วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สตูล


สวัสดีท่านผู้ชม Blog ทุกท่านนะครับจากที่กระผมได้เขียน Blog ตั้งแต่จังหวัดแรก ๆ จนวันนี้กระผมเขียนมาภาคสุดท้ายแล้วครับก็คือภาคใต้นั่นเอง (ยังหวังว่าจะติดตามไปตลอดนะครับ) โดยครั้งนี้กระผมเริ่มจังหวัดแรกในภาคใต้ก็คือจังหวัดสตูลนั่นเอง ก่อนที่กระผมจะออกเดินทางกระผมก็ได้ถามพี่รถตู้ว่าเราต้องเดินทางนานเท่าไร พี่รถตู้ตอบได้ง่ายมากครับว่าเริ่มออกเมื่อไรบวกเวลา 12 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำไปได้เลย โดยทีมงานเราเริ่มออกเดินทางประมาณเกือบ 10.00 น.ครับ (มิได้ออกเพื่อฤกษ์ชัยแต่อย่างใด) ซึ่งในระหว่างทางก็มีการแวะทานอาหารเป็นระยะครับ โดยข้าวกลางวันพวกเราแวะทานกันที่จังหวัดเพชรบุรีครับ ส่วนข้าวเย็นก็แวะทานอาหารที่จังหวัดสุราษฏร์ธานีครับ

และเราก็มาถึงจังหวัดสตูลจนได้ครับในเวลา 23.00 น.พอดีสิริรวมเวลาการเดินทางประมาณ 13 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ (ไกลกว่ากรุงเทพฯไปเชียงใหม่เสียอีก) บรรยากาศในเมืองเวลานั้นเงียบมากครับ (เสียงกระดิกหูยังดังกว่า) ทีมงานก็พยายามมองหาโรงแรมที่พักเป้าหมายไว้ซึ่งในระหว่างทางเราก็เจอคนสตูลแล้วครับ (ดีใจอย่างมากมาย) โดยคนกลุ่มนี้เป็น อส.จังหวัดสตูลนั่นเองมีประมาณ 10 กว่าคนครับกับรถปิคอัพ 1 คัน ทางทีมงานเราก็พยายามถามทางแต่กลุ่ม อส.จังหวัดสตูลแสดงน้ำใจได้อย่างงดงามเลยครับด้วยการขับรถปิคอัพนำทางให้เราไปโรงแรมเลยครับ ขอบคุณน้ำใจคนใต้จริง ๆ

ตอนนี้เราก็มาอยู่หน้าโรงแรมแล้วครับชื่อโรงแรมสินเกียรติธานีซึ่งเป็นโรงแรมที่หาทางเข้ายากมาก (ประมาณ 1 คูหาตึกแถวด้วยกัน) แรก ๆ ก็ไม่เชื่อนึกว่าเป็นโรงแรมหรอกครับ แต่กระผมได้เดินเข้าไปดูก็เจอะเจอหลักฐานที่แสดงว่าเป็นโรงแรมที่พักของเราจริงโดยสังเกตป้ายกิจกรรม CSR Campus ข้างหน้า หลังจากเราแน่ใจแล้ว เราก็เริ่ม Check In เข้าโรงแรมเพื่อไปพักผ่อนทันที สภาพห้องพักโดยรวมถือว่าดีเลยครับ กระผมเริ่มปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเมื่อปฏิบัติเสร็จก็ทิ้งตัวนอนเลยครับเพราะเพลียจากการเดินทางมาก แต่ก่อนนอนผมก็อ่านหนังสือสักหน่อยครับประมาณ 10 นาทีเห็นจะได้ แล้วก็หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องจนถึงเวลา 6.15 น.แล้วครับ แหม เมื่อมองวิวออกไปข้างนอกต้องบอกว่าสวยงามมากครับเป็นภูเขาสูงป่าไม้เต็มเลยครับและก็มารู้ทีหลังว่านั่นคือเขตชายแดนเข้าสู่ประเทศมาเลเซียด้วย (เป็นครั้งที่ 2 ได้รับเกียรตินอนเฉียดต่างประเทศถัดมาจากประเทศลาว) จากนั้นก็รีบปฏิบัติภารกิจส่วนตัวทันทีรวมถึงรับประทานอาหารเช้าเพื่อเตรียมตัวไปเตรียมงาน CSR Campus จังหวัดสตูลครับ ซึ่งในวันนี้แขกเข้าห้องมาเยอะพอสมควร

มาถึงช่วงกิจกรรมหน้าที่พลเมืองซึ่งมีหัวข้อที่น่าสนใจสำหรับชาวสตูลดังนี้ อาทิ การเป็นผู้มีความพากเพียรแสวงหาเครื่องเลี้ยงชีพของตนเองโดยชอบธรรม โดยกระผมคิดว่าการพ้นจากรั้วการศึกษาก็ต้องเริ่มใช้ชีวิตการทำงานซึ่งหากเรายึดการแสวงหาเลี้ยงชีพโดยชอบธรรมจะทำให้คนเราทำมาหากินอย่างสุจริต และการก่ออาชญากรรมจะน้อยลงมากกว่าเดิม ส่วนอีกหัวข้อได้เลือกการเป็นผู้มีความสัตย์ด้วยการเป็นผู้เข้างานและออกจากงานตรงเวลาโดยถือว่าเป็นการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานอีกด้วย ส่วนเรื่องพลเมืองบรรษัทท่านแรกได้เสนอให้ประกอบธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรโดยใช้หลักธรรมาภิบาลเพราะถือว่าหลักธรรมาภิบาลจะเป็นข้อที่รวมทุกข้อไว้เป็นข้อเดียวกันไม่ว่าจะเป็นหลักคุณธรรม โปร่งใส นิติธรรม เป็นต้น และอีกข้อก็เหมือนกันแต่จะเน้นให้ธุรกิจจักรยานยนต์หันมาให้ความใส่ใจต่อการป้องกันอุบัติเหตุบนท้องถนนมากขึ้นมิใช่มองแต่การขายเยอะ ๆ อย่างเดียว

ช่วงต่อมาเป็นกิจกรรม CSR เชิงระบบซึ่งมีหัวข้อที่น่าสนใจดังนี้ ได้แก่ การสร้างความเข้าใจในองค์กรโดยเริ่มจากการให้พนักงานในองค์กรทำความเข้าใจ CSR ก่อนด้วยการสื่อให้ทุกคนรับทราบและจูงใจเข้าสู่การเรียนรู้โดยเชื่อมโยงไปสู่การปฏิบัติอีกด้วย ซึ่งต้องมีผู้ที่มีผลต่อความสำเร็จ เช่น หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าฝ่าย และลูกน้อง เป็นต้น ส่วนหัวข้อต่อมา คือ การเข้าร่วมในความริเริ่มทาง CSR โดยสมัครใจด้วยการจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับ CSR เพื่อให้เห็นและตระหนักถึงความสำคัญของ CSR โดยเริ่มจากการจัดส่งหนังสือเวียนให้ทั่วทุกแผนก และนำกลุ่มที่สนใจมาเข้าร่วมอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้รวมถึงร่วมกันคิดโครงการ CSR ให้กับองค์กรอีกด้วย

มาถึงช่วงพักทานอาหารเที่ยงวันนี้ผมได้พูดคุยกับเยาวชนชาวสตูลและผู้ใหญ่ในท้องที่หลายท่านบรรยากาศการพูดคุยก็เป็นไปอย่างกันเองครับ (คนใต้ไม่ดุแต่น้ำใจงามมาก) บางท่านก็บอกว่าพึ่งย้ายที่ทำงานมาจากจังหวัดปัตตานีโดยแต่เดิมทำงานอยู่ที่นั่นมา 17 ปีเต็ม บรรยากาศจังหวัดปัตตานีก่อนที่จะมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นเป็นจังหวัดที่สวยงามมากแต่หลังจากปี 47 ความปลอดภัยก็เริ่มหายไปจนมาวันนี้ย้ายมาจังหวัดสตูลถือว่าเป็นจังหวัดที่สงบมาก (ผมเชื่อครับหนึ่งคนครับ) ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ จาก 3 จังหวัดชายแดนเข้ามาพัวพันจังหวัดสตูลเลยครับ ส่วนน้องนักศึกษาท่านหนึ่งก็ได้บอกว่าจังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่เด่นเรื่องเกาะครับ ไม่ว่าจะเป็นเกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา เป็นต้น รวมทั้งของที่ระลึกของจังหวัดสตูลก็จะมีขนมบุหงาบุดะ (ทวนคำกันหลายรอบเหลือเกินกว่าผมจะออกเสียงถูก) ความคิดผมคิดว่าต้องลองให้ได้เชียวครับเจ้าขนมบุหงาบุดะเนี่ย และเมื่อเริ่มเข้างานคนก็หายไปครึ่งห้องเลยครับ (งง มาก ๆ นึกว่าเรื่อง CSR ไม่โดนชาวจังหวัดสตูลหรือเปล่า) แต่หลังจากสอบถามจึงทราบพวกเค้าไปละหมาดกันครับเดี๋ยวก็กลับมา (ใจโล่งเลยครับ)

และมาถึงกิจกรรมสุดท้ายก็คือ Creative CSR นั่นเองซึ่งมีโครงการที่น่าสนใจสำหรับชาวสตูลดังนี้ อาทิ “โครงการเจ็ดอำเภอท่องทั่วสตูล” เนื่องจากจังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีของดีประจำจังหวัดมากมายแต่พบว่าคนในจังหวัดสตูลเองหรือนักท่องเที่ยวภายนอกยังไม่รู้จักสตูลดีนักจึงได้เกิดโครงการนี้ขึ้นโดยเริ่มจากการมองของดีแต่ละอำเภอต่าง ๆ รวมถึงวัฒนธรรมต่าง ๆ มาเป็นจุดขายของกิจกรรมด้วยซึ่งจะมีการโฆษณาทั้งทางประชาสัมพันธ์ทางตรง คือ วิทยุ และ Website ส่วนทางสังคมก็จะใช้การพูดปากต่อปาก

โครงการต่อมา คือ “โครงการนำ IT สู่ชนบทเพื่อเยาวชน” โดยเริ่มจากการจัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มาชุมชนละ 10 เครื่องโดยนำคอมพิวเตอร์ดังกล่าวมาตั้งตามห้องสมุดประจำหมู่บ้าน โรงเรียน อนามัย และ อบต.รวมถึงมีการเปิดให้บริการฟรีแก่ชุมชนในแถบนั้น ซึ่งจะมีการให้บริการ Internet ฟรีอีกด้วยเพื่อสร้างประโยชน์ให้สังคมเกิดการเรียนรู้ทาง Internet เพิ่มเติมอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่

ส่วนโครงการสุดท้าย คือ “โครงการพูดสั้นได้ใจความ ประหยัดเงินพลังงาน ลดโลกร้อน เพื่อเราเพื่อโลก” (โครงการยาวสุด ๆ) เนื่องจากทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราแล้ว แม้ว่ามือถือจะสร้างประโยชน์มากก็ให้โทษมากเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการใช้มือถือนานเกินความจำเป็นซึ่งเกิดผลเสียทั้งสุขภาพทางหู รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วยโดยตัวโครงการจะเริ่มจากการรณรงค์ให้แก่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อให้ตระหนักถึงสุขภาพและลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ซึ่งสุดท้ายก็หวังว่าโครงการนี้จะสำเร็จได้ต้องเริ่มจากตนเองให้รู้จักพูดคุยสนทนากับคู่สนทนาให้สั้น ๆ และได้ใจความอีกด้วย

วันนี้กระผมมีโอกาสสนทนากับอาจารย์ 2 ท่านในช่วงพักเบรกโดยอาจารย์ได้ให้ความคิดเกี่ยวกับเรื่อง CSR ดังนี้โดยกระผมขอเริ่มจากอาจารย์ศศิธร รัตนมหันต์ วิทยาลัยเทคนิคสตูลซึ่งท่านได้กล่าวว่า “วันนี้หลังจากอบรมได้รับความรู้ CSR เพิ่มขึ้นรวมถึงความตระหนักว่า CSR เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงต้องปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมอีกด้วย ส่วนพลเมืองบรรษัทจะต้องเป็นที่ต้องนำไปเผยแพร่อย่างแน่นอน เพราะเป็นเรื่องนักศึกษาควรจะรู้และนำไปปฏิบัติด้วย” ส่วนอาจารย์อีกท่าน คือ อาจารย์อับดุลรอศักดิ์ นาฮูดา โรงเรียนสตูลวิทยากล่าวว่า “CSR เป็นสิ่งที่สถาบันเราปฏิบัติอยู่แล้ว แต่เพียงแค่ทีแรกเราไม่รู้ว่า CSR คืออะไร แต่มาฟังบรรยายวันนี้ทำให้เราเข้าใจ CSR ได้ชัดเจนอย่างมาก ส่วนพลเมืองบรรษัทสามารถเผยแพร่ได้อย่างแน่นอนผ่านวิชาสังคมศึกษาเพระส่วนตัวเป็นอาจารย์ที่สอนวิชาสังคมอยู่แล้ว”

และตอนนี้พวกเราก็เตรียมตัวไปจังหวัดต่อไปแล้วครับซึ่งระยะทางกินประมาณ 130 กว่ากิโลเห็นจะได้พวกเราจึงขอทานอาหารที่จังหวัดสตูลเลยแล้วกัน โดยเริ่มประเดิมจากชาชักก่อนเลยครับเพราะเค้าบอกว่าต้นตำรับชาชักต้องที่จังหวัดสตูลหลังจากได้มีโอกาสลิ้มลองต้องบอกว่าอร่อยมากกลมกล่อมไม่หวานเกินไปอีกด้วย (ปกติจะเจอชาชักตามกรุงเทพฯ ซึ่งบางเจ้าก็บอกว่าเป็นชาชักจากปัตตานีแท้ ๆ แต่หน้าตาคนทำเป็นอาตี๋ย่านเยาวราชชัด ๆ) จากนั้นเราก็ไปทานอาหารเย็นต่อสักหน่อยและเริ่มมุ่งหน้าสู่จังหวัดต่อไปแล้วครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น