เราได้เดินทางออกจากกระบี่ในเวลา 6 โมงเย็น อาจจะเสียเวลาในการรอข้อมูลจากทางกรุงเทพฯ ไปบ้าง และกับการที่มีแขกสนใจไปร่วม โครงการระดับภาคใต้ของเราเป็นจำนวนพอสมควรทำให้ต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน เลยกระทบมาถึงเวลาที่จะใช้เดินทางไปยังจังหวัดต่อไป แต่ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะเราฝากท้องไว้กลับ ภัตตาคาร SEVEN ELEVEN ซึ่งมีทุกแห่งหน ผมกับอาจารย์พงศ์ รู้สึกมีความสุขมากกับการที่ได้กิน อาหารง่ายๆ เพราะเบื่อมากแล้ว เราใช้เวลาไม่นานมากคาดว่าประมาณ 2 ชั่วโมงเห็นจะได้ก็ถึงที่หมายครับ ค่อนข้างจะดึกมากแล้ว ก็รีบแยกย้ายเข้าห้องหลัง Check In ทันที
เช้าตื่นมาพร้อมอากาศที่สดชื่น มีพลังเต็มที่รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะลงไปเตรียมห้องให้พร้อมกับการสัมมนา หลังจากที่แขกเข้ามากันเกือบจะครบตามรายชื่อแล้ว วันนี้เรามีแขกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาร่วมอบรมด้วย วันนี้ผมสังเกตได้ว่า ชาวนครฯ ค่อนข้างจะจริงจัง และดุ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำตลอดเวลา ผมจึงไม่กล้าที่จะเล่นอะไรมากมายครับ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นในการที่จะทำกิจกรรมทุกๆ กิจกรรมที่เราจัดให้
หน้าที่พลเมืองของชาวนครฯ ส่วนใหญ่จะเลือกกันแทบจะทุกหัวข้อ พากเพียรหาเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ถือศีล 5 อย่าให้ขาด ไม่ทำผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เป็นปกติของคนไทยที่ต้องรักแผ่นดินและต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ควรรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมตามบทบาท ควรยึดแนวทางการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำหริ ชาวนครฯก็อยากให้องค์กรในจังหวัด มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ประเทศชาติมีความสุข จะทำให้สามารถช่วยเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น อยากให้พนักงานทุกๆ คน ใช้ศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มีการทำงานกันอย่างสันติ
ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ ร.ต.พิเชษฐ อักษรพันธ์ จากโรงเรียนมัธยมบุญดาอุปการ ท่านกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ยังไม่ค่อยรู้จักในเรื่องนี้ สิ่งที่ได้ในวันนี้ก็ดี ได้เรียนรู้ในการบริหารงานต่างๆ ก็จะได้นำไปศึกษาและนำมาใช้ ก็ดีที่มาจัด เพราะที่นี่เป็นเมืองที่น่าพัฒนา นำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้ จากประสบการณ์เรื่องหน้าที่พลเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ ไม่ว่าจะในสิ่งที่ทำหรือคิด ก็จะนำไปพัฒนากับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน บางครั้งก็มีการบกพร่องอยู่ จะได้เอาส่วนดีในวันนี้ไปพัฒนาให้ได้มากที่สุด”
นอกจากนี้อาจารย์นัยนา อินทรพฤกษา จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ยังกล่าวไว้กับทางเราว่า “ได้ความรู้มากมาย สามารถนำไปใช้ในองค์กรได้ด้วย ดีมากเลยที่มาที่นี่ พอดีที่โรงเรียนจะมีแนวทางแบบนี้ก็จะได้นำไปพัฒนาได้อีกขั้นหนึ่ง เรื่องหน้าที่พลเมืองสามารถนำไปสอนใช้ได้เลยเนื่องจากโรงเรียนอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ ในโรงเรียนก็มีการสอนเกี่ยวกับแนวเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการทำตามแนวพระราชดำหริ ส่งเสริมแนวความคิดของพระองค์ด้วย”
สำหรับกิจกรรม CSR เชิงระบบ ท่านแรกอยากให้มีการบูรณาการเรื่อง CSR ในองค์กร มีการศึกษาและอบรมสมาชิก ประชุมสรุปผลการดำเนินงาน ติดตามดูผลและรับผิดชอบ องค์กรจะพัฒนา ความสามัคคีก็จะเกิดขึ้นภายใน ท่านที่สองเน้นในเรื่องความเข้าใจ CSR ขององค์กร จักอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ แบ่งกลุ่มงานการปฏิบัติ ให้ข้อมูลที่ชัดเจน ปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น จัดกิจกรรมต่างๆ ไปได้ด้วยดีและมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ท่านที่สามได้เลือกในข้อความสัมพันธ์ของคุณลักษณะองค์กรกับเรื่อง CSR มีการออกแบบหลักสูตรให้กับวัยรุ่น ให้มีความตอบสนองต่อชุมชน ฝึกให้นักศึกษาได้วิเคราะห์เพื่อหาปัญหาของชุมชนและวิธีแก้ไข นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาก็จะอยู่ร่วมกับชุมชนได้ดี
กิจกรม Creative CSR ในวันนี้ของชาวนครฯ เราได้โครงการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ “โครงการเปลี่ยนมุมมืดให้สว่าง สร้างพลังให้วัยรุ่นนครฯ (Indy in Khon)” เนื่องจากห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่น วัยรุ่นเองก็ยังมีพื้นที่ในการแสดงกิจกรรมน้อย และห้างก็มีพื้นที่ว่างมาก ดังนั้นจึงอยากได้ความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทำให้แหล่งรวมตัวกลายเป็นแหล่งกิจกรรมไป เช่น เล่นคนตรี เต้น หรือโชว์ความสามารถต่างๆ เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้มีการแข่งขัน วัยรุ่นจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ห้างมีรายได้มากขึ้น ลดปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรม เยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ต่อมา คือ “โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในชุมชน” มีการประชุมแผนงานเรื่อง แยกขยะ ใช้จุลินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ จัดตั้งกลุ่มที่แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (จำนวนครัวเรือน) จัดหาที่แยกขยะ ทำปุ๋ยหมัก ขายให้อุตสาหกรรม ที่เหลือก็บำบัดให้ถูกวิธี (การเผาไร้ควัน) จะได้เป็นชุมชนต้นแบบและเป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนอื่น สามารถพึ่งตนเองได้ มีรายได้ ช่วยชุมชนกันเองเงินจะได้หมุนเวียน อนุรักษ์ธรรมชาติในชุมชนแบบยั่งยืน
อีกโครงการ คือ “โครงการเยาวชนคนดี ศรีเมืองคอน” (ปัญหายาเสพติด) พบว่าปัญหานี้เป็นกิจกรรมความเคยชิน หรือสังคมเคยชิน เนื่องจากผู้ใหญ่ หรือเพื่อนในกลุ่ม มีการเสพยาเสพติด ทำให้ถ่ายทอดหรือเป็นต้นแบบให้กับคนใกล้เคียง ควรจัดลานกิจกรรมให้กับเด็ก ทำให้มีการพัฒนาศักยภาพและความคิดในหมู่วัยรุ่น จัดอบรมในหัวข้อสังคมจริงจังให้ความรู้ถึงโทษของสิ่งเสพติดให้ตระหนัก ลดปัญหาเยาวชน ลดสิ่งเสพติดในชุมชน ลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง
ก่อนจบกิจกรรมในวันนี้ผศ.ดร. สุภาพร สุทิน จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครฯ ได้กล่าวกับผมว่า “เพิ่งจะได้รับความรู้เกี่ยวกับ CSR ก็เพราะมาอบรมครั้งนี้ เห็นข้อมูลก็เลยสนใจ คิดว่าดีที่มาจัดกิจกรรมให้ เพราะมีหน่วยงานจากต่างสถานที่มารวมกัน หน่วยงานรัฐก็มา ผู้นำชุมชน นักศึกษา ก็จะได้นำความรู้ไปใช้ หน้าที่พลเมืองเราจะนำไปให้นักศึกษาในเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ไปปลูกฝังในตัวเด็กเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต”
นอกจากนี้อาจารย์วิเชียร ทองสิน จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครฯ ยังได้กล่าวอีกว่า “ได้มีความรู้ความเข้าใจกับคำว่า CSR มากขึ้น เพราะเป็นกระแสใหม่ มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและเผยแพร่ต่อไป ดีที่มาจัดให้ชาวนครฯ ในสังคมเมืองจะได้รู้เรื่องนี้และตื่นตัว แต่ต่างจังหวัดไม่ค่อยรู้ วันนี้ก็ได้เห็นทุกกลุ่มมา ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชน นักศึกษา ในเรื่องหน้าที่พลเมืองผมคิดว่ามันเป็นสามัญสำนึกด้วยซ้ำ เพียงแต่ใครจะสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้กับชีวิตและหน่วยงานได้มากกว่ากัน”
วันนี้ผมรู้สึกว่า เป็นการคุมอารมณ์และความสนใจของผู้เข้าร่วมได้ยากทีเดียว เพราะหลายๆ ท่าน อยู่ในระดับและตำแหน่งค่อนข้างสูง จึงอาจจะมีความเป็นตัวของตัวเอง หรือจะเรียกว่าภาวะผู้นำสูงก็ได้ อาจจะดูว่าผมยังเด็กที่มาคุมให้ทำกิจกรรมนู่นนี่ แต่หลายๆ ท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีมาคุยกับผมบ้างว่าถ้าทุกคนในประเทศรับผิดชอบในหน้าที่ของตนได้ก่อน แค่นี้ก็พอแล้ว จะน่าอยู่มากๆ เลย คนเรามีแต่จะให้คนอื่นทำ แต่ตัวไม่ทำเอง แล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นได้หรอ
เรามุ่งหน้าขึ้นเหนือ เพื่อที่จะไปจัดอบรมให้อีกหนึ่งจังหวัดก่อนที่จะถึงงานระดับภาคใต้ การเดินทางจะว่าไปแล้วใช้เวลานานสุดๆ ครับ อย่างน้อยก็มากกว่า 4 ชั่วโมง ผมต้องนั่งจนเปื่อยแน่ ตอนนี้ทีมงานเราดูมีพลังมาก และยังตื่นตัวกันอยู่ อาจเป็นเพราะถ้าหมดระดับภาคใต้ ก็จะครบทั่วประเทศ และจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลๆ อีก เลยทำให้ดูฟิตและตั้งใจกว่าปกติ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้ที่เราจะไปจัดให้นั้นจะลำบากหรือสนุกสนานเพียงใด อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนติดตามการเดินทางของผมและพี่หนึ่งจบครบทุกจังหวัดด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ขอทิ้งท้ายว่า “จงอย่าหวังอะไรจากคนที่เรารัก แต่ควรจะทำอะไรเพื่อคนที่รักเราดีกว่านะครับ” ผมมาอารมณ์ไหนเนี่ยะ ฮ่าๆ สวัสดีครับ
เช้าตื่นมาพร้อมอากาศที่สดชื่น มีพลังเต็มที่รีบอาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะลงไปเตรียมห้องให้พร้อมกับการสัมมนา หลังจากที่แขกเข้ามากันเกือบจะครบตามรายชื่อแล้ว วันนี้เรามีแขกจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมาร่วมอบรมด้วย วันนี้ผมสังเกตได้ว่า ชาวนครฯ ค่อนข้างจะจริงจัง และดุ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำตลอดเวลา ผมจึงไม่กล้าที่จะเล่นอะไรมากมายครับ แต่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีความกระตือรือร้นในการที่จะทำกิจกรรมทุกๆ กิจกรรมที่เราจัดให้
หน้าที่พลเมืองของชาวนครฯ ส่วนใหญ่จะเลือกกันแทบจะทุกหัวข้อ พากเพียรหาเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ถือศีล 5 อย่าให้ขาด ไม่ทำผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เป็นปกติของคนไทยที่ต้องรักแผ่นดินและต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ควรรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมตามบทบาท ควรยึดแนวทางการใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำหริ ชาวนครฯก็อยากให้องค์กรในจังหวัด มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้ประเทศชาติมีความสุข จะทำให้สามารถช่วยเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น อยากให้พนักงานทุกๆ คน ใช้ศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ มีการทำงานกันอย่างสันติ
ในวันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์ ร.ต.พิเชษฐ อักษรพันธ์ จากโรงเรียนมัธยมบุญดาอุปการ ท่านกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว ยังไม่ค่อยรู้จักในเรื่องนี้ สิ่งที่ได้ในวันนี้ก็ดี ได้เรียนรู้ในการบริหารงานต่างๆ ก็จะได้นำไปศึกษาและนำมาใช้ ก็ดีที่มาจัด เพราะที่นี่เป็นเมืองที่น่าพัฒนา นำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้ จากประสบการณ์เรื่องหน้าที่พลเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนควรรู้ ไม่ว่าจะในสิ่งที่ทำหรือคิด ก็จะนำไปพัฒนากับนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน บางครั้งก็มีการบกพร่องอยู่ จะได้เอาส่วนดีในวันนี้ไปพัฒนาให้ได้มากที่สุด”
นอกจากนี้อาจารย์นัยนา อินทรพฤกษา จากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 ยังกล่าวไว้กับทางเราว่า “ได้ความรู้มากมาย สามารถนำไปใช้ในองค์กรได้ด้วย ดีมากเลยที่มาที่นี่ พอดีที่โรงเรียนจะมีแนวทางแบบนี้ก็จะได้นำไปพัฒนาได้อีกขั้นหนึ่ง เรื่องหน้าที่พลเมืองสามารถนำไปสอนใช้ได้เลยเนื่องจากโรงเรียนอยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ ในโรงเรียนก็มีการสอนเกี่ยวกับแนวเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการทำตามแนวพระราชดำหริ ส่งเสริมแนวความคิดของพระองค์ด้วย”
สำหรับกิจกรรม CSR เชิงระบบ ท่านแรกอยากให้มีการบูรณาการเรื่อง CSR ในองค์กร มีการศึกษาและอบรมสมาชิก ประชุมสรุปผลการดำเนินงาน ติดตามดูผลและรับผิดชอบ องค์กรจะพัฒนา ความสามัคคีก็จะเกิดขึ้นภายใน ท่านที่สองเน้นในเรื่องความเข้าใจ CSR ขององค์กร จักอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ แบ่งกลุ่มงานการปฏิบัติ ให้ข้อมูลที่ชัดเจน ปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น จัดกิจกรรมต่างๆ ไปได้ด้วยดีและมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล ท่านที่สามได้เลือกในข้อความสัมพันธ์ของคุณลักษณะองค์กรกับเรื่อง CSR มีการออกแบบหลักสูตรให้กับวัยรุ่น ให้มีความตอบสนองต่อชุมชน ฝึกให้นักศึกษาได้วิเคราะห์เพื่อหาปัญหาของชุมชนและวิธีแก้ไข นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาก็จะอยู่ร่วมกับชุมชนได้ดี
กิจกรม Creative CSR ในวันนี้ของชาวนครฯ เราได้โครงการที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ได้แก่ “โครงการเปลี่ยนมุมมืดให้สว่าง สร้างพลังให้วัยรุ่นนครฯ (Indy in Khon)” เนื่องจากห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งศูนย์รวมของเด็กวัยรุ่น วัยรุ่นเองก็ยังมีพื้นที่ในการแสดงกิจกรรมน้อย และห้างก็มีพื้นที่ว่างมาก ดังนั้นจึงอยากได้ความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทำให้แหล่งรวมตัวกลายเป็นแหล่งกิจกรรมไป เช่น เล่นคนตรี เต้น หรือโชว์ความสามารถต่างๆ เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้มีการแข่งขัน วัยรุ่นจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ห้างมีรายได้มากขึ้น ลดปัญหาความรุนแรงและอาชญากรรม เยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ต่อมา คือ “โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในชุมชน” มีการประชุมแผนงานเรื่อง แยกขยะ ใช้จุลินทรีย์ ปุ๋ยชีวภาพ จัดตั้งกลุ่มที่แบ่งพื้นที่รับผิดชอบ (จำนวนครัวเรือน) จัดหาที่แยกขยะ ทำปุ๋ยหมัก ขายให้อุตสาหกรรม ที่เหลือก็บำบัดให้ถูกวิธี (การเผาไร้ควัน) จะได้เป็นชุมชนต้นแบบและเป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนอื่น สามารถพึ่งตนเองได้ มีรายได้ ช่วยชุมชนกันเองเงินจะได้หมุนเวียน อนุรักษ์ธรรมชาติในชุมชนแบบยั่งยืน
อีกโครงการ คือ “โครงการเยาวชนคนดี ศรีเมืองคอน” (ปัญหายาเสพติด) พบว่าปัญหานี้เป็นกิจกรรมความเคยชิน หรือสังคมเคยชิน เนื่องจากผู้ใหญ่ หรือเพื่อนในกลุ่ม มีการเสพยาเสพติด ทำให้ถ่ายทอดหรือเป็นต้นแบบให้กับคนใกล้เคียง ควรจัดลานกิจกรรมให้กับเด็ก ทำให้มีการพัฒนาศักยภาพและความคิดในหมู่วัยรุ่น จัดอบรมในหัวข้อสังคมจริงจังให้ความรู้ถึงโทษของสิ่งเสพติดให้ตระหนัก ลดปัญหาเยาวชน ลดสิ่งเสพติดในชุมชน ลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง
ก่อนจบกิจกรรมในวันนี้ผศ.ดร. สุภาพร สุทิน จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครฯ ได้กล่าวกับผมว่า “เพิ่งจะได้รับความรู้เกี่ยวกับ CSR ก็เพราะมาอบรมครั้งนี้ เห็นข้อมูลก็เลยสนใจ คิดว่าดีที่มาจัดกิจกรรมให้ เพราะมีหน่วยงานจากต่างสถานที่มารวมกัน หน่วยงานรัฐก็มา ผู้นำชุมชน นักศึกษา ก็จะได้นำความรู้ไปใช้ หน้าที่พลเมืองเราจะนำไปให้นักศึกษาในเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ไปปลูกฝังในตัวเด็กเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ได้ในอนาคต”
นอกจากนี้อาจารย์วิเชียร ทองสิน จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครฯ ยังได้กล่าวอีกว่า “ได้มีความรู้ความเข้าใจกับคำว่า CSR มากขึ้น เพราะเป็นกระแสใหม่ มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนและเผยแพร่ต่อไป ดีที่มาจัดให้ชาวนครฯ ในสังคมเมืองจะได้รู้เรื่องนี้และตื่นตัว แต่ต่างจังหวัดไม่ค่อยรู้ วันนี้ก็ได้เห็นทุกกลุ่มมา ผู้ประกอบการ ผู้นำชุมชน นักศึกษา ในเรื่องหน้าที่พลเมืองผมคิดว่ามันเป็นสามัญสำนึกด้วยซ้ำ เพียงแต่ใครจะสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้กับชีวิตและหน่วยงานได้มากกว่ากัน”
วันนี้ผมรู้สึกว่า เป็นการคุมอารมณ์และความสนใจของผู้เข้าร่วมได้ยากทีเดียว เพราะหลายๆ ท่าน อยู่ในระดับและตำแหน่งค่อนข้างสูง จึงอาจจะมีความเป็นตัวของตัวเอง หรือจะเรียกว่าภาวะผู้นำสูงก็ได้ อาจจะดูว่าผมยังเด็กที่มาคุมให้ทำกิจกรรมนู่นนี่ แต่หลายๆ ท่านให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีมาคุยกับผมบ้างว่าถ้าทุกคนในประเทศรับผิดชอบในหน้าที่ของตนได้ก่อน แค่นี้ก็พอแล้ว จะน่าอยู่มากๆ เลย คนเรามีแต่จะให้คนอื่นทำ แต่ตัวไม่ทำเอง แล้วสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นได้หรอ
เรามุ่งหน้าขึ้นเหนือ เพื่อที่จะไปจัดอบรมให้อีกหนึ่งจังหวัดก่อนที่จะถึงงานระดับภาคใต้ การเดินทางจะว่าไปแล้วใช้เวลานานสุดๆ ครับ อย่างน้อยก็มากกว่า 4 ชั่วโมง ผมต้องนั่งจนเปื่อยแน่ ตอนนี้ทีมงานเราดูมีพลังมาก และยังตื่นตัวกันอยู่ อาจเป็นเพราะถ้าหมดระดับภาคใต้ ก็จะครบทั่วประเทศ และจะได้ไม่ต้องเดินทางไกลๆ อีก เลยทำให้ดูฟิตและตั้งใจกว่าปกติ แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้ที่เราจะไปจัดให้นั้นจะลำบากหรือสนุกสนานเพียงใด อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนติดตามการเดินทางของผมและพี่หนึ่งจบครบทุกจังหวัดด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ขอทิ้งท้ายว่า “จงอย่าหวังอะไรจากคนที่เรารัก แต่ควรจะทำอะไรเพื่อคนที่รักเราดีกว่านะครับ” ผมมาอารมณ์ไหนเนี่ยะ ฮ่าๆ สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น