วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชุมพร

จะว่าไปแล้วตอนนี้เราอยู่บนถนนสายที่ตรงอย่างเดียวและยาวมากครับ ระยะทางก็ไกล นั่งดูหนังจบไปสองเรื่องก็ยังไม่ถึงแต่เราไม่อารมณ์เสียครับ เพราะระหว่างทางเราได้แวะทานอาหารกันที่ร้าน “ร้านชาวเรือ” ร้านนี่ลงไปก็ทึ่งอยู่ครับ เพราะรู้สึกว่าเจ้าของจะชอบตกปลามากๆ เลย มีรูปตัวเจ้าของเอง เพื่อนๆ และลูกที่ถือปลาตัวใหญ่มากในมือ ถ่ายเก็บไว้บนผนัง สังเกตได้ว่าเบ็ดตกปลาตั้งไว้เรียงเป็นระเบียบทีเดียว อาหารของเราวันนี้ก็เลิศมากครับ เพราะสั่งปลาจาระเม็ดมาลิ้มรสกัน ผมได้เดินสำรวจรอบๆ ร้านมีปลาสตาฟ มากมายเลย มีฟันปลาฉลาม ปลากระทงตัวยาวประมาณ เกือบ 2 เมตรเห็นจะได้ (รวมปากกับหางนะครับ) มีโครงกระดูกของปลาพันธุ์หนึ่งซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเป็นปลาอะไร ถามได้ความว่าเป็นลูกของปลาวาฬ หรือฉลามวาฬ อืม...ผมก็จำไม่ได้ครับ ต้องขออภัยด้วย

เราเดินทางมาถึงที่หมายจนได้ครับ ดูจากสภาพหน้าแต่ละคนท่าทางจะ หมดแรงอย่างยิ่ง ไม่มีการนัดแนะอะไรทั้งสิ้น ว่าเจอกี่โมงทุกคนตรงไปยังห้องพักตนเองทันที เช้าต่อมาไม่อยากลุกจากเตียงเลยจริงๆ ครับ เบาะมันช่างนุ่มสบายจริงๆ แต่ก็ต้องบังคับให้ลุก เพราะเรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบครับ การบรรยายเริ่มอย่างราบรื่นเหมือนเคย วันนี้มีนักศึกษามาร่วมเกินครึ่งทีเดียว จะว่าไปแล้วตั้งแต่มาภาคใต้ หลายๆ จังหวัดที่ผมไปนั้น มีผู้นำชุมชนมาเข้าร่วมด้วย ดีมากเลยครับ เพราะบางท่านอาจจะรู้สึกได้ถึงการพัฒนาต่างๆ และนำไปใช้กับสิ่งรอบๆ ตัวท่านได้ เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนหลายๆ อย่าง ก็หวังว่าครั้ง ต่อๆ ไปจะมีผู้เข้าร่วมจากหลายๆ ตำแหน่งมากกว่านี้ครับ

หน้าที่พลเมืองของชาวชุมพร ผู้นำเสนอท่านแรกเป็นผู้มีความสวามิภักดิ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ ท่านที่สองก็เน้นในเรื่องผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ต้องประกอบธุรกิจโดยสุจริต แสวงหาความรู้ใส่ตัวตลอดเวลา เพียงพอและพอเพียงกับประโยชน์ที่ได้มา ส่วนอีกท่านหนึ่งได้เลือกในทุกหัวข้อ ไม่คดโกง ลักขโมยของคนอื่น ไม่นินทาผู้อื่น เคารพกฎหมายบ้านเมือง จงรักภักดีต่อประมุข ในเรื่องของความเป็นพลเมืองบรรษัท เน้นย้ำในเรื่องของการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ประกอบธุรกิจสุจริต และต้องใช้ศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ทำให้เป็นนิสัยและนำมาใช้กับชีวิตประจำวัน จะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า

กิจกรรม CSR เชิงระบบวันนี้ อยากให้องค์กร เข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจ เป็นกิจกรรมปลูกจิตสำนึกให้พนักงาน มีใจรักและรับผิดชอบต่อสังคม แนะนำช่วยเหลือผู้อื่น ปลูกฝังให้เด็กมีความรัก สามัคคีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมต่อมา อยากให้เน้นความเข้าใจเรื่อง CSR ขององค์กร อยากให้พนักงานเพิ่มความเข้าใจในงานที่ทำ (งานบริการและท่องเที่ยว) รู้จักแหล่งท่องเที่ยวต่างๆเป็นอย่างดี สร้างความสัมพันธ์กับคนในท้องถิ่น ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ อบรมความรู้และนันทนาการในการบริการ อยากให้มีการอบรมภายในโรงเรียน เพื่อความเข้าใจด้าน CSR จะกระจายไปสู่ชุมชน ประชาสัมพันธ์โครงการ จัดอบรมคณะครู อาจารย์ นักเรียน รวมไปถึงผู้ปกครอง และสามารถนำความรู้ที่ได้ปรับใช้ในชุมชนหรือชีวิตประจำวันได้

สำหรับกิจกรรม Creative CSR ของชาวชุมพร เราได้โครงการที่น่าสนใจ 3 โครงการ คือ “โครงการลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต” คิดสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มผลผลิตกาแฟ เก็บมาเข้ากระบวนการตาก เพื่อนำเข้าโรงสี หลังจากผ่านกระบวนการจะมีกากที่เกิดจากสังกะสี ซึ่งปกติชาวบ้านจะนำไปเผา ทำให้เกิดมลพิษ นำกากกลับมาใช้ประโยชน์อีกโดยการนำกากมาทำปุ๋ยหมัก เพื่อนำมาให้เกษตรกร ช่วยดูแลหน้าดิน นำมาทำยาฆ่าแมลง กลายเป็นสินค้า OTOP โครงการนี้ช่วยลดมลพิษ ลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในท้องถิ่น ประชาชนมีร่างกายแข็งแรง เป็นแนวเศรษฐกิจพอเพียงอีกทางหนึ่ง

ต่อมา คือ “โครงการเครื่องถอดเกล็ดอัตโนมัติ” เนื่องจากชุมพรมีอาณาเขตติดกับทะเล ประชาชนบางส่วนประกอบอาชีพประมง และปลาก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาประกอบอาหาร ฉะนั้นเพื่อการประหยัดเวลา จึงคิดทำเครื่องถอดเกล็ดปลาอัตโนมัติ นำปลามาใส่เครื่องถอดเกล็ด จะมีการวัดน้ำหนักของปลาในเครื่อง และไปยังขั้นตอนถอดเกล็ด หลังจากถอดเกล็ดแล้วปลาจะลงมาที่สายพานไปยังถังบรรจุ ประหยัดเวลาและได้ปลาจำนวนเยอะกว่าใช้คนทำ มีความสะอาดเนื่องจากอุปกรณ์มีการดูแลอย่างเอาใจใส่ ภัตตาคารต่างๆ สามารถนำไปใช้ได้

และ “โครงการสุนัขปอกมะพร้าว” ปัญหาเรื่องสุนัขกัดคนมีมากในยุดปัจจุบัน อาจจะมาจากโลกร้อน และอาการเครียดของสุนัข ฝึกให้สุนัขเหล่านี้ผ่อนคลายโดยการกัดมะพร้าวหรือปอกมะพร้าว จะได้ไม่ต้องไปกัดคน มะพร้าวของชุมพรก็มีอยู่มากมาย ทำให้มะพร้าวกลายเป็นของเล่นของสุนัข เปลือกมะพร้าวก็เอาไปทำปุ๋ยได้อีกต่อหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ช่วยลดหมาจรจัด สุขภาพสุนัขก็ดีเป็นการช่วยสัตว์โลก นำสุนัขไปโชว์ได้ ได้เงินจากการโชว์ก็นำไปบริจาคให้กับมูลนิธิสุนัขจรจัดส่วนหนึ่ง

ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กิตติญา ช่วยนุกิจ จากโรงเรียนศรีอำไพ จังหวัดชุมพร ท่านกล่าวว่า “ปกติก็ตั้งชมรมสิ่งแวดล้อมอยู่แล้วด้วย ชื่อว่าชมรมคนรักษ์อ่าว และคิดว่าทางสถาบันก็เน้นในเรื่องนี้ ก็ได้รู้เรื่อง CSR เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง CSR และเศรษฐกิจพอเพียงด้วย อยากให้มาจัดอีก แต่ควรประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ เรื่องหน้าที่พลเมืองก็ดี อยากให้ใส่บาตรกัน เป็นการบำรุงศาสนา เป็นการเอาฤกษ์ที่ดีมากในตอนเช้า คิดดี ทำดี”

เราไม่รอช้าครับวันนี้ รีบเดินทางออกจากชุมพรอย่างรวดเร็ว เพราะว่างานใหญ่รอเราอยู่ครับ เป็นงาน CSR ระดับภาคใต้ ที่จะมีขึ้นที่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โรงแรมไดมอนด์พลาซ่า วันที่ 26 ตุลาคม 2552 ใครสนใจก็ไปกันนะครับ ท่านจะได้ความรู้ ความเข้าใจหลายๆ อย่าง ว่า CSR ทำแล้วจะยั่งยืนเพียงใด มีกิจกรรมใดน่าสนใจที่จะสามารถนำแนวคิดกลับมาใช้กับองค์กรของแต่ละคนได้

จะว่าไปแล้วในวันพรุ่งนี้ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะเป็นจังหวัดสุดท้ายของการเดินทางออกต่างจังหวัด สำหรับทั้งทีมอาจารย์วุฒิพงศ์และอาจารย์ฌานสิทธิ์แล้วนะครับ หวังว่าเรื่องราวการเดินทางจากคนเขียนอารมณ์ดี (หน้าตาด้วยได้ไหม) จะทำให้ทุกท่านสนุกสนานเรื่อยมานะครับ ที่สุดท้ายสำหรับต่างจังหวัดของปีนี้จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามกันที่ www.csrcampus.blogspot.com นะครับ สวัสดีครับผม!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น