้ดังกล่าวมาร่วมกันคิดกิจกรรมที่ได้จากบุคคลากรรวมมีการแสดงละครเกี่ยวกับ CSR เพื่อให้ทุกคนดูหลังจากจบกิจกรรม ส่วนอีกท่านก็ได้เลือกหัวข้อการสร้างความเข้าใจ CSR ในองค์กรเช่นเดียวกัน โดยเริ่มให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องทรัพยากรทางทะเลแก่เยาวชน และร่วมจัดกิจกรรมอาสามัคคุเทศโดยมีการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรแนวชายฝั่งทะเลแก่นักท่องเที่ยวด้วย

และสุดท้ายก็เป็นกิจกรรม Creative CSR ซึ่งมีโครงการที่น่าสนใจดังนี้ ได้แก่ “โครงการพี่ซิ่งน้องซ่อม” โดยเริ่มจากการรวมกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบแข่งมอเตอร์ไซค์ไปอบรมการซ่อมบำรุงที่ศูนย์โตโยต้าที่ผ่านการอบรมก็จะมีประกาศนียบัตรมอบให้ หลังจากเข้าอบรมก็จะมีการจัดคลีนิคบำรุงมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่โดยใช้กลุ่มเยาวชนเหล่านี้ในการให้บริการโดยมีการจัดตารางกำหนดการออกบริการด้วย ทั้งนี้เยาวชนดังกล่าวที่เข้าร่วมโครงการนี้จะมีสิทธิ์ได้เข้ารับทำงานกับ Toyota อีกด้วย

โครงการต่อมา คือ “โครงการขยะล้นเมือง เรื่องน่ากลัว อย่ามัวนิ่งเฉย” รณรงค์ให้ความรู้และปลูกจิตสำนึกเกี่ยวกับการแยกขยะเพื่อให้เกิดการตระหนักถึงปัญหาขยะ จัดตั้งธนาคารขยะ เช่น จัดตั้งให้มีรถ Mobile เวียนเก็บขยะทั่วเมืองโดยกำหนดวันเวลา และสถานที่ที่จะไปเก็บขยะในแต่ละวันรวมถึงมีราคากลางในการรับซื้อขยะอีกด้วย โดยทางด้านผู้ที่มีอาชีพเก็บขยะขายก็จะมียูนิฟอร์มอีกด้วยเป็นการยกระดับให้คนกลุ่มนี้ดูดียิ่งขึ้นด้วย

ส่วนโครงการสุดท้าย คือ “โครงการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจังหวัดภูเก็ต” โดยโครงการจะเน้นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในจังหวัดภูเก็ตด้วยการเสียค่าธรรมเนียมในการเหยียบแผ่นดินจังหวัดภูเก็ตในด่านต่าง ๆ เช่น สนามบิน ด่านท่าฉัตรไชย เพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ในกิจกรรมพัฒนาภูเก่าและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมีการจัดประกวดกิจกรรม CSR โดยนักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตในทุกปีและมีการมอบรางวัลให้กับกิจกรรมที่ชนะเลิศด้วยการนำไปสู่การปฏิบัติจริงอีกด้วย

และก่อนที่งานจะเลิกผมก็โอกาสสนทนากับอาจารย์วิชา ก้องเกียรติวารี วิทยาลัยเทคนิคภูเก็ต โดยท่านกล่าวว่า “ทีแรกไม่เข้าใจสักนิดและไม่รู้ด้วยว่า CSR คืออะไร แต่มาวันนี้ถึงได้รู้ว่า CSR คือการประพฤติที่มีคุณธรรมเข้ามาเกี่ยวด้วยและต้องถูกต้องอีกต่างหาก ส่วนพลเมืองบรรษัทจะสามารถนำไปเผยแพร่ให้กับนักศึกษาผ่านชั่วโมงกิจกรรมในวิทยาลัยเทคนิคด้วย”

หลังจากที่คุยกันเสร็จ งานก็เลิกอย่างเป็นทางการแล้วครับ หลังจากที่ทีมงานเก็บของกันเรียบร้อยเราก็ไปมุ่งหน้าไปซื้อของฝากที่ร้านพรทิพย์ทันที ตามคำสั่งหม่อมแม่ของผมได้ไว้วานให้กระผมไปซื้อขนมเต้าซ้อประมาณ 2 กล่องถ้วน ซึ่งผมก็ได้ดูในสินค้าในร้านเรื่อยเปื่อยโดยเท่าที่สังเกตผลิตภัณฑ์จะมีการระบุวันเดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุไว้ชัดเจนทุกผลิตภัณฑ์ครับ (ไปดูร้านของฝากบ้านเกิดผม บางที่ไม่มีระบุเลยครับ ถามแม่ค้ายังไงแม่ค้าก็บอกว่าใหม่อยู่ดีแม้ฝุ่นจะล้อมกล่องแค่ไหนก็ตาม) หลัง Shopping เสร็จก็ไปฝากท้องต่อที่ร้านปากน้ำ และมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไปทันทีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น