เรามาถึงจังหวัดที่เป็น 1 ในหลายๆ จังหวัด ที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากความงดงามของธรรมชาติ จังหวัดกระบี่ครับ! เรามาถึงที่หมายปุ๊บก็แยกย้ายกันเข้าห้องทันที เพื่อเติมไฟในการออกสำรวจพื้นที่ในวันถัดไป โดยที่ทุกคนๆ จากทั้ง 2 ทีมก็ยังไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากันเพราะต่างก็มาถึงกันดึกพอสมควร
รุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ที่ 17 ต.ค. 52 เวลาที่ล้อหมุนคือประมาณ 10.00 น. เรามุ่งหน้าสู่ สระมรกต เป็นที่แรก ทุกๆ คนต้องเดินทางไปยังต้นกำเนิดของสระให้ได้ เพราะต้องการจะดูว่ามันงดงามแค่ไหน เราเดินทางขึ้นเขากันมา ระยะทางไม่ไกลมากนัก แต่สภาพอากาศที่ร้อนและกระเป๋าสะพายที่เตรียมมาเพื่อจะเล่นน้ำทำให้มันหนักและเหนื่อย และรู้สึกว่าจุดหมายไกลมาก หลายคนก็ดูอิดโรย แต่พอมาถึงก็ประทับใจกับน้ำสีฟ้าสะท้อนแสง เหมือนสระศักดิ์สิทธิ์เลย มันแปลกมากที่มาอยู่ตรงนี้ แต่แล้วเราก็ไม่ได้เล่นน้ำ มุ่งหน้าสู่ที่หมายต่อไปทันทีที่น้ำตกร้อน ไม่ต้องไปถึงญี่ปุ่นเราก็มีน้ำร้อนแช่ มาถึงคนเยอะมากๆ ไม่รู้จะลงไปเล่นตรงไหนได้ จึงได้แค่เอาเท้าสัมผัสกับน้ำว่าร้อนแค่ไหน อืม...ผมว่ามันร้อนใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่ากี่องศา ถ้ากระโดดลงไปได้ร้องลั่นแน่ครับ ต้องตัดใจกับการที่จะเล่นน้ำอีกแล้ว เพราะนักท่องเที่ยวเยอะเหลือเกิน เราจึงไปเดินที่...ไม่เคยมีที่จังหวัดอื่นเลยจึงต้องมาจากกรุงเทพฯ ถึงกระบี่ Outlet (-_-‘) ลงไปเดินก็เป็นเรื่องซิครับ จ่ายกันแหลก เหอๆ กระเป๋าโล่งกันเป็นแถว ไม่ได้ถูกเลยแต่ละอย่าง ทีมอาจารย์ฌานสิทธิ์ต้องขอแยกตัวไปก่อนเพราะมีหน้าที่จะต้องไปจัดสัมมนาที่ภูเก็ตในวันจันทร์ ส่วนทีมเราจัดที่กระบี่เลยออกจะสบายหน่อย ทำให้พี่ผึ้งของเราเหงาเล็กน้อยเพราะเพื่อนสนิทของเธอ (พี่สาว) ก็อยู่ในทีมของอาจารย์ฌานสิทธิ์ด้วย
วันอาทิตย์ที่ 18 ต.ค. 52 วันนี้เราเดินทางกัน 4 คน คือ อาจารย์พงศ์ พี่เดียว (ภรรยาอาจารย์) น้องโอ๋และผม ได้ออกทะเลสำรวจเกาะกัน ส่วนพี่ผึ้งกับพี่แอนนั้นอยากที่จะพักผ่อนมากกว่า หรืออาจเป็นเพราะสังขารที่ไม่ไหว ฮ่าๆ เกาะห้องเป็นที่แรกที่เราลงดำน้ำสำรวจกัน เช้านี้ฟ้าไม่โปร่งทำให้การมองใต้ทะเลเป็นไปได้ยาก แต่ประทับใจที่ได้เห็นปลาชนิดหนึ่ง ลำตัวยาวประมาณ 3 ฟุต กว่าๆ เห็นจะได้ ปากแหลมและตัวสีเขียวปนฟ้า ว่ายอยู่ใกล้ๆ ฝั่ง ผมพยายามเข้าใกล้แต่มันก็ว่ายหนี แต่มันก็ไม่ได้กลัวคนนักเพราะก็ว่ายวนอยู่บริเวณนั้นตลอด เกาะพาราไดซ์ก็มีปลาเยอะ และแปลกใจที่เห็นเด็กถือกล้วยให้ปลาเสือกินอยู่ แตงโม สับปะรด ก็มี งงเลย อะไรปลากินผลไม้พวกนี้ด้วย แต่ที่ประทับใจที่สุดของวันนี้คือบริเวณใกล้ๆ เกาะไก่ครับ เรือจอดปุ๊บ ปลาเสือจำนวนมากมารอกันเต็มข้างเรือ ผมไม่ได้สนใจว่ามารอทำไม กระโดดลงไป พี่คนเรือก็บอกว่ามันมารออาหารเพราะนักท่องเที่ยวชอบเอาขนมปังให้กิน ผมจึงได้ทีเอาบ้าง ถือขนมปังลูกเกดมันก็มาตอดกินกันเต็มเลย ไม่พอตอดแขนตอดตัวอีก ก็รู้สึกว่าจักกะจี้แต่ได้ความเป็นธรรมชาติดี ไม่ต่างกับปลาสวายแถวบ้านเราเลยแค่มันตัวเล็กและสีสวยกว่า ฮ่าๆๆ มาถึงทะเลแหวกที่อยู่ไม่ไกลกัน เคยเห็นแต่ในรูป ทำไมถึงชื่อนี้เพราะมันเป็นทางเชื่อมเดินข้ามไปอีกเกาะได้เวลาน้ำลดเท่านั้น ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย เสียดายที่คนเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาให้ผู้อ่านได้ชมกันครับ เรากลับโรงแรมไปรับสองสาวมาทานข้าว อาจารย์ได้ชี้นกพันธุ์ต่างๆให้ผมดู ตาท่านดีจริงๆ ไกลๆ ยังจะเห็น ผมก็ได้เห็นนกแปลกๆ ที่ไม่ต้องไปดูถึงสวนสัตว์ด้วย เราเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัยในเวลาต่อมา ผมจึงมีเวลาสำรวจตัวเองอีกทีว่าดำขึ้นเยอะเลย เหอๆ ไม่เป็นไรครับดูแมนดี
เช้าต่อมาฟังข่าวรู้สึกว่าจะมีสัตว์สัญลักษณ์ประเทศเราล้มตายอีกแล้ว ช้างโดนยิงที่ลำตัวและปาก มีการเข้าช่วยเหลือแต่มันก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทำให้ล้มลง จะว่าไปช้างก็เป็นสัตว์ที่มีมานานมากแต่ไม่รู้อนาคตจะยังคงเหลือให้เห็นรึไม่ อีกข่าวจะเกี่ยวกับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ได้เห็นโมเดลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถที่แปลงพลังไฮโดเจนมาเปลี่ยนเป็นพลังงานใช้กับรถยนต์ โมเดลโครงกระดูกที่เรียกกันว่า Mr.Sam ที่จำเป็นต่อเด็กที่ต้องการเรียนหมอ ดูแล้วก็อยากจะย้อนเวลากลับไปเรียนใหม่ครับ ตอนเด็กๆ ไม่น่าขี้เกลียดเลย ฮ่าๆๆ ชาวกระบี่ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เข้าใจถึงการอบรมเพราะว่ามาก่อนก็นั่งหน้ากัน ไม่ไปนั่งข้างหลัง คนใต้คงจะเป็นแบบนี้จริงๆ แสดงถึงการที่อยากจะมารับความรู้อย่างชัดเจน
หน้าที่พลเมืองวันนี้มีในเรื่องของการเป็นผู้พากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพโดยชอบธรรมและมีความสัตย์ ปฏิบัติในสิ่งที่ตนถนัดที่สุด รับผิดชอบหน้าที่ตนเอง ทำงานตรงเวลา นอกเหนือคำสั่งถ้ามีอะไรช่วยได้ก็ช่วย พูดอะไรไปแล้วต้องทำให้ได้อย่างที่พูด ถ้าเจอของมีค่าตกอยู่ก็ควรจะเก็บไปคืนเจ้าของ เพราะสิ่งของอาจจะมีค่ามากสำหรับคนที่ทำหล่นไว้ ในความเป็นพลเมืองบรรษัทก็อยากให้องค์เปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้องโปร่งใส องค์กรควรใช้ศาสนธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแก่พนักงาน และไม่ดำเนินกิจการที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายต่อส่วนรวม ใช้งบประมาณอย่างถูกต้อง อยากให้มีวิทยากรมาให้ความรู้ในด้านคุณธรรม จริยธรรม ไม่สร้างความเสียหายแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม
วันนี้ผมได้มีโอกาสสนทนากับอาจารย์กวิสรา วิทยานิพนธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเหนือ ท่านกล่าวกับผมว่า “ได้ความรู้เรื่อง CSR เคยได้ยินมาแต่ไม่เข้าใจชัดเจน ก็ได้รู้ละเอียดมากขึ้น คิดว่าคนที่มาวันนี้น้อยไปหน่อย ควรจะปลูกฝังที่เยาวชน น่าจะนำครูมามากกว่านี้ ควรจะให้ครูทุกคนเข้าอบรมจะได้นำไปพูดในเรื่องเดียวกัน ถ้าการที่ผู้บริหารมาเองก็ไม่ลงถึงครูผู้ปฏิบัติ แต่ถ้าครูมาเป็นตัวแทนและผู้บริหารไม่อนุมัติก็ทำอะไรไม่ได้อีก คิดว่าต้องร่วมมือกันดีกว่าค่ะ”
ในกิจกรรม CSR เชิงระบบ ชาวกระบี่อยากให้เพิ่มความเข้าใจในเรื่อง CSR จัดอบรมพนักงานให้เข้าใจ ทำ Workshop และกิจกรรมต่างๆ สร้างองค์กรให้แข็งแกร่งให้เป็นที่รักของคนทั่วไป มีการจะสร้างธนาคารอิสลาม เพื่อช่วยสังคม สร้างกำไรให้กับองค์กรมากที่สุด โดยมีบุคลากรเฉพาะที่จะเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล อยากให้ผู้บริหารได้รับความรู้ในเรื่อง CSR ด้วย เนื่องจากระบบในปัจจุบัน CSR ในหน่วยงาน ยังไม่เข้าระบบมากนัก จึงจำเป็นต้องมีการพัฒนา ยิ่งๆ ขึ้นไป อยากให้มีการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม ถ้าทำได้พนักงานทุกคน ก็จะมีความภักดีต่อองค์กร
นอกจากนี้อาจารย์พิน นิลบวร รองผู้อำนวยการ จากวิทยาลัยการอาชีพคลองท่อม ยังได้กล่าวอีกว่า “ได้รับความรู้พอสมควร เป็นเหมือนการคิดเชิงระบบ ต้องคิดถึงผลกระทบและคนรอบข้าง คิดว่าเป็นกิจกรรมที่ดี ควรนำไปขยายผล น่าจะให้ผู้มีอำนาจมาฟัง ถ้าคนไม่มีอำนาจมาฟังบางครั้งก็ทำอะไรไม่ได้ สมัยก่อนได้เรียนเรื่องหน้าที่พลเมือง สมัยนี้ก็มีสอนแค่ผ่านๆ จริงๆ ควรจะสร้างจิตสำนึก จะอยู่ได้นานชั่วชีวิต แต่ถ้าสอนแล้วสอบก็ผ่านไป ดูจะไม่มีประโยชน์เท่าไร”
สำหรับกิจกรรม Creative CSR ในวันนี้มีโครงการที่น่าสนใจ ได้แก่ “โครงการเรารักษ์ กระบี่” โดยสร้างจิตสำนึก ในเรื่อง เมืองกระบี่ปลอดขยะ สะอาด และชายหาดสวยงาม มีการรณรงค์ ปลูกฝังแนวคิด โดยใช้สถานประกอบการจัดทำโครงการให้สอดคล้องกัน และมีหน่วยงานคอยติดตาม ประเมินผล มีการประชาสัมพันธ์ เลือกใช้บริการจากประชาชน กำหนดมาตรการทางสังคม กำหนดพื้นที่ zoning ปลอดขยะนำร่อง เพื่อบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ชุมชนจะสะอาดสวยงาม นักท่องเที่ยวก็จะมามากขึ้น รายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น
โครงการต่อมา คือ “โครงการ One Day Trip in Krabi” เป็นแนวท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อชาวกระบี่ แทนการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ให้นักท่องเที่ยวปั่นจักรยานไปวัดถ้ำเสือ และปั่นต่อไปยังน้ำตกห้วยโต การปั่นจักรยานจะมีการเก็บพลังงานเข้ามอเตอร์ที่ติดกับตัวรถจักรยาน สามารถนำมอเตอร์ไปใช้ที่ครัวเรือนได้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย สุขภาพของคนที่มาเที่ยวใช้จักรยานจะแข็งแรงและมีไฟให้กับคนในชุมชนใช้ มีการบอกต่อๆ ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดดีขึ้น
อีกโครงการ คือ “โครงการพัฒนา สิ่งเหลือใช้จากการผลิตยางแผ่นรมควัน” นำสิ่งเหลือใช้ เช่นขี้เถ้าที่ได้จากการลมควันยางแผ่น และไม้ไผ่ที่แตกหักจากการพาดยาง นำขี้เถ้ามาผสมปูนซีเมนต์เพื่อทำอิฐบล็อก ไม้ไผ่ที่แตก ไม่สามารถนำไปพาดยางได้ จึงนำไปให้ชาวบ้าน เอาไปทำเป็นแนวยางพาราทำค้างผักไม้เลื้อย มีแนวคิดที่จะเอาไปทำเป็นเครื่องจักรสาน ทำเป็นของที่ระลึกต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้มากกว่าเดิมและเป็นการส่งเสริมให้ชาวบ้านมีงานทำ และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ก่อนจบกิจกรรมทั้งหมดในวันนี้อาจารย์กัญญารัตน์ จันทร์ศรีนาค จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีกระบี่ ได้กล่าวเกี่ยวกับกิจกรรมวันนี้ว่า “ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้เรารู้อยู่แล้ว แต่ว่าไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร การช่วยสังคมทางวิทยาลัยก็ได้ทำมาตลอด มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราแค่ไม่มีความรู้เรื่อง CSR เท่านั้นเอง ดีค่ะที่มาจัดกิจกรรมให้ เราจะได้ไปถ่ายทอดต่อสังคม ยังมีการเอารัดเอาเปรียบกันอยู่ ถ้าได้ความรู้ไปจะได้คิดก่อนทำค่ะ นำหน้าที่พลเมืองไปใช้สอนได้ค่ะ เหมือนกับการช่วยเหลือ อยากให้เข้าไปอบรมถึงวิทยาลัยเลยจะดีกว่า”
อีกทั้งอาจารย์พิมพ์ประไพ หวานชื่น จากโรงเรียนทุ่งพะยอม ได้สนทนากับเราว่า “ลูกสาวได้ข่าวสารที่ภูเก็ตว่าที่กระบี่ มีจัดอบรม ก็โทรมาบอกให้เข้าอบรมที่กระบี่ ได้ความรู้ใหม่ๆ ปกติการเป็นครูจะได้ความรู้อยู่เรื่อยๆ และเรื่องนี้ก็ใหม่ขึ้นมาอีก ก็เต็มใจที่จะมา ดีที่มาจัดให้ที่กระบี่ มันเป็นความรู้ใหม่ ข่าวสารข้อมูลก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ เผยแพร่ในหน่วยงานการศึกษาได้ นำเรื่องหน้าที่พลเมืองไปสอนได้เลย เรื่อง CSR ก็เป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอีก สร้างนวัตกรรมขึ้นมาเรื่อย สิ่งที่มีอยู่แล้วอาจจะล้าสมัย ก็เอาไปปรับสอนเด็ก หรือไปพัฒนาบุคลากรก็ได้”
การอบรมวันนี้มีผู้ให้ความสนใจในการไปร่วมงาน CSR Campus ระดับภาคใต้เป็นจำนวนมาก บางท่านถึงกับเขียนใบจองไว้ก่อนเลย เยี่ยมจริงๆ ครับ ทำให้การเดินทางไปยังจังหวัดต่อไปล้าช้าไปถึง 2 ชั่วโมงด้วยกัน แต่ก็ไม่เป็นไรครับ แขกผู้มีเกียรติถือเป็นบุคคลสำคัญเสมอ มีการขอเสื้อของเราเพื่อที่จะใส่ไปในงานวันนั้นด้วย แต่ทางเราแจกไปหมดแล้ววันนี้
อาหารเย็นของผมวันนี้คือมาม่าใส่หอยกระป๋องครับ จากภัตตาคาร SEVEN ELEVEN ฮ่าๆ เยี่ยมอย่าบอกใครครับเพราะเราทานอาหารในร้านต่างๆ มามากพอแล้ว ทานอะไรง่ายๆ ก็รู้สึกดีเหมือนกันถึงจะไม่มีสารอาหารแต่ถูกและอิ่ม หวังว่าทุกท่านที่ติดตามการอ่านของผมและสนุกไปพร้อมๆ กับการเดินทางของเราทั้งสองทีม ก็เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับผม!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น